กรณีศึกษา คนอุรุกวัย รวยสุดในอเมริกาใต้ /โดย ลงทุนแมน
หากเอ่ยถึง “ทวีปอเมริกาใต้”..
เราคงเคยได้รับรู้ถึงเรื่องราวความถดถอยทางเศรษฐกิจตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
ของหลายประเทศในทวีปแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น เวเนซุเอลา อาร์เจนตินา บราซิล
เอกวาดอร์ หรือเปรู
แต่ในทวีปแห่งนี้ ก็ยังมีอยู่ประเทศหนึ่ง ที่เศรษฐกิจเติบโตสวนทางกับประเทศอื่น
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา นั่นคือ “อุรุกวัย”
ในปี 2019 ชาวอุรุกวัยมี GDP ต่อหัวสูงที่สุดในอเมริกาใต้
ถึงแม้จะเจอวิกฤติโควิดในปี 2020 แต่เศรษฐกิจของอุรุกวัยก็หดตัวเกือบจะน้อยที่สุด
อะไรที่ทำให้อุรุกวัยมีเส้นทางเดินที่แตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านในทวีปเดียวกัน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 17
อุรุกวัย มีจุดเริ่มต้นจากการเป็น “พื้นที่กันชน” ของมหาอำนาจยุโรปที่เข้ามาล่าอาณานิคม
ในทวีปอเมริกาใต้ คือ สเปนกับโปรตุเกส
สเปนซึ่งครอบครองดินแดนอาร์เจนตินา ได้ขยายพื้นที่มายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ
รีโอเดลาปลาตา และสร้างเมือง “มอนเตวิเดโอ” ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ให้เป็นเมืองท่าคู่กับเมืองบัวโนสไอเรส ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
เช่นเดียวกับโปรตุเกส ที่ได้ขยายดินแดนลงมาจากบราซิล และได้สร้างเมือง
“โคโลเนีย เดล ซาคราเมนโต” ให้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเดียวกัน ไม่ไกลจากมอนเตวิเดโอ
เมื่อต่างฝ่ายต่างขยายดินแดนมาเรื่อย ๆ ทั้ง 2 มหาอำนาจก็ปะทะกันในที่สุด
จนสุดท้าย ดินแดนอุรุกวัยก็ตกเป็นของสเปน และถูกนำไปปกครองรวมกับอาร์เจนตินา
โดยใช้ชื่อว่า “เขตอุปราชแห่งรีโอเดลาปลาตา”
สเปนครอบครองดินแดนแห่งนี้ เพราะหวังจะพบแร่เงิน
แต่เมื่อไม่พบ ทำให้ไม่ค่อยได้รับความใส่ใจ
จนเมื่ออำนาจของสเปนอ่อนแอลง อาร์เจนตินาจึงประกาศเอกราชจากสเปน
แต่ท้ายที่สุดก็เสียดินแดนอุรุกวัยไปให้กับโปรตุเกส
หลังจากถูกรวมกับอาร์เจนตินา
คราวนี้อุรุกวัยถูกนำไปรวมกับบราซิลของโปรตุเกส..
จนเมื่อโปรตุเกสอ่อนแอลง และบราซิลประกาศเอกราช
อุรุกวัยจึงประกาศแยกตัวจากบราซิล และก่อตั้งประเทศในปี 1828
โดยมีกรุงมอนเตวิเดโอ เมืองท่าสำคัญเป็นเมืองหลวงของประเทศ
ถึงแม้ว่าอุรุกวัยจะไม่มีทรัพยากรแร่ธาตุต่าง ๆ เหมือนกับที่อื่นในอเมริกาใต้
แต่ดินแดนแห่งนี้ ก็ตั้งอยู่บนที่ราบปัมปัส ซึ่งเป็นที่ราบที่มีความอุดมสมบูรณ์
มีทุ่งหญ้าเหมาะแก่การเลี้ยงวัวและแกะ เนื้อวัวและขนแกะจึงกลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ
ด้วยความที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ราว 176,000 ตารางกิโลเมตร
แต่กลับมีประชากรเริ่มต้นไม่กี่แสนคน
ชาวอุรุกวัยจึงมีฐานะดี เพราะตลาดยุโรปต้องการผลผลิตจากวัวและแกะเป็นจำนวนมาก
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงราว 70 ปีหลังการได้รับเอกราช อุรุกวัยกลับเต็มไปด้วยปัญหา
ทั้งปัญหาคอร์รัปชัน และความเหลื่อมล้ำของผู้คนในสังคม
เกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ พรรคเสรีนิยมกับพรรคอนุรักษนิยม
จนก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองอยู่หลายครั้ง
ผลจากสงครามกลางเมืองที่กินระยะเวลาหลายปี เศรษฐกิจของอุรุกวัยจึงเข้าสู่ภาวะถดถอย
จนกระทั่งเวลาผ่านมาถึงปี 1903 เมื่อ José Batlle y Ordóñez ได้เป็นประธานาธิบดีของอุรุกวัย
บุคคลผู้นี้คือรัฐบุรุษของอุรุกวัย ที่ปฏิรูปสังคมและการเมือง ให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น โดยเน้นถึงการมีเสรีภาพของคนภายในชาติ และความเท่าเทียมของคนในสังคม โดยไม่สนว่าคนนั้นจะเป็นเพศอะไร หรือจะเป็นชนกลุ่มน้อยหรือไม่
และเป็นคนแรกที่ได้นำรัฐสวัสดิการมาใช้ในภูมิภาคแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษาและสาธารณสุข ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ รวมถึงมีการนำกฎหมายแรงงานมาใช้ เพื่อไม่ให้ถูกนายจ้างเอาเปรียบ ทั้งระบบประกันสังคมและบำนาญ จึงทำให้ชาวอุรุกวัย มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความเหลื่อมล้ำน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
เมื่อรวมกับการส่งออกเนื้อวัวที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
ชาวอุรุกวัยจึงมีฐานะมั่งคั่ง มีคุณภาพชีวิตที่ดี จนได้รับฉายาว่าเป็น
“สวิตเซอร์แลนด์แห่งอเมริกาใต้”
ดึงดูดผู้อพยพชาวยุโรป โดยเฉพาะชาวอิตาลีให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานหลายแสนคน
โดยเฉพาะเมืองหลวงกรุงมอนเตวิเดโอ ที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไว้อย่างครบครัน
ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง ระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟ โรงพยาบาล โรงเรียน และสนามกีฬา
เมื่อมีการจัดแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรก ในปี 1930 ในเวลานั้น หลายชาติในยุโรปกำลังวุ่นวายอยู่กับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ด้วยความพร้อมที่มี กรุงมอนเตวิเดโอของอุรุกวัย จึงได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ซึ่งในปีนั้นฟุตบอลทีมชาติอุรุกวัย ก็สามารถคว้าชัยชนะได้อีกด้วย
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อุรุกวัยเป็นชาติแรกของโลก ที่เป็นทั้งเจ้าภาพจัดการแข่งขัน และเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก
แต่สวัสดิการที่ดีเยี่ยมของอุรุกวัยก็นำปัญหามาสู่ประเทศ เมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะตกต่ำครั้งใหญ่ หรือ “Great Depression” ในช่วงทศวรรษ 1930s..
ความต้องการเนื้อสัตว์และขนสัตว์ของยุโรปลดลงอย่างมาก ทำให้อุรุกวัยขาดแคลนรายได้ รัฐบาลที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน ไม่มีรายได้เพียงพอสำหรับจ่ายเป็นค่าสวัสดิการต่าง ๆ
เกิดการกู้หนี้ยืมสินจากต่างประเทศ และแก้ปัญหาด้วยการพิมพ์ธนบัตรที่นำมาสู่ปัญหาเงินเฟ้อ
ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจทำให้ประชาชนจำนวนมากออกมาประท้วง สังคมอุรุกวัยเข้าสู่ความตกต่ำ ความขัดแย้งในสังคมทำให้มีขบวนการก่อการร้ายเกิดขึ้นในเมืองหลวง ทั้งฆ่าและลักพาตัวชาวอุรุกวัยและชาวต่างชาติ เมื่อรัฐบาลพลเรือนประสบความล้มเหลวในการควบคุม
ทหารก็ทำการยึดอำนาจหลายต่อหลายครั้ง
ปี 1973 อุรุกวัยเข้าสู่ยุคเผด็จการทหารที่ยาวนานถึง 12 ปี..
รัฐบาลเผด็จการได้กวาดล้างปราบปรามขบวนการก่อการร้าย และศัตรูทางการเมืองอย่างรุนแรง จนทำให้คุกของอุรุกวัยเต็มไปด้วยนักโทษการเมืองมากมาย
จากฉายา “สวิตเซอร์แลนด์แห่งอเมริกาใต้”
ต้องถูกเปลี่ยนเป็น “ห้องโถงแห่งการทรมานของลาตินอเมริกา”
หลังจากทหารปกครองประเทศอยู่ 12 ปี ในที่สุดชาวอุรุกวัยก็ได้มีการเลือกตั้งอีกครั้ง
จนประเทศได้กลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย และได้พัฒนาเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเต็มตัว
แต่สิ่งที่รัฐบาลเผด็จการได้ทิ้งไว้ให้ คือปัญหาคอร์รัปชันที่หนักกว่าเดิม..
จนกระทั่งในปี 2004 กลุ่มพรรคการเมืองหลายพรรคที่มีอุดมการณ์สังคมนิยม
สามารถคว้าเสียงข้างมากในสภาไว้ได้ และได้เสนอให้ Tabaré Vázquez เป็นประธานาธิบดี
รัฐบาลของ Tabaré Vázquez ได้เล็งเห็นแล้วว่า สิ่งที่กัดกร่อนความก้าวหน้าของอุรุกวัย
มาตลอดหลายร้อยปี ก็คือ “การคอร์รัปชัน”
นับเป็นจุดเริ่มต้นของการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจังของอุรุกวัย
ในปี 2008 รัฐบาลได้ออกกฎหมายเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของรัฐ หรือ Freedom Open Information Act (FOIA) ซึ่งสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือ ให้เสรีภาพแก่ประชาชนในการที่จะเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน
ควบคู่ไปกับการออกกฎหมายต่อต้านการคอร์รัปชัน ซึ่งรวมไปถึงการฟอกเงิน
ใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมายนี้จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา
กฎหมายทั้งสอง คือจุดเปลี่ยนสำคัญของการบริหารประเทศ
เมื่อการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐสู่สาธารณชน ทำให้เกิดการตรวจสอบได้
เมื่อพบความผิดปกติ ผู้กระทำผิดก็ต้องรับผิดชอบด้วยการรับโทษตามกฎหมาย
ความโปร่งใสของอุรุกวัยจึงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด..
ในปี 1999 อุรุกวัยมีดัชนีความโปร่งใสอยู่ที่ 44 ไม่แตกต่างกับประเทศส่วนใหญ่ในอเมริกาใต้
ระยะเวลาเพียง 10 ปี
ในปี 2009 อุรุกวัยมีดัชนีความโปร่งใสอยู่ที่ 69 ซึ่งทำให้อุรุกวัยเป็นประเทศที่มีดัชนีนี้สูงที่สุดในภูมิภาค
เมื่อความโปร่งใสเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลก็ทุ่มเทไปกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งการรักษาวินัยทางการคลัง ลอยตัวค่าเงิน ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และแก้ปัญหาการว่างงาน
เวลาผ่านมาจนกระทั่ง José Mujica ขึ้นเป็นประธานาธิบดีในปี 2010
เขาก็ได้สานต่อเจตนาของพรรค ที่เน้นความโปร่งใสทางการเมือง คุณภาพชีวิตของคนในชาติ ความปลอดภัย และแก้ปัญหาความยากจน
ซึ่งในขณะที่ José Mujica ดำรงตำแหน่ง ได้รับฉายาว่าเป็นประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก
เพราะเขาบริจาคเงินมากกว่า 90% ให้กับองค์กรการกุศลต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้เป็นประจำ
แล้วเศรษฐกิจของประเทศนี้ เป็นอย่างไรบ้าง ?
สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ของอุรุกวัย จะมีความคล้ายคลึงกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างอาร์เจนตินา
คือ เนื้อวัว อุรุกวัยเป็นประเทศที่ส่งออกเนื้อวัวได้เป็นอันดับ 10 ของโลก
นอกจากเนื้อวัว ยังมีผลิตภัณฑ์นม ถั่วเหลือง ขนแกะ และธัญพืช ซึ่งสินค้าจากภาคเกษตรกรรมเหล่านี้ คิดเป็นสัดส่วน 50% ของการส่งออกสินค้าและบริการทั้งหมดของอุรุกวัย
นอกเหนือจากภาคการเกษตรแล้ว ยังมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่สร้างเม็ดเงินให้กับอุรุกวัย โดยในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 อุรุกวัยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศมากถึง 3.5 ล้านคน ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนประชากรอุรุกวัยที่ 3.5 ล้านคน
สร้างเม็ดเงินให้ประเทศได้ราว 65,000 ล้านบาท
แต่อุรุกวัย เป็นประเทศที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติอย่างก๊าซธรรมชาติหรือน้ำมัน
ทำให้ต้องนำเข้าพลังงานมาจากอาร์เจนตินาเป็นจำนวนมาก
อุรุกวัยจึงขาดดุลกับประเทศเพื่อนบ้านมาเป็นเวลานาน
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ทางรัฐบาลอุรุกวัย ได้วางแผนที่จะหาทางออกในการลดค่าใช้จ่าย
ในการนำเข้าพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ซึ่งทางออกที่ว่านั่นก็คือ การลงทุนใน “พลังงานหมุนเวียน”
ถึงแม้อุรุกวัยจะมีแหล่งน้ำที่เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าอยู่ประมาณ 50% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด
แต่ก็ต้องหาทางกระจายไปสู่แหล่งพลังงานอื่น เพื่อจะได้กักเก็บน้ำไว้สำหรับภาคการเกษตร
ในช่วงหน้าแล้ง โดยไม่ต้องนำมาผลิตไฟฟ้าทั้งหมด
ภาครัฐและภาคเอกชนจึงเน้นการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ โดยเฉพาะพลังงานลม
ซึ่งค่อย ๆ เพิ่มสัดส่วน จนเป็นเกือบ 40% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด
ปัจจุบัน อุรุกวัยสามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนที่เป็นพลังงานสะอาดได้เกือบ 100%
ซึ่งนอกจากจะใช้เพียงพอภายในประเทศแล้ว ยังสามารถส่งออกพลังงานไฟฟ้าไปยังอาร์เจนตินาได้อีกด้วย
ที่น่าสนใจคือ รัฐบาลอุรุกวัย ยังมีการสนับสนุนการลงทุน เพื่อก่อตั้งศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยีและการเงิน ที่มีชื่อว่า “Zonamerica” ในกรุงมอนเตวิเดโอ
ซึ่งเป็นเขตปลอดภาษี เพื่อที่จะดึงดูดบริษัทจากต่างประเทศ ให้มาตั้งสำนักงานที่อุรุกวัย
ปัจจุบัน Zonamerica เป็นที่ตั้งของบริษัทมากถึง 350 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น CITI, Deloitte, KPMG, PwC, Airbus และอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 10,000 ตำแหน่ง
ปี 2019 อุรุกวัย มีมูลค่า GDP ประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท
เมื่อหารด้วยจำนวนประชากร จะทำให้อุรุกวัยมี GDP ต่อหัวเท่ากับ 490,000 บาทต่อปี
ซึ่งถือเป็นประเทศที่มี GDP ต่อหัวสูงที่สุดในทวีปอเมริกาใต้
ปัจจุบัน อุรุกวัยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้สูงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มีดัชนีความโปร่งใสในปี 2020 อยู่ที่ 71 ซึ่งเป็นอันดับที่ 21 ของโลก
ซึ่งเป็นอันดับที่ดีกว่าฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ เสียอีก
ส่วนเมืองหลวงอย่างกรุงมอนเตวิเดโอ ก็ได้รับการจัดอันดับจาก Mercer
ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในอเมริกาใต้
ประเทศส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกาใต้ ล้วนเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่า
และสร้างรายได้อย่างมหาศาล แต่เศรษฐกิจกลับประสบความถดถอยตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า “คอร์รัปชัน”
แต่อุรุกวัยกลับเลือกเส้นทางที่แตกต่าง
การแก้ปัญหาอย่างตรงจุด และเปลี่ยนการบริหารประเทศไปสู่ความโปร่งใส
ทำให้ประเทศที่เคยเต็มไปด้วยการทุจริตและความขัดแย้งทางการเมืองไม่จบสิ้น
เป็นประเทศที่ประชาชนตรวจสอบการบริหารได้ งบประมาณจากภาษีก็ถูกนำไปแก้ไขปัญหา
และพัฒนาอย่างจริงจัง
เพราะเลือกเส้นทางที่ไม่เหมือนใคร
อนาคตของอุรุกวัยจึงสดใสที่สุด ภายใต้ความมืดมนของอีกหลายประเทศ ในทวีปเดียวกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.cepal.org/sites/default/files/pr/files/table_press_gdp_preliminaryoverview2020-eng.pdf
-https://www.archdaily.com/914434/these-are-the-20-most-livable-cities-in-latin-america-in-2019
-https://www.britannica.com/place/Uruguay/Sports-and-recreation#ref407712
-https://web.tcdc.or.th/th/Articles/Detail/Uruguay
-http://motherearthtravel.com/uruguay/history.htm
-https://www.vox.com/identities/2018/8/20/17938416/marijuana-legalization-world-uruguay-canada-netherlands
-https://www.zeweed.com/jose-mujica-the-first-president-to-legalise-weed/?c=13ac35fba0ac
-https://tradingeconomics.com/uruguay/corruption-index
-https://thaipublica.org/2014/10/latin-america-corruption-perception-2/
-https://www.trade.gov/knowledge-product/uruguay
-https://ourworldindata.org/co2-emissions
-https://www.worlddata.info/america/uruguay/tourism.php
-https://www.fdiintelligence.com/article/76412
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過5,140的網紅MatreeFootballScout 麻樹足球,也在其Youtube影片中提到,Facebook專頁: https://www.facebook.com/matreefootball 封面圖片來源: 傑志SC Facebook I must state that in NO way, shape or form am I intending to infringe right...
uruguay 2010 在 Facebook 的最讚貼文
คำสอนโดย José Mujica
อดีตประธานธิบดี Uruguay
ผู้เคยเป็นสมาชิกกองกำลังสู้อิสรภาพต่อต้านเผด็จการ
และขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้นำประเทศที่สมถะที่สุดในโลก
//--------------------------------
หมายเหตุ
แปล 2 ต่อจากญี่ปุ่นอีกที ไม่รู้ว่าตรงเท่าไหร่
หมายเหตุอีกเรื่อง - ข้อ 11 + 15 เขาพูดตอนเยือนญี่ปุ่น
//--------------------------------
1 - ผู้นำที่แท้จริงไม่ใช่ผู้ที่มีผลงานมากที่สุด
แต่เป็นผู้ที่สร้างคนที่เหนือกว่าตนเองขึ้นมาได้
2 - อย่าเอาคนรวยมาเป็นนักการเมือง
3 - ในโลกทุนนิยมที่แข่งขันกันอย่างโหดร้ายนั้น
อุดมคติที่ทุกคนจะเป็นมิตรกันได้มันมีจริงแค่ไหนกัน?
อะไรคือเส้นแบ่งของความเป็นมิตรภาพและคู่แข่ง?
4 - เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะสร้างความเติบโต
เราเกิดมาบนโลกนี้เพื่อมีความสุข
5 - ผู้ปกครองประเทศ
จะต้องใช้ชีวิตบนเส้นมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชน
6 - ถ้าจะให้ฉันไปอยู่บ้านประจำตำแหน่ง
แล้วต้องจ้างพนักงานถึง 42 คน
ฉันขอเอางบตรงนั้นไปใช้กับโรงเรียนดีกว่า
7 - ประธานาธิบดีเป็นผู้ที่ถูกเลือกโดยคนหมู่มาก
เขาจึงต้องใช้ชีวิตแบบเดียวกันกับคนหมู่มากด้วย
8 - ฉันไม่ได้บอกให้กลับไปใช้ชีวิตยุคหิน
ฉันแค่บอกว่าเราต้องคุมตลาด
9 - ฉันเป็นศัตรูกับทุนนิยม
การบริโภคอย่างฟุ่มเฟือยทำให้เราลืมสิ่งสำคัญไป
และทำให้มนุษย์ใช้ความสามารถ
ไปกับสิ่้งที่ไม่ได้นำความสุขมาสู่ตัวเอง
10 - ฉันถามตัวเองตลอดว่ามนุษย์คืออะไร
11 - ฉันสงสัยว่าคนญี่ปุ่นนะเขามีความสุขกันจริงเหรอ?
12 - การเมืองคือการต่อสู้เพื่อให้ความสุขมาสู่คนทุกหมู่เหล่า
13 - เราเอาของไปโลกหน้าไม่ได้
เราต้องปลูกฝังเหลือให้คนรุ่นหลัง
14 - จงหาความสุขของตัวคุณเอง
15 - เด็กๆที่อยู่ในญี่ปุ่นเอ๋ย
ตอนนี้คุณอยู่ในช่วงเวลาที่คุณจะมีความสุขที่สุดแล้ว
อย่าพยายามเร่งเป็นผู้ใหญ่เกิน
โดยเอาแต่เรียนเพื่อให้เป็นบุคลากรที่มีค่าทางเศรฐกิจในอนาคต
จงเล่นซะ แล้วลิ้มรสความสุขของการเป็นเด็กเอาไว้
16 - มนุษย์จะได้รับความสุขจากสิ่งมีชีวิตด้วยกัน
สิ่งของไม่ได้มอบความสุขให้คุณได้
17 - เวลาที่คุณซื้อของ
คุณไม่ได้ซื้อของด้วยเงินที่คุณหามา
แต่คุณซื้อมันด้วยเวลาที่คุณใช้ไปทำงาน
18 - ชัยชนะไม่ใช่สิ่งสำคัญสุดของความชีวิต
แต่เป็นการที่เราสามารถเดินหน้าต่อไปได้
19 - ฉันไม่ได้จน ฉันแค่สมถะ
20 - ต่อให้คุณไม่สามารถเปลี่ยนโลกได้
แต่คุณก็สามารถเปลี่ยนตัวเองได้
21 - ความจนไม่ใช่การที่คุณไม่มีสิ่งของ
ความจนที่แท้จริงคือความโลภไม่รู้จักพอ
ที่ทำให้จิตใจคุณไม่สามารถถูกเติมเต็มได้
//-----------------------------
เล่าความสมถะอดีตผู้นำคนนี้สมัยดำรงตำแหน่ง
ไม่ยอมไปอยู่บ้านประจำตำแหน่ง
อาศัยในบ้านไร่ชานเมืองปลูกดอกเบญจมาศขาย
ประมาณว่า
มันจะต้องมีคนเอามาเทียบกับบ้านไร่พระเอกละครช่อง 7
แล้วมาหัวเราะเยาะใส่ในความอาภัพ
องครักษ์มีแค่ตำรวจ 2 นาย
กับหมาสามขา 1 ตัว
มีเงินเดือนประมาณ 360,000 บาท
บริจาคให้การกุศล 90%
หักยอดอื่นๆแล้วมีรายได้ประมาณเดือนละ 24,000 บาท
ปี 2010
แจ้งมีทรัพย์สินทั้งหมด 55,000 บาท
คือราคารถ Volkswagen Beetle 1987
พอบวกบ้านกับรถแทรคเตอร์ภรรยาด้วย
รวมเป็น 6,500,000 บาท
ใช้ชีวิตเป็นนักสู้อิสรภาพช่วงปี 1960-1970
ติดคุก 14 ปี
พอ Uruguay เป็นประชาธิปไตยในปี 1985
ถึงถูกปล่อยตัว
เจ้าตัวบอก
คนอื่นจะบอกว่าฉันจนก็ช่าง
คนจนที่แท้จริงคือคนที่ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย
และมีความอยากอย่างไม่หยุดยั้ง
มันเป็นเรื่องของอิสรภาพ
ถ้าคุณไม่มีของอะไร
คุณก็ไม่ต้องมาลำบากเป็นทาสทำงานเพื่อรักษามัน
แล้วคุณจะมีเวลากับตัวเองมากขึ้น
ฉันอาจจะดูเหมือนคนแก่พิสดาร
แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ฉันเลือกอย่างมีอิสรภาพ
ด้านการปกครอง
เจ้าตัวต่อต้านทุนนิยมสุดโต่งที่เน้นการเติบโตเป็นอย่างแรก
เพราะจะทำให้ทรัพยากรหายไป
จนมนุษย์อยู่บนโลกนี้ไม่ได้กัน
และเจ้าตัวเป็น Atheist
uruguay 2010 在 Thai Pham Facebook 的最讚貼文
Jose Pepe Mujica, 84 tuổi, là cựu tổng thống Uruguay tại nhiệm từ năm 2010-2015.
Ông được đông đảo người dân biết đến như một “vị tổng thống nghèo nhất thế giới”:
“Tôi không có ý chống lại những người có tiền, thích tiền, hay say mê tiền. Nhưng khi làm chính trị, chúng ta cần tách họ ra. Chúng ta nên loại bỏ những kẻ quá yêu tiền ra khỏi chính trường, bởi họ quá nguy hiểm. Người yêu tiền nên dấn thân vào các lĩnh vực như công nghiệp, thương mại để làm giàu thêm. Còn chính trị là để đấu tranh cho hạnh phúc của tất cả người dân”, cựu tổng thống nói.
P/s: Bạn thấy sao?
– Thai Pham Happy Live – Thay đổi cuộc sống bằng cách giúp mọi người trở nên giàu có hơn
https://happy.live/tong-thong-ngheo-nhat-the-gioi-nguoi-me-tien-nen-bi-loai-khoi-gioi-chinh-tri/
uruguay 2010 在 MatreeFootballScout 麻樹足球 Youtube 的最佳貼文
Facebook專頁: https://www.facebook.com/matreefootball
封面圖片來源: 傑志SC Facebook
I must state that in NO way, shape or form am I intending to infringe rights of the copyright holder. Content used is strictly for research/reviewing purposes and to help educate.
Track: David Bulla - Highlife [NCS Release]
Music provided by NoCopyrightSounds.
Watch: https://youtu.be/5H4XVwnrmo4
Free Download / Stream: http://ncs.io/highlife
Track: Elektronomia - Limitless [NCS Release]
Music provided by NoCopyrightSounds.
Watch: https://youtu.be/cNcy3J4x62M
Free Download / Stream: http://ncs.io/Elimitless
Video Source: Ontv, 東網電視 ontv, Nowtv, Fox Sports