ความเข้าใจผิด เกี่ยวกับ PASSIVE INCOME
.
วันนี้มีเวลานั่งดูรายการในช่อง YouTube จับพลัดจับผลูเปิดไปเจอช่องรายการสอนรวยของกูรูธุรกิจและการลงทุน ตอนแรกว่าจะข้ามไป แต่เห็นเขาพูดถึง PASSIVE INCOME แถมยกหนังสือ Rich Dad Poor Dad (พ่อรวยสอนลูก) ที่ผมเป็นคนเรียบเรียงขึ้นมาอ้าง ก็เลยนั่งฟังดูสักหน่อย
.
เผลอแพร๊บเดียว นั่งดูไปตั้งหลายคนหลายตอน แต่บทสรุปที่ได้รับจากการดู ก็คือ ทุกคนพูดเรื่อง PASSIVE INCOME ดีเกินจริง ดีเกินไป เหมือนมีแล้วไม่ต้องทำอะไร ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลย
.
วันนี้ผมเลยอยากหยิบยก 5 ความเข้าใจผิดๆ ที่พูดถึงกันบ่อยๆ เกี่ยวกับ Passive Income มาเล่าให้ฟังกันครับ
.
1) PASSIVE INCOME เป็นเรื่องง่ายๆ
.
ที่จริงประเด็นนี้ก็ใช่ว่าจะผิดไปทั้งหมดหรอกนะครับ เพราะ PI ที่ทำได้ง่าย มันก็มีจริงๆ อย่างเช่น “เงินฝาก” แค่เอาเงินไปฝากธนาคาร เราก็ได้ “ดอกเบี้ย” เป็น Passive Income แล้ว เพียงแต่อาจต้องมีเงินฝากเป็นกอบเป็นกำจริงๆ ดอกเบี้ยถึงจะพอเลี้ยงตัวเราได้
.
แต่ถ้าเป็น Passive Income จากธุรกิจและการลงทุน ในรูป “ค่าเช่า” “เงินปันผล” หรือ “ค่าลิขสิทธิ์” เช่น เป็นเจ้าของกิจการ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า การลงทุนในหุ้น หรือกองทุนรวม รวมไปถึงลิขสิทธิ์ในงานที่เราสร้างขึ้น อันนี้ต้องใช้ทักษะและความรู้เพิ่มขึ้นมาเยอะเลย ถึงจะมีรายได้จากทรัพย์สินได้
.
ทั้งนี้ไอ้ประเภท จ่ายเงินครั้งเดียว กินกำไรกันไปตลอด ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่ และน่าจะเป็นการหลอกลวงเสียมากกว่า ยิ่งถ้าโฆษณาการันตีผลตอบแทนสูง ๆ อันนี้ยิ่งต้องระวังครับ
.
2) มี Passive Income แล้วเป็นเสือนอนกิน ไม่ต้องทำอะไร
.
ประเด็นนี้คิดว่าน่าจะเป็น Gimmick เอาไว้หลอกคนขี้เกียจอยากรวย อยู่เฉยๆ แล้วอยากได้เงิน ซึ่งก็ไม่่มีจริงหรอกครับ ผมเองมี Passive Income จากทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ดอกเบี้ย ค่าเช่า เงินปันผล และค่าลิขสิทธิ์ บอกได้เลยว่า ไม่ต้องทำอะไรแล้วจะได้รายได้ เป็นเรื่องไม่จริง
.
การมีทรัพย์สินที่สร้างรายได้ อาจช่วยผ่อนแรงให้คุณไม่ต้องทำงานทุกวัน และเลือกจัดสรรเวลาทำงานได้ แต่ไม่ทำงานเลย อันนี้คงไม่ใช่ ยกตัวอย่างเช่น
.
ถ้าคุณมีธุรกิจ: คุณอาจไม่ได้เข้าออฟฟิศทุกวัน เพราะมีลูกน้องคอยช่วยคุณทำงาน แต่คุณไม่ทำงานเลย ไม่บริหารจัดการ ไม่พบปะลูกค้า ไม่มีปัญหาอะไรให้คุณแก้เลย ก็คงจะไม่ใช่
.
ถ้าคุณมีบ้านเช่า: คุณก็ไม่ต้องทำงานทุกวัน สิ้นเดือนคอยเก็บค่าเช่าก็จริง แต่ระหว่างเดือนมีปัญหามาได้ตลอดนะ ไอ้โน่นเสีย ไอ้นี่พัง ผู้เช่ามีเรื่องทะเลาะกับบ้านข้างๆ วันดีคืนดีผู้เช่าย้ายออก ค่าเช่าหายแว๊บเลยนะ
.
ถ้าคุณมีลิขสิทธิ์: คุณก็ต้องคอยบริหารลิขสิทธิ์และผลประโยชน์ของตัวเอง มีเรื่องสู้กับคนละเมิดลิขสิทธิ์อยู่บ่อยๆ
.
ถ้าคุณมีหุ้น: คงไม่มีหุ้นที่ซื้อไว้ครั้งเดียวแล้วกินปันผลจนตายได้หรอกครับ เวลาเปลี่ยน ธุรกิจมีทั้งเติบโตล้มตาย พอร์ตหุ้นก็ต้องปรับ มีข้อมูลให้ต้องติดตามอยู่ตลอด
.
โดยสรุปการมี Passive Income ไม่ใช่ว่ามีแล้วจะมีไปตลอด มันก็มีเพิ่มมีลดตามความสามารถในการสร้างรายได้ของทรัพย์สินที่เราถือครอง ดังนั้นมันจะขาดการทำงานของเจ้าของทรัพย์สินไปไม่ได้หรอกครับ
.
เพียงแต่ว่าถ้าคุณมีทรัพย์สินที่สร้างกระแสเงินสด มันจะเหมือนคุณมี “เครื่องผ่อนแรง” ให้คุณได้พักจากการทำงานแลกเงิน (Active Income) อยู่บ้าง ช่วยให้คุณจัดสรรเวลาในชีวิต มีอิสระทางเวลาที่มากขึ้นเท่านั้น
.
จะสังเกตผมใช้คำว่า “เครื่องผ่อนแรง” เพราะมันทำงานให้เราได้ มันก็หยุดเสียหยุดซ่อมได้ อะไรที่มีคำว่า “เครื่อง” นำหน้า มีลักษณะแบบนี้เหมือนกันหมดครับ
.
3) Passive Inome จะทำเงินให้เราไปตลอด
.
ประเด็นนี้ก็ไม่จริงนะครับ ไม่มีอะไรเป็นอมตะนิรันดร์กาลขนาดนั้นหรอก จำไว้ว่า ทรัพย์สินใดๆ ในโลกล้วน Dynamic มีขึ้น มีลง มีเติบโต มีตกต่ำ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยกันทั้งหมดทั้งปวง (สาธุ)
.
ธุรกิจที่เคยทำเงิน วันหนึ่งก็กลายเป็นธุรกิจที่ล่มสลายได้ (ลองนึกธุรกิจที่เราเห็นในตอนเป็นเด็ก แต่วันนี้ไม่อยู่แล้วดู)
บ้านเช่าที่เคยมีคนอยู่อาศัยไม่เคยขาด วันหนึ่งก็อาจร้าง ไม่มีผู้เช่าได้เหมือนกัน (ช่วงโควิดนี่ชัดเลย)
.
ลิขสิทธิ์เพลง หนังสือ ที่เคยได้รับความนิยม วันหนึ่งคนก็ลืม ไม่ซื้อ ไม่โหลด (วันนึงโค้ชหนุ่มหันหลังให้ยุทธจักร ก็คงไม่มีคนซื้อหนังสือโค้ชหนุ่มแล้ว 555)
.
หุ้นที่เคยปันผล วันหนึ่งกิจการไม่ดี ไม่ทำกำไร ก็คงไม่มีปันผล
.
ไม่มีอะไรทำครั้งเดียวแล้วสบายไปตลอดชาติหรอกครับ ทุกอย่างมันมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเสมอ ดังนั้นอย่าเผลอติดกับดักหลอกลวงแบบนี้ การรู้เท่าทันในทรัพย์สินที่เราลงทุน ความรู้ทางการเงินต่างหาก ความพร้อมในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง คือ สิ่งที่จะช่วยให้เรามั่งคั่งและมั่นคงได้จริง
.
4) PASSIVE INCOME ดีกว่า ACTIVE INCOME
.
ได้ยินการพูดถึง Passive Income ที่ไหน ก็มักจะมีการหยิกกัดรายได้จากการทำงาน หรือ Active Income เสียทุกครั้งไป พาลกันไปว่าการเป็นพนักงานประจำนั้นไม่ดี เงินเดือนมีเพดาน ไม่ทำหรือหยุดทำก็ไม่มีรายได้
.
โดยส่วนตัวผมมองว่า รายได้จากการทำงานไม่ใช่สิ่งเลวร้าย และหลายคนก็ใช้มันเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างรายได้จากทรัพย์สิน ด้วยการเก็บออม แล้วก็นำเงินไปลงทุนต่อยอด และจากเหตุผลในข้อ 3 ที่ว่า ไม่มีรายได้ช่องทางใดที่เป็นอมตะนิรันดร์กาล Passive Income ที่เรามี อยู่ดีๆ ก็อาจวูบหายไปเลยก็เป็นได้
.
ทางที่ดีผมว่าเราควรมีแหล่งรายได้จากหลายช่องทาง หรือ Multi-Income Stream คือ มีทั้งรายได้จากทรัพย์สินคอยช่วยผ่อนแรง ไม่ให้เราต้องเหนื่อยไปตลอด และมีรายได้จากการทำงาน คอยเติม คอยสะสมต่อยอดความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้น่าจะดีกว่า
.
นอกจากนี้ สิ่งที่ผมอยากจะบอกจากใจของคนที่มี Passive Income พอเลี้ยงตัวแล้วก็คือ ผมเองยังรักและชอบรายได้จากการทำงาน หรือ Active Income อยู่นะ เพราะแม้มันจะต้องทำงานถึงได้เงิน ต้องเหนื่อยอยู่บ้าง แต่ผมรู้สึกว่าการทำงานมันทำให้เรารู้สึกมีคุณค่า และได้รับความรู้สึกดีๆ ที่ได้ทำงาน ยิ่งถ้าได้ทำงานที่รัก ที่เราชอบ และเลือกทำมันด้วยตัวเองแล้วละก็ ยิ่งแจ่มกันไปใหญ่ ส่วน Passive Income ผมชอบที่มันช่วยผ่อนแรง ช่วยลดความกังวลทางการเงิน ทำให้เรามีเวลามากขึ้น และมีทางเลือกที่มากขึ้น
.
สรุปเลยดีกว่าไอ้โค้ช ชอบอะไรมากกว่าระหว่าง Active กับ Passive Income
คำตอบคือ “ทำอะไรที่สนุกแล้วได้ตังค์ กูเอาหมดครับ” 555
.
5) ต้องมี Passive Income ถึงจะมีอิสรภาพการเงิน
.
ถ้ายึดเอาตามนิยามหนังสือพ่อรวยสอนลูก ที่ว่าคนเราจะมีอิสรภาพการเงินได้ ก็ต่อเมื่อมีรายได้จากทรัพย์สินมากกว่ารายจ่ายรวม อิสรภาพทางการเงินแบบนี้ก็คงต้องขึ้นอยู่กับ Passive Income แต่ถ้าเรามองว่า อิสรภาพทางการเงินนั้น แก่นของมันคือ อิสระทางเวลา และการเบาบางความกังวลทางการเงิน ก็อาจไม่จำเป็นที่จะต้องมี Passive Income เยอะแยะมากมาย
.
ตัวผมเองตอนเริ่มต้นไม่ได้ตั้งโจทย์ว่าต้องมีรายได้จากทรัพย์สินดูแลตัวเองไปได้ตลอดชีวิต เพราะคิดว่าชีวิตคนเรามันเปลีี่ยนตลอด โจทย์มันถูกปรับตลอดตามเวลาและสถานการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ตอนนั้นเลยคิดโจทย์ง่ายๆ ว่า จะเก็บสะสมเงินให้พอใช้ได้ 5 ปี ให้ได้เร็วที่สุด
.
ลองนึกภาพว่า ถ้า 5 ปีต่อจากนี้ ไม่มีเงินรายได้เลยแม้แต่บาทเดียว เป็นเวลา 1,825 วัน แต่คุณมีเงินพอใช้จ่ายได้ทุกวัน ไม่เดือดร้อน มันทำให้คุณรู้สึก 1) มีอิสระทางเวลาขึ้นนิดนึงหรือเปล่า และ 2) มันเบาบางความกังวลทางการเงินของคุณไปได้บ้างมั้ย
.
ถ้าใช่! ในมุมมองผมนี่ก็เป็น “อิสรภาพทางการเงินเล็กๆ” แล้วเหมือนกันนะครับ ตัวผมเองตอนเก็บเงินพอใช้ 5 ปี มีหยุดพักเที่ยวอยู่ช่วงใหญ่ๆ เลย ประมาณว่าอยากซึมซับอิสระทางเวลาสักหน่อย ตอนแรกกะว่าจะพักผ่อนเต็มๆ 1 ปี สุดท้ายผ่านไปได้ 3 เดือน ก็เหมือนได้พักเต็มที่ คราวนี้กลับมาจัดหนักกว่าเดิม ขยับสู่ความสำเร็จทางการเงินที่เติบโตมากขึ้นได้อีก
.
นี่คือ 5 ประเด็นที่ผมอยากจะเคลียร์และอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับ Passive Income หวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับคนกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว และสร้างชีวิตกันทุกคนนะครับ
.
สุดท้ายแล้วการมีรายได้จากทรัพย์สิน ก็ดีกว่าไม่มีแหละครับ แต่การมีความคิดความเข้าใจที่ผิด จะทำให้เราเสียเวลาและไปสู่ความสำเร็จทางการเงินได้ช้า ยังไงก็ลองนำข้อคิดในวันนี้ไปปรับใช้กันดูนะครับ
.
เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากมีอิสรภาพการเงินครับ
.
#โค้ชหนุ่ม #TheMoneyCoachTH
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過31萬的網紅THE MONEY COACH,也在其Youtube影片中提到,[โค้ชหนุ่ม แนะนำหนังสือ "สร้างรายได้เสริม"] เรากำลังเดินทางเข้าสู่ยุค "งานเสริม คือ ทางรอด ไม่ใช่ ทางเลือก" แบบเต็มตัว สิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับ "งานเ...
「โค้ชหนุ่ม หนังสือ」的推薦目錄:
- 關於โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 Money Coach Facebook 的精選貼文
- 關於โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 Money Coach Facebook 的最讚貼文
- 關於โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 Money Coach Facebook 的最佳貼文
- 關於โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 THE MONEY COACH Youtube 的最讚貼文
- 關於โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 โค้ชหนุ่มแนะนำหนังสือเกี่ยวกับความสำเร็จ | #มันนีโค้ชพบประชาชน 的評價
- 關於โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 โค้ชหนุ่มแนะนำหนังสือการเงินสำหรับเด็ก l #มันนีโค้ชพบประชาชน 的評價
- 關於โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 หนังสือการเงินสำหรับผู้เริ่มต้น ต้องอ่าน!! | The Money Coach Podcast 的評價
- 關於โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 Money Coach - Home | Facebook 的評價
- 關於โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 โค้ชหนุ่มรีวิวหนังสือ "จิตวิทยาว่าด้วยเงิน" - Money Coach - Facebook 的評價
- 關於โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 Money Coach - หนังสืออีกสองเล่มที่ผมแนะนำให้อ่านครับ... 的評價
โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 Money Coach Facebook 的最讚貼文
อยากลงทุนเก่ง ต้องอย่า "เหมา" ...
ช่วงนี้อสังหาฯ ยังน่าลงทุนอยู่มั้ย?? นี่เป็นคำถามที่ผมถูกถามเยอะอยู่เหมือนกันในสถานการณ์ปัจจุบันนี้
ด้วยความที่สินทรัพย์อื่นๆ มีการพูดถึงกันมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุนรวม หรือคริปโตเคอเรนซี ซึ่งกำลังร้อนแรง มีให้ลุ้นให้เสียวกันอยู่ทุกวัน อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนก็เลยถูกลดความน่าสนใจลงไปตามระเบียบ
โดยส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าหากเราอยากเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรทำ ก็คือ การคิดแบบ "เหมา" รวมๆ ไปหมด หรือคิดเอาเองว่าทุกอย่างจะเป็นไปในแบบเดียวกัน
ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่หุ้นกำลังขึ้น ipo ตัวไหนออกมาก็ขายดี เราก็อาจนึกไปว่า ช่วงนี้ (ย้ำคำว่า "ช่วงนี้") ซื้อตัวไหนก็กำไร ก็ทำเงินได้ทั้งหมดแน่ๆ
ถึงตรงนี้หลายคนคงรู้แล้วว่า ... ไม่เสมอไป
ในความเป็นจริง ช่วงที่ตลาดหุ้นคึกคัก ก็มีหุ้นบางตัวทำเงิน และมีบางตัวทำเงินเราหายไป ไม่ใช่เอาชื่อหุ้นติดข้างฝาปาลูกดอก แล้วจะซื้อได้ทั้งหมด
หรืออย่าง คริปโต ที่กำลังร้อนแรงก็เช่นกัน ถ้าใครคิดว่าช่วงนี้ลงทุนแล้วกำไรแน่ๆ สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาก็คงได้ทำความรู้จักคริปโต (และอีลอน มัสก์) กันมากขึ้นเยอะเลย
กลับมาที่อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าและคำตอบของผม กับคำถามที่ว่า "ช่วงนี้ยังน่าลงทุนอยู่มั๊ย"
คำตอบของผมคือ "ไม่ว่าช่วงไหน ก็ยังน่าลงทุน" และยังหาของดีลงทุนได้เสมอ
ไม่ได้ตอบคำถามนี้กับอสังหาริมทรัพย์อย่างเดียว แต่ตอบครอบคลุมไปถึง หุ้น กองทุนรวม ทองคำ คริปโต หรือแม้กระทั้่งการริเริ่มทำกิจการอะไรสักอย่างที่เราศึกษามาเป็นอย่างดี (High Understanding, High Return)
ยิ่งหากเราเป็นนักลงทุนตัวจริง ที่ต้องการประสบความสำเร็จในสินทรัพย์อะไรสักอย่าง ผมว่าเราจะหาช่องทางลงทุนจากมันได้อยู่เสมอ
อสังหาริมทรัพย์เองก็ยังลงทุนได้ครับ ในช่วงเวลาแย่ๆ ตลาดขาดกำลังซื้อ ก็ยังมีหลายที่ ที่สามารถลงทุนได้ในราคาที่ดีเลยทีเดียว (เงินที่เราจ่าย คือ ตัวกำหนดอัตราผลตอบแทนการลงทุน)
เพียงแต่มันไม่ได้ดี และซื้อลงทุนได้ทุกที่ หรือซื้ออะไรก็ได้แค่นั้นเอง (อย่าเหมา)
ถ้าย้อนกลับไป 4-5 ปีก่อน ในช่วงที่อสังหาฯ บูมสุดขีด ถึงขนาดได้ใบจองมาแล้วขายต่อทำกำไรได้ทันที ช่วงนั้นก็ยังมีของไม่ดีหลุดมาหลอกขายอยู่ตลอด
คำฮิตติดปากในช่วงนั้นก็คือ "คอนโดแนวรถไฟฟ้าลงทุนได้ทั้งหมด"
จำไว้เลยว่า ได้ยินคำแนวๆ "เหมา" แบบนี้เมื่อไหร่ให้ระวังให้ดี เพราะเอาเข้าจริงคนที่ซื้ออนาคต (อันไกลโพ้น) ลงทุนกับแนวรถไฟฟ้าบางสาย ตอนนี้ยังต้องกัดฟันผ่อนอนาคตกันอย่างเดียวดายอยู่เลย
(ที่จริงดูแต่แนวรถไฟฟ้าไม่ได้ หัวใจสำคัญ คือ สินทรัพย์ต้องตั้งอยู่ใกล้สถานีขึ้นลง ห่างสักไม่เกิน 200-300 เมตร และสถานีนั้นต้องมีความคึกคักทางเศรษฐกิจ ถึงจะซื้อง่าย ปล่อยเช่าคล่อง)
หรือถ้าย้อนไปหน่อย บางคนอาจนึกออกว่าบ้านเราก็เคยมีช่วง "ตื่นทอง" ถึงขั้นซื้อกระดาษ (ใบจองทองคำ) แล้วเอามาขายทำกำไรกัน
โดยสรุป การลงทุนเป็นเรื่องความรู้ความเข้าใจและแผนการ ช่วงที่อะไรบูม ก็อาจลงทุนได้ง่ายหน่อย ช่วงไหนอะไรฝืด ก็อาจลงทุนได้อยากหน่อย
แต่ก็อีกนั่นแหละ "ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี"
อย่าคิดเอง เหมาเอง และสรุปเอาเอง ไม่ว่าในช่วงดีหรือช่วงร้ายของทรัพย์สินนั้นๆ
ช่วงนี้ลงทุนอะไรดี???
.... ยังน่าลงทุนอยู่มั้ย???
ใครๆ เขาก็ลงทุน ... กัน
ฯลฯ
ทั้งหมดนี้ คือ การ "เหมา" และ "แห่" กันไป ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร ถ้าคุณจะลงทุนตามกระแส หรือความเชื่อของคนส่วนใหญ่
แต่ผมคิดว่ามันน่าจะดีกว่า หากเราจะไม่คอยวิ่งตามกระแสเพียงอย่างเดียว และพยายามเรียนรู้วิธีลงทุนในทรัพย์สินที่สนใจอย่างลึกซึ้ง และเก่งมากพอที่จะหาโอกาสลงทุนได้ ทั้งในช่วงที่ตลาดคึกคักและซบเซา
ข้อสำคัญ อย่า "เหมา" เพราะเมื่อก้าวขาเข้าไปในโลกการลงทุน ทั้ง "โอกาส" และ "ความเสี่ยง" พร้อมจะอยู่เคียงข้างเราไปเสมอ
ขอให้ทุกคนสนุกกับการลงทุนครับ
#โค้ชหนุ่ม
ปล. หนังสือ "เกมเศรษฐี" และ "52 สัปดาห์ 52 ทรัพย์สิน" เป็นหนังสืออสังหาริมทรัพย์ให้เช่า สำหรับบุคคลทั่วไป เนื้อหาแนะเรียนรู้วิธีการใช้ Leverage สร้างทรัพย์สินให้เช่าอย่างง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและระดับกลาง (ทุกครั้งที่ท่านหยิบซื้อจากร้านหนังสือ ผมได้เล่มละ 9 บาท ฮา)
หลังสือ 2 เล่มนี้เขียนมา 6 ปีแล้วครับ ตอนนี้ผมกำลังอัพเดทเนื้อหา และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เดือน 7 เราน่าจะได้เรียน "บ้านเช่าหลังแรก" กัน
โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 Money Coach Facebook 的最佳貼文
วิธีแก้หนี้ที่ดีที่สุด
“ไม่มีใครทำให้เรารวยได้
ถ้าเราไม่อยาก
และไม่มีใครทำให้เราจนได้
ถ้าเราไม่ยอม”
สำหรับคนที่เป็นหนี้หนักจนเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง รายรับไม่พอรายจ่าย คำแนะนำทางการเงินที่ดีที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น ลดรายจ่าย และ เพิ่มรายได้
ทั้งนี้คนเราควรเลือกลดรายจ่ายก่อน เพราะเป็นเงินที่อยู่ในมือเรา สามารถจัดการได้ง่ายกว่าการหารายได้ ที่ต้องใช้ความคิด ความพยายาม รวมไปถึงอาจมีการลงทุนสร้างสินค้าและบริการ เพื่อดึงดูดเงินคนอื่นเข้ากระเป๋า
อย่างไรก็ดี เวลาพูดถึงการลดรายจ่าย หลายคนมักจะคิดถึงการลดรายจ่ายทั่วไป เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายข้าวของส่วนตัว ฯลฯ ซึ่งการลดรายจ่ายพวกนี้ก็พอจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับเราได้ แต่ก็ทำได้แค่ประคองชีวิตเท่านั้น ไม่ใช้การแก้ปัญหาให้หายขาด เพราะตราบใดที่เรายังค้างหนี้เขาอยู่ หนี้ที่เราค้างก็จะสร้างรายจ่ายคงที่ให้กับเราทุกเดือน ต่อให้เดือนนี้กินอยู่ประหยัดแค่ไหน เดือนหน้าก็ยังต้องกัดฟันกินอยู่อัตคัดต่อไปจนกว่าหนี้จะหมด
คิดง่าย ๆ หากใครสร้างหนี้เกินตัว ออกรถมาใช้ทั้งที่ไม่พร้อม ทำให้เงินรายรับไม่พอรายจ่าย แล้วเลือกกัดฟันกินอยู่ประหยัด กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่ซื้อเสื้อผ้า ลดเกรดข้าวของเครื่องใช้ ฯลฯ แต่ไม่จัดการที่ตัวหนี้ตรง ๆ แบบนี้ก็ต้องกัดฟันกันไปยาว ๆ อีก 60 เดือนเลย
ไม่ได้บอกว่าเป็นหนี้แล้วไม่ต้องประหยัดนะครับ แต่ต้องประหยัดให้ถูกทาง
ที่บอกว่าประหยัดให้ถูกทาง หมายถึง เราต้องมุ่งไปที่การลดค่าใช้จ่ายคงที่ที่เกิดจากหนี้ (ผล) โดยโฟกัสไปที่ตัวหนี้แต่ละก้อน (เหตุ) ไม่ใช่ปรับลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างเดียว ควรทำควบคู่กันไป จะให้ผลลัพธ์ที่ดี และเร็วกว่า
ตัวอย่างเช่น ถ้าผ่อนหนี้รถไม่ไหว การเข้าไปคุยกับบริษัทลีซซิ่งที่เรากู้ซื้อรถมาใช้ เพื่อขอยืดระยะเวลาผ่อน ลดค่างวดลง หรือขายทิ้งออกไปก่อน เป็นการปลดภาระรายเดือนได้เร็วกว่าการบีบชีวิตตัวเอง ด้วยการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น
นอกจากการลดรายจ่ายจากหนี้แล้ว สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป ก็คือ การหารายได้เพิ่ม เพื่อนำเงินไปโปะชำระหนี้
เพราะการลดค่าใช้จ่าย สุดท้ายเราจะลดได้ถึงระดับหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุของเงินรายได้ที่มีจำกัด ดังนั้นหากต้องการออกจากปัญหาหนี้ให้ไว จึงจำเป็นต้องมีเงินเข้ามาเพิ่มครับ
และถ้าจะให้ดี ควรเป็นรายได้เสริมหรือรายได้เพิ่ม ที่มาจากทุนชีวิตที่มีอยู่เดิม อาทิ ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ งานอดิเรก เครือข่ายคนรู้จัก และไอเดีย ฯลฯ เนื่องจากเป็นสิ่งที่เรามีอยู่กับตัว ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มมากเกินไป และที่สำคัญ หลายอย่างทำได้เลยทันที
เช่น หากปัจจุบันเราประกอบอาชีพวิศวกร ก็อาจรับจ้างออกแบบหรือรับจ้างคุมงาน หากรู้เรื่องบัญชี ก็อาจรับจ้างทำและตรวจสอบบัญชี หรือใครเคยเรียนเก่งเรียนดี ก็อาจรับจ้างสอนพิเศษให้เด็ก ๆ ใครทำอาหารเป็นลองขายอาหาร วาดการ์ตูนเป็น ก็ลองติดต่อสำนักพิมพ์รับจ้างวาดการ์ตูน หรืออาจวาดขายเป็นสติกเกอร์ในไลน์เลยก็ได้
คิดง่าย ๆ คือ หยิบทักษะ หรือสิ่งที่พอทำได้ ไปลองทำการตลาดดู
ยิ่งในยุคนี้มีช่องทางออนไลน์ ให้เราโฆษณาผลงานผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ง่าย ๆ สบาย ๆ สำคัญคือ เริ่มต้นเท่าที่ทำได้ และลงมือทำให้สม่ำเสมอ
หรือถ้ายังไม่แน่ใจว่า ตัวเราเองมีความสามารถอะไรบ้าง ลองใช้ตารางในภาพในการวิเคราะห์ต้นทุนทางปัญญาและโอกาสของตัวเองกันดู ก็ได้ประโยชน์ดีครับ
สิ่งสำคัญมีเพียงข้อเดียวเลยครับ .. คือ ต้องไม่ดูถูกตัวเอง ดูแคลนความสามารถที่มี ว่าทำมาหากินไม่ได้ บางเรื่องมันก็ต้องฝึกฝนเพิ่มเติมกันทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่ทำครั้งแรกแล้วดีเลย ตั้งใจทำ ทำให้ต่อเนื่อง ให้กำลังใจตัวเอง ท้อหรือเหนื่อยเมื่อไหร่ ถามตัวเองว่า “อยากหลุดพ้นปัญหาจริงหรือเปล่า?”
ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ก็ต้องสู้ ก็ต้องคิดให้ออก คิดให้ได้ครับ
นอกจาก ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ อีกหนึ่งวิธีที่ผมใช้ในการแก้ปัญหา ซึ่งนอกจากจะทำให้ปลดหนี้ได้แล้ว ยังช่วยทำให้เรามีอิสรภาพการเงินได้อีกด้วย ก็คือ การสร้างทรัพย์สิน ครับ
ทั้งนี้หลักการก็คือ ถ้าเราสร้างทรัพย์สินในวันที่เราเป็นหนี้ได้ ทรัพย์สินจะสร้างรายได้หรือกระแสเงินสด ที่เรียกกันว่า Passive Income ให้กับเรา
ในวันที่เราเป็นหนี้ รายได้จากทรัพย์สินจะช่วยผ่อนหนี้ให้กับเราทุกเดือน เป็นเหมือนเครื่องทุนแรง ทำให้เราไม่ต้องออกไปหางานทำทุกวัน และเมื่อผ่อนหนี้หมด ทรัพย์สินจะยังคงอยู่กับเรา และยังคงสร้างกระแสเงินสดจากทรัพย์สินได้ต่อ ช่วยจัดการรายจ่ายในแต่ละเดือน และวันหนึ่งที่รายได้จากทรัพย์สินมากกว่ารายจ่ายรวม ชีวิตของคุณก็จะมีอิสรภาพการเงินในทันที
แนวทางในการสร้างทรัพย์สินระหว่างที่เป็นหนี้ก็คือ มองหาไอเดียหรือโอกาสในการสร้างทรัพย์สิน (asset) โดยใช้เงินตัวเองให้น้อยที่สุด เพื่อให้ทรัพย์สินสร้างรายได้ หรือกระแสเงินสดให้เราทุกเดือน
แล้วอะไรบ้างล่ะที่เป็นทรัพย์สินที่สามารถสร้างขึ้นมาได้โดยไม่ต้องใช้เงินตัวเองมากนัก
1. ธุรกิจ อันนี้ช่องทางมากมายครับ ลองหาไอเดียที่คนต้องการ แก้ไขปัญหาให้คนได้ แต่ให้พยายามคิดเริ่มต้นแบบเล็ก ๆ ก่อน แล้วค่อยหาทางขยับขยาย
2. อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านเช่า หรือคอนโดให้เช่า เราสามารถใช้เครดิตการเงินของเรา หรือของคนในครอบครัวเราลงทุนได้ โดยใช้เงินตัวเองไม่มาก
3. งานที่มีลิขสิทธิ์ เช่น การเขียนหนังสือ แต่งเพลง ฯลฯ งานแบบนี้เหนื่อยในช่วงแรก แต่งานออกมาแล้วก็มีรายได้ไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังมีคนสนใจงานเราอยู่ ยิ่งในปัจจุบันมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น จากค่าโฆษณาทั้งในเฟซบุ๊กและยูทูป ขอแค่มีไอเดีย ก็สร้างรายได้ที่ได้ต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือนได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกก่อนว่า การสร้างทรัพย์สินเป็นงานที่ต้องอาศัยความอดทนสูง ในช่วงแรกของการสร้างอาจยังไม่มีรายได้เข้ามา เหมือนการปลูกต้นมะม่วง ที่อาจต้องใช้เวลาพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ใส่ใจ กว่าจะได้กินผลอร่อยของมัน แต่เป็นงานที่สร้างแล้วสามารถเก็บกินระยะยาวได้ ซึ่งต่างกับการทำงานแลกเงิน ที่เปรียบได้กับการปลูกถั่วงอก ทำแล้วรอไม่นาน ก็เก็บกินเก็บขายได้เลย แต่ก็ต้องปลูกใหม่ทดแทนอยู่เรื่อย ๆ
แนวทางแก้หนี้ทั้งหมดที่ผมเล่าให้ฟังในบทนี้ ทั้งการ ลดและควบคุมรายจ่าย หางานพิเศษทำสร้างรายได้เพิ่ม และอดทนสร้างทรัพย์สินไปด้วยควบคู่กันไป” ผมเรียกแบบเก๋ ๆ ของผมเองว่า แนวทางปลดหนี้แบบ 300%
มันจะไหวเหรอ ทำทั้งสามอย่างพร้อมกัน จะเอาเวลาที่ไหน ทุกวันนี้แค่หนี้ที่มียังหาใช้เขาไม่พอเลย วิธีที่โค้ชพูดมา ไม่ใช่ว่าทุกคนหรอกนะที่จะทำได้ ... หลายท่านอาจคิดแบบนี้
จริงครับ ... คนธรรมดา ๆ ทำไม่ได้หรอก มันต้องคนพิเศษ คนที่รักชีวิตของตัวเอง ไม่ยอมให้ชีวิตจมปลักอยู่กับความทุกข์นาน ๆ และพยายามยืนหยัดสู้ทุกหนทางเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นเท่านั้น ถึงจะทำได้
แต่ข่าวดีที่อยากจะบอกคนเป็นหนี้ทุกคน ก็คือ คนพิเศษที่ว่านี้ ในอดีตก็เป็นคนธรรมดาเหมือนคุณนั่นแหละ!!! ถ้ามีคนบนโลกสักคนหนึ่งทำได้ แล้วมันมีเหตุผลอะไรหนักหนาที่เราจะทำแบบเขาไม่ได้เล่า
ที่มา: หนังสือ "เปลี่ยนหนี้เป็นอิสรภาพการเงิน" เขียนโดย โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์
โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 THE MONEY COACH Youtube 的最讚貼文
[โค้ชหนุ่ม แนะนำหนังสือ "สร้างรายได้เสริม"]
เรากำลังเดินทางเข้าสู่ยุค "งานเสริม คือ ทางรอด ไม่ใช่ ทางเลือก" แบบเต็มตัว
สิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับ "งานเสริม" ก็คือ ให้ทั้งรายได้ และความสนุกสนาน เพลิดเพลิน (นี่คือ สิ่งที่งานเสริม ต่างจากงานอดิเรก)
หนังสือ 100 ไอเดียปั้นงานเสริม เพื่อเติมเงิน โดย Chris Guillebeau
รวมรวมหลักคิดหลักการในพัฒนาทักษะ งานอดิเรก และไอเดีย ของคุณ ให้กลายเป็นงานสร้างรายได้
พร้อมแนะนำตัวอย่างหลากหลายอีก 100 ตัวอย่าง ทั้งเรียบง่าย และไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นงานเสริมได้
แนะนำให้อ่านกันครับ รับประกันว่าได้ไอเดียดีๆ แน่นอน!!
สั่งซื้อหนังสือ 100 ไอเดียปั้นงานเสริม เพื่อเติมเงิน
http://bit.ly/39jQnV2
หรืออยากอ่านภาคแรก "งานเสริม เติมชีวิต" ควบคู่ไปด้วย เพื่อพัฒนาไอเดีย
http://bit.ly/2H7T6oh
***หรือสนใจแบบแพ็คคู่ ก็สั่งซื้อได้ครับ
http://bit.ly/3785oI1
หรือจะซื้อที่ร้านหนังสือซีเอ็ด ก็มีทุกสาขาครับ
#100ไอเดียปั้นงานเสริม #งานเสริมเติมชีวิต #การสร้างรายได้เสริม #อยากมีอาชีพเสริม
โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 โค้ชหนุ่มแนะนำหนังสือการเงินสำหรับเด็ก l #มันนีโค้ชพบประชาชน 的推薦與評價
โค้ชหนุ่ม แนะนำหนังสือการเงินสำหรับเด็ก #ไฮไลท์มันนีโค้ชพบประชาชน #themoneycoachth. ... <看更多>
โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 หนังสือการเงินสำหรับผู้เริ่มต้น ต้องอ่าน!! | The Money Coach Podcast 的推薦與評價
ถามกันมาเยอะ สำหรับหนังสือการเงินสำหรับผู้เริ่มต้น พอตแคสต์ในตอนนี้โค้ชหนุ่มหยิบหนังสือการเงิน 5 เล่ม ที่เป็น A Must ต้องอ่าน ... ... <看更多>
โค้ชหนุ่ม หนังสือ 在 โค้ชหนุ่มแนะนำหนังสือเกี่ยวกับความสำเร็จ | #มันนีโค้ชพบประชาชน 的推薦與評價
โค้ชหนุ่ม รีวิวหนังสือ 'จิตวิทยาว่าด้วยเงิน' | #มันนีโค้ชพบประชาชน. THE MONEY COACH. THE MONEY COACH. •. 11K views 5 months ago ... ... <看更多>