ใครกำลังมองหาซีรีส์สืบสวนเข้ม ๆ ขอเชียร์ให้ดู 8 เรื่องนี้กันครับ
เรื่องแรกที่ต้องเชียร์คือ Stranger ดีทั้ง 2 ซีซั่น จากคดีฆาตกรรมโยงไปถึงคดีทุจริตในหน่วยงานราชการ ซึ่งความดีงามไม่ใช่แค่เรื่องราวเข้มข้นชวนติดตามแบบรวดเดียวจบ แต่ประเด็นของซีรีส์ยังช่วยยกระดับคุณภาพขึ้นมาให้น่าจดจำ โดยเฉพาะประเด็นการทุจริตที่ยังคงฝังรากลึก มันพูดถึงจุดเล็ก ๆ อย่างเช่นความเคยชินจากการรับผลประโยชน์เล็กน้อย และการนัดพบที่ไม่เหมาะสม ก่อนจะขยายไปสู่เรื่องที่ใหญ่มากขึ้นเพราะต้องปกปิดกันเป็นทอด ๆ
เรื่องที่ 2 ขอเชียร์ Unbelievable สร้างจากเรื่องจริงของคดีข่มขืนต่อเนื่อง คนร้ายก่อเหตุครั้งแรกในปี 2008 แต่ตำรวจชายปิดคดีนั้นด้วยการกดดันให้วัยรุ่นสาวสารภาพว่ากุเรื่องขึ้นมา จน 3 ปีต่อมาเกิดคดีข่มขืนรูปแบบเดียวกันในรัฐอื่น เพียงแต่ครั้งนี้ตำรวจหญิงเข้าใจเหยื่อ แม้จะแทบไม่มีร่องรอยหลักฐานอะไรในที่เกิดเหตุ ทั้งรอยนิ้วมือและดีเอ็นเอคนร้าย เป็นซีรีส์ที่ยอดเยี่ยมในการถ่ายทอดสภาพจิตใจของเหยื่อ และยอดเยี่ยมในการสร้างพลังหญิง
เรื่องที่ 3 ต้องจัด Broadchurch ซีรีส์ใช้รูปแบบสุดแสนธรรมดาของแนวสืบสวน เริ่มจากคดีฆาตกรรมแล้วค่อย ๆ ขุดคุ้ยไปสู่ความลับที่ซ่อนอยู่มากมาย นำเสนอจุดด่างพร้อยของครอบครัวและพูดเรื่องผลกระทบจากการนำเสนอข่าวโดยสื่อที่มีต่อคนที่เกี่ยวข้องได้อย่างเฉียบคม ความโกลาหลที่สร้างขึ้นโดยสื่อทั้งหลายอย่างไร้ความรับผิดชอบ ผู้ต้องสงสัยในเรื่องทุกคนล้วนมีความลับที่ตัวเองละอายใจจะพูดถึง แต่สิ่งสำคัญที่เป็นจุดร่วมเหมือนกันคือพวกเขาล้วนถูกทำร้ายด้วยการโจมตีจากสื่อที่ปรุงแต่งใส่สีตีไข่หรือใส่ความคิดเห็นลงไปชวนให้คนอ่านเคลือบแคลงสงสัย เป็นอีกซีรีส์สืบสวนที่เชียร์ให้ได้ดูกัน
เรื่องที่ 4 ไปดูซีรีส์สืบสวนจากไอซ์แลนด์ เรื่อง Trapped เอื่อย ๆ สมจริง ตัวละครเป็นตำรวจนักสืบธรรมดา สืบตามข้อมูล สันนิษฐานพลาดไปบ้างจนกว่าจะมีข้อมูลใหม่มาหักล้าง สืบด้วยเครื่องมือเครื่องไม้เท่าที่มี ต้องสู้กับสภาพอากาศพายุหิมะถล่มอีก ตัวเรื่องราวก็นำไปสู่การเปิดเผยความลับดำมืดของชุมชนเล็ก ๆ ด้วยลำดับการเล่าเรื่องที่ใจเย็นจนช่วงท้ายไม่ต้องหักมุมอะไรมากมายก็พีคได้
เรื่องที่ 5 เชียร์ The Victims' Game โทนจะต่างจาก 4 เรื่องแรกที่เชียร์ไปนิดนึงคือมันมาแนวขายคอนเซ็ปต์ ตัวพล็อตคดีอาจจะไม่สมจริงเท่าเรื่องอื่น ๆ พูดเรื่องการตายมีความหมายมากกว่าการมีชีวิตอยู่ ตอนมีชีวิตไม่เคยมีตัวตนและเสียงเป็นแค่ความเงียบ แต่พอตายแล้วพวกเขามีตัวตนและกลายเป็นเสียงที่ดังกระจายไปทั่ว การตายคือการย้ำให้โลกรู้ว่าพวกเขาเคยมีตัวตน ส่วนการสืบสวนคือเน้นความสมจริงทางนิติวิทยาศาสตร์ เป็นซีรีส์ที่นำเสนอเรื่องการตายได้มีพลังมาก แต่ขณะเดียวกันตอนจบก็พูดถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ได้ทรงพลังไม่แพ้กัน
และเรื่องที่ 6 จะยกระดับความเว่อร์ของตัวละครขึ้นมาอีกขั้นจากเรื่องอื่น ๆ คือ Sherlock ซีรีส์แนวคนฉลาดเหนือกว่าคนปกติมากจนเบื่อไม่มีอะไรจะทำ อารมณ์เหมือนคนฉลาดรอบรู้ก็อยากคุยกับคนเลเวลเดียวกันจะได้ทันกัน จึงสนุกกับการแก้ไขคดียาก ๆ ด้วยการอนุมานจากหลักฐานและนิติวิทยาศาสตร์ โดยพยายามตัดความช่วยเหลือของเทคโนโลยีออกไปให้มากที่สุด
6 เรื่องแรกมีให้ดูบน Netflix ทั้งหมด
ข้ามมาฝั่ง Amazon Prime Video ต้องเชียร์ Bosch สร้างจากนิยายของไมเคิล คอนเนลลี่ เป็นซีรีส์ตำรวจนักสืบที่กระจายน้ำหนักไปเล่าทั้งเรื่องการเมืองภายในองค์กร, การพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์, ผสมการสืบสวนหาเบาะแส พร้อมกับสำรวจจิตใจฆาตกรต่อเนื่อง โดยยังเดินเรื่องด้วยบุคลิกตัวเอกที่โดดเด่น
ส่วน HBO GO ไม่ดู True Detective คงไม่ได้ ยืนยันอีกครั้งว่าต้องอดทนผ่าน 3 ตอนแรกให้ได้ก่อน แล้วที่เหลือจะเป็นอีกเลเวลเลย เขียนบทฉลาดดี พอการสืบสวนไม่ได้เข้มข้นแบบแจกแจงโชว์ขั้นตอนละเอียด การเล่าโดยอาศัยการทวนความจำในอดีตจึงเป็นเทคนิคที่เวิร์คสำหรับการเล่าเนื้อคดีแบบเน้น ๆ ใครชอบแนว Memories of Murder และ Zodiac ต้องไม่พลาด
ขอเชียร์ทั้ง 8 เรื่อง เกรด A ให้ดูกัน
ส่วนใครอยากลองเรื่องอื่น ๆ ขอแนะนำ
- Collateral ซีรีส์นักสืบที่ทำให้นึกถึงลายเซ็นงานของ 'สตีเฟน ไนท์'
- River ตำรวจวัยใกล้เกษียณต้องเจอเหตุสะเทือนใจอย่างร้ายแรงเมื่อตำรวจหญิงคนสนิทถูกยิงตายต่อหน้าต่อตา
- Safe งานฮาร์ลาน โคเบน ลูกสาวหายแล้วมีคนตาย ก่อนที่ความลับมากมายของคนรอบตัวกำลังจะได้รับการเปิดเผย
- The Break เกือบจะเป็น Broadchurch ของเบลเยี่ยม ติดแค่ตอนเฉลยเท่านั้นแหละ
