สหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีผู้อพยพเข้าไป มากที่สุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
ทุก 1 ใน 4 ของประชากรผู้อพยพจากทั่วโลก มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
จนทำให้กลายเป็นประเทศที่มีผู้อพยพมากที่สุดในโลก..
ปี 2019 จำนวนผู้อพยพที่เข้ามาอาศัยในสหรัฐอเมริกาและยังมีชีวิตอยู่ มีจำนวน 51 ล้านคน
หรือประมาณ 15% ของจำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศ
ทำไมสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีผู้อพยพเข้ามาอาศัยจำนวนมาก
แล้วสหรัฐอเมริกาได้ประโยชน์อะไรจากการมีผู้อพยพเข้ามาในประเทศ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ถ้าถามว่า จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์การอพยพของมนุษยชาติเกิดขึ้นมาเมื่อไร ?
คำตอบคือ เกิดขึ้นในช่วงประมาณ 70,000-100,000 ปีที่แล้ว เมื่อมนุษย์โฮโมเซเปียนส์เริ่มออกเดินทางจากทวีปแอฟริกา ไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง ก่อนจะค่อย ๆ แยกย้ายไปยังยุโรป เอเชีย อเมริกา และออสเตรเลียในที่สุด
ซึ่งการอพยพของมนุษย์ในยุคนั้นก็เพื่อหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เป็นภัยต่อการใช้ชีวิตและดำรงเผ่าพันธุ์ของตนเองไว้
แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเป็นหมื่นเป็นแสนปี แต่ทุกวันนี้การอพยพก็ยังเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ยังคงอยู่กับมนุษยชาติ ปัจจุบันทั่วโลกมีประชากรที่อพยพรวมกันกว่า 272 ล้านคน หรือประมาณ 3% ของจำนวนประชากรโลกทั้งหมดไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศบ้านเกิด
ซึ่งการอพยพนั้น อาจเกิดมาจากความเต็มใจหรือถูกสถานการณ์บังคับ ทำให้คนที่อาศัยอยู่ในประเทศนั้น ต้องการอพยพเพื่อย้ายไปอยู่ในประเทศอื่นที่พวกเขาเชื่อว่า จะทำให้ชีวิตตนเองนั้นดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ปี 2019 ประเทศที่มีจำนวนผู้อพยพที่เข้ามาอาศัยในประเทศมากที่สุด 3 อันดับแรกของโลก คือ
1. สหรัฐอเมริกา 51 ล้านคน
2. เยอรมนี 13 ล้านคน
3. ซาอุดีอาระเบีย 13 ล้านคน
สำหรับสหรัฐอเมริกา..
ประเทศแห่งนี้สร้างขึ้นมาจากการต่อสู้กับการกดขี่ข่มเหงของเจ้าอาณานิคม
ในวันที่ประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ สิ่งที่อยู่ในคำประกาศอิสรภาพ
คือการปกป้องสิทธิในการใช้ชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข
ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นหลักความเชื่อที่สำคัญที่สุดสำหรับชาวอเมริกันทุกคน
ชาวอเมริกันจึงให้ความสำคัญกับเสรีภาพทางการคิด การพูด และการแสดงออกเป็นอย่างมาก ความคิดเห็นอะไรก็ตามที่อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ล้วนมีความเป็นไปได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
สิ่งเหล่านี้เองที่เป็นแรงดึงดูดให้นักคิด นักประดิษฐ์ นักผจญภัยจากทั่วโลก เข้ามาตั้งถิ่นฐาน และเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนให้สหรัฐอเมริกาก้าวขึ้นมาจนเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน
ตัวอย่างของผู้อพยพจากทั่วโลกที่เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมอเมริกัน
ไม่ว่าจะเป็น..
ตระกูล Rockefeller ตระกูลนักธุรกิจชื่อดัง อพยพจากเยอรมนีเข้ามาสหรัฐอเมริกาช่วงต้นศตวรรษที่ 17 โดย John D. Rockefeller เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Standard Oil บริษัทน้ำมันที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
Nikola Tesla นักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ และวิศวกรชาวเซิร์บ อพยพเข้ามาสหรัฐอเมริกาในปี 1884 ผู้พัฒนาระบบไฟฟ้ากระแสสลับ ผู้คิดค้นหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์และรีโมตคอนโทรล
Albert Einstein นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันเชื้อสายยิว อพยพเข้ามาสหรัฐอเมริกาในปี 1933 เขาเป็นคนนำเสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพที่ใช้อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติของแรงโน้มถ่วง
Sergey Brin ผู้อพยพชาวรัสเซีย อพยพเข้ามาสหรัฐอเมริกาในปี 1979 เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Google ซึ่งเป็น Search Engine อันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน
Jandali ผู้อพยพชาวซีเรีย ที่เข้ามาตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกา บิดาของ Steve Jobs ผู้ก่อตั้ง Apple บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ วันนี้
สหรัฐอเมริกาคือดินแดนที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้มีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิต
รวมทั้งเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น ผู้อพยพหลายคนถึงกับตั้งฉายาให้กับประเทศแห่งนี้ว่า “Land of Opportunity”
เราลองมาดูว่า 50 ปีที่ผ่านมา มีผู้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกามากแค่ไหน ?
ปี 1970 จำนวนผู้อพยพ 12 ล้านคน เป็นสัดส่วน 5% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ
ปี 2019 จำนวนผู้อพยพ 51 ล้านคน เป็นสัดส่วน 15% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ
ปัจจุบัน โดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละปีจะมีผู้อพยพเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ขณะที่ในปี 2019 นั้น 3 ประเทศที่มีผู้อพยพเข้ามายังสหรัฐอเมริกามากที่สุดคือ เม็กซิโก จีน และอินเดีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 26% ของจำนวนผู้อพยพเข้าไปยังสหรัฐอเมริกาทั้งหมด
ทีนี้มาดูว่า แล้วทำไมในแง่ของสหรัฐอเมริกา จึงยังต้องการให้มีผู้อพยพเดินทางเข้าไปเรื่อย ๆ
เรื่องแรก เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
การมีแรงงานอพยพที่มากจะช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจนั้นเติบโตทั้งในแง่ของการผลิตและการบริโภค โดยเฉพาะการบริโภคนั้นถือว่ามีความสำคัญเนื่องจากมีสัดส่วนสูงถึง 70% ของ GDP สหรัฐอเมริกา
ในปี 2019 แรงงานในสหรัฐอเมริกา ที่เป็นผู้อพยพมีจำนวนเท่ากับ 28 ล้านคน หรือประมาณ 15% ของจำนวนแรงงานทั้งหมดของประเทศ
แรงงานอพยพ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หลายธุรกิจในสหรัฐอเมริกานั้นเติบโต ไม่ว่าจะเป็น
แรงงานที่ใช้ทักษะทั่วไปในภาคเกษตรกรรม ภาคบริการ รวมทั้งงานที่คนอเมริกันไม่ต้องการทำ
แรงงานที่ใช้ทักษะขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเมอร์ วิศวกร ซึ่งแรงงานเหล่านี้ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยทำให้สหรัฐอเมริกาคงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของโลกได้ในอนาคต
ที่ลืมไม่ได้เลยคือ แรงงานที่เป็นผู้อพยพนั้น ถือเป็นแหล่งรายได้จากการเก็บภาษีที่สำคัญของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ข้อมูลสรรพากรของสหรัฐอเมริการะบุว่า ในปี 2017 แรงงานอพยพในสหรัฐอเมริกาจ่ายเงินภาษีรวมกันกว่า 13 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นขนาดที่เกือบเท่า GDP ของประเทศไทยทั้งประเทศเลยทีเดียว
ซึ่งเงินภาษีเหล่านี้ ถือเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญสำหรับกองทุนประกันสังคมและกองทุนที่ใช้ในโครงการประกันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
การย้ายถิ่นฐานของแรงงานอพยพ ยังช่วยชดเชยการลดลงของกำลังแรงงานของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากคนอเมริกันในยุค Baby Boomer หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทยอยเข้าสู่วัยเกษียณไปเรื่อย ๆ
ขณะที่ในปี 2020 บริษัทชั้นนำ 500 อันดับของสหรัฐอเมริกา หรือฟอร์จูน 500 นั้น เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยกลุ่มผู้อพยพ มีสัดส่วนถึง 44%..
เรียกได้ว่า ผู้อพยพกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอเมริกันไปแล้ว
พวกเขาไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจของประเทศ
แต่ยังทำให้เกิดความหลากหลายทางด้านสังคมและวัฒนธรรมอีกด้วย
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศพัฒนาแล้วไม่กี่ประเทศ ที่ถูกคาดว่าจะมีประชากรเพิ่มขึ้นในปี 2050 ซึ่งจะเพิ่มขึ้นราว 50 ล้านคน จากประชากร 330 ล้านคนในปี 2020
โดยสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นก็มาจากผู้อพยพนั่นเอง
เรื่องนี้ตรงกันข้ามกับประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป ที่ประชากรมีแนวโน้มที่จะลดลงในอนาคต
จีน ที่เป็นคู่แข่งคนสำคัญของสหรัฐอเมริกาก็พบกับปัญหาที่ประชากรมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวเช่นกัน เพราะจีนไม่ได้เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติซึ่งไม่สามารถดึงดูดผู้อพยพได้เท่าไรนัก
หรือแม้แต่ประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยเอง ที่มีผู้อพยพจากประเทศใกล้เคียงอยู่จำนวนหนึ่ง ก็ยังเจอปัญหาประชากรที่มีแนวโน้มลดลงในอนาคตเช่นกัน
การอพยพของมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานตั้งแต่ยุคโบราณ จนมาถึงวันนี้และน่าจะมีต่อไปในอนาคต
แต่การที่มนุษย์จะอพยพไปที่ไหนนั้น
ก็คงตอบได้ว่า เป็นสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี มีโอกาสรอบด้านที่จะทำให้ตัวเขา รวมไปถึงลูกหลานของเขาอยู่รอดปลอดภัย และอยู่ดีกินดี นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.migrationpolicy.org/article/frequently-requested-statistics-immigrants-and-immigration-united-states-2020#:~:text=How%20many%20immigrants%20reside%20in,of%204.7%20percent%20in%201970.
-https://www.un.org/sites/un2.un.org/files/wmr_2020.pdf
-https://mullin.house.gov/news/documentsingle.aspx?DocumentID=612#:~:text=Since%20its%20beginning%2C%20America%20has,own%3A%20an%20opportunity%20to%20succeed.
-https://www.khanacademy.org/humanities/world-history/world-history-beginnings/origin-humans-early-societies/a/where-did-humans-come-from#:~:text=Between%2070%2C000%20and%20100%2C000%20years,35%2C000%20and%2065%2C000%20years%20ago.
-https://www.sapiens.org/biology/early-human-migration/#:~:text=from%20SAPIENS&text=In%20a%20study%20published%20today,just%20over%20100%2C000%20years%20ago.
-https://www.bls.gov/opub/ted/2020/foreign-born-workers-made-up-17-point-4-percent-of-labor-force-in-2019.htm
-https://www.sandiegouniontribune.com/business/economy/story/2020-02-28/does-the-u-s-need-more-legal-immigration
- https://americasvoice.org/blog/immigration-101-immigrant-taxes/
-https://www.thebalance.com/components-of-gdp-explanation-formula-and-chart-3306015
-https://data.newamericaneconomy.org/en/fortune500-2020/#exploratory_tool
-https://citizenpath.com/countries-with-the-most-immigrants/
-https://www.populationpyramid.net/united-states-of-america/2050/
同時也有11部Youtube影片,追蹤數超過1,700的網紅IEObserve,也在其Youtube影片中提到,G20 Current Account Balance (Million US dollars) This is why many countries, especially USA, are urging Germany to spend more on importing goods and s...
「united world chart」的推薦目錄:
- 關於united world chart 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於united world chart 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於united world chart 在 JUKSY 街星 Facebook 的最佳貼文
- 關於united world chart 在 IEObserve Youtube 的最佳解答
- 關於united world chart 在 Warner Music Malaysia Youtube 的最佳貼文
- 關於united world chart 在 Warner Music Malaysia Youtube 的最佳解答
- 關於united world chart 在 [榜單] United World Chart (Global Chart) - 看板WesternMusic 的評價
- 關於united world chart 在 X1 Fanpage - United World Chart — Albums - Facebook 的評價
- 關於united world chart 在 2020 Global Top 10 - United World Track Chart History 的評價
- 關於united world chart 在 GLOBAL MUSIC CHARTS: Spotify, iTunes, Youtube, Albums ... 的評價
- 關於united world chart 在 討論串(共15篇) - [情報] united world chart - 看板Madonna 的評價
united world chart 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
รู้จักทฤษฎี TINA ตลาดหุ้นขึ้น เพราะไม่มีทางเลือก /โดย ลงทุนแมน
การที่เราเลือกสิ่งหนึ่ง อาจไม่ใช่เพราะว่ามันดี
แต่อาจเป็นเพราะ
มันไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า..
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้
สามารถอธิบายได้ด้วย TINA Effect
TINA Effect คืออะไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
TINA ย่อมาจาก There Is No Alternative หรือ การไม่มีทางเลือก
วลีนี้เริ่มเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ในปี 1980
หลังจากที่อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ Margaret Thatcher มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเมืองและเศรษฐกิจของอังกฤษ
ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจ เช่น การตัดลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล การรวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง หรือการเปลี่ยนแปลงรัฐสวัสดิการ
ซึ่งนโยบายเหล่านั้นถูกวิจารณ์จากสื่ออย่างหนัก
แต่ Margaret Thatcher ตอบกลับสื่อไปว่า “There Is No Alternative” หรือมันไม่มีทางเลือก..
วลีนี้เริ่มถูกนำมาใช้ในการตลาดการเงิน
ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร The Wall Street Journal เมื่อปี 2013
ใจความสำคัญก็คือ ตลาดหุ้นเป็นทางเลือกเพียงทางเดียวสำหรับนักลงทุนจำนวนมาก ที่ต้องการผลตอบแทนในระดับหนึ่งที่พอใช้ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำยาวนาน
คำอธิบายนี้ เป็นคำตอบที่อาจช่วยให้เราหายสงสัยว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ตกต่ำ แต่ตลาดหุ้นกลับไม่ได้สะท้อนภาวะเศรษฐกิจมากนัก ถึงขนาดตลาดหุ้นบางแห่งกลับทำจุดสูงสุดใหม่ไปแล้ว
ถ้าเราย้อนกลับไปสมัยวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2007-2008
ธนาคารกลางสหรัฐหรือ FED ได้ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายด้วยการกดดอกเบี้ยนโยบายให้ต่ำเพียง 0.00-0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยทำให้ต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจอยู่ในระดับต่ำ โดยนโยบายดังกล่าวกินเวลายาวนานถึง 7 ปี
เพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่อง มาตรการต่อมาที่ธนาคารกลางหลายแห่งนำมาใช้อีกก็คือ Quantitative Easing หรือ QE ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณเงินจำนวนมากเข้าสู่ตลาดการเงินโดยตรง
ด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงินของสถาบันการเงิน เพื่อให้สถาบันการเงินเหล่านั้นเอาเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ซึ่งทั้งนโยบายการเงินผ่อนคลายที่ยาวนาน และจำนวนเงินมหาศาลที่เข้าสู่ระบบจากมาตรการ QE ได้ส่งผลต่อทางเลือกในการลงทุนของนักลงทุน เพราะเรื่องนี้ทำให้
1. อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่บางประเทศในยุโรปและญี่ปุ่น อัตราดอกเบี้ยถึงกับติดลบ จนทำให้แรงจูงใจการฝากเงินเพื่อหารายได้จากดอกเบี้ยนั้นลดลง
2. อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ยังจะทำให้พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ภาคเอกชนที่ออกมาหลังๆ ให้อัตราผลตอบแทนต่ำลงเรื่อยๆ
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนก็คือ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี
สิ้นปี 2008 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เท่ากับ 2.25%
ปัจจุบัน อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เท่ากับ 0.69%
นั่นหมายความว่า
หากเราไปซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี และถือจนครบอายุ เราจะได้รับผลตอบแทนปีละ 0.69%
จากอดีตที่จะได้ผลตอบแทนปีละ 2.25%
พอเรื่องเป็นแบบนี้
ตลาดหุ้นจึงเป็นคำตอบสุดท้าย สำหรับหลายคนที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทน
แม้จะรู้ดีว่าสภาวะเศรษฐกิจยังตกต่ำ
โรคระบาด Covid-19 ทำให้คาดกันว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยมากที่สุดในรอบ 75 ปี นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในโลก ในปัจจุบัน มีคนอเมริกันว่างงานอยู่ 18 ล้านคน มีอัตราการว่างงานสูงถึง 11% มากกว่าช่วงวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ในปี 2007-2008 เกือบเท่าตัว
แต่ตลาดหุ้นกลับปรับตัวลดลงไม่มาก เมื่อเทียบกับวิกฤติในอดีต
ที่น่าสนใจคือ บางตลาดกลับทำจุดสูงสุดใหม่ด้วย
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะตลาดหุ้น Nasdaq ของสหรัฐฯ
สิ้นปี 2019 ตลาดหุ้น Nasdaq อยู่ที่ 8,946 จุด
ปัจจุบัน ตลาดหุ้น Nasdaq อยู่ที่ 10,434 จุด หรือเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 16%
หรือแม้แต่ประเทศไทยของเราก็ตาม ก็อาจมีปรากฏการณ์ของ TINA เช่นกัน
ปีนี้จะเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยรับผลกระทบมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่า GDP ของไทยจะติดลบถึง 8.1% ซึ่งเทียบกับสมัยวิกฤติการณ์ต้มยำกุ้งในปี 1997-1998 ที่ตอนนั้น GDP ของไทยติดลบ 7.6%
โดยในช่วงนั้นตลาดหุ้นไทยติดลบไปกว่า 57% เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่ตลาดหุ้นไทยกลับติดลบไปเพียง 13%
ซึ่งก็อาจตีความได้ว่า
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ต่ำ ทำให้นักลงทุนจำนวนมากไม่มีทางเลือกเท่าไร และจำเป็นต้องลงทุนในตลาดหุ้นต่อไป..
ดังนั้น ถ้าเราไปถามนักลงทุนหลายคนว่า
ในตอนนี้เศรษฐกิจเป็นอย่างไร
คำตอบที่เราน่าจะได้ยินก็คือ พวกเขาก็รู้ว่าเศรษฐกิจยังไม่ดี
แต่พวกเขาก็จะบอกต่อไปว่า
แต่หุ้น ก็อาจจะดีกว่า การลงทุนอย่างอื่นอยู่ดี..
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://en.wikipedia.org/wiki/There_is_no_alternative
-https://www.investopedia.com/terms/t/tina-there-no-alternative.asp
-http://www2.fpo.go.th/S-I/Source/ECO/ECO49.pdf
-https://www.treasury.gov/resource-center/data-chart-center/interest-rates/pages/TextView.aspx?data=yieldYear&year=2008
-https://www.worldbank.org/en/news/press-release/2020/06/08/covid-19-to-plunge-global-economy-into-worst-recession-since-world-war-ii
-https://www.investing.com/indices/major-indices
-https://tradingeconomics.com/united-states/unemployment-rate
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.KD.ZG?locations=TH
-https://www.set.or.th/th/market/market_statistics.html
united world chart 在 JUKSY 街星 Facebook 的最佳貼文
防彈少年團的成績真的太猛了,沒得黑!
📱HOLIC 上線,搶先追蹤:https://lihi1.com/e1OoA
喀嚓!JUKSY OOTD素人募集中:https://lihi1.com/7L2Nr
📌J 個必須看:https://bit.ly/2Mx6p6q
-
#音樂 #怪奇比莉 #BillieEilish #專輯 #EdSheeran
united world chart 在 IEObserve Youtube 的最佳解答
G20 Current Account Balance (Million US dollars)
This is why many countries, especially USA, are urging Germany to spend more on importing goods and services from other countries.
G20 includes
Germany
China (People's Republic of)
Japan
Russia
Italy
Korea
Saudi Arabia
India
Turkey
Australia
Argentina
Mexico
South Africa
Brazil
France
Indonesia
Canada
United Kingdom
United States
Data: OECD
united world chart 在 Warner Music Malaysia Youtube 的最佳貼文
Follow Jessie Chung on:
Facebook: https://www.facebook.com/jessiechung.official
Instagram: https://www.instagram.com/jessiechung.offical
www.jessiechung.com
Jessie Chung is an international recording artist and actress based in Australia, currently under the management of Future Entertainment & Music Group. She is the only Malaysian artist who has stormed foreign charts, including the prestigious Taiwan 5 Music International Chart, and the I Radio Top Hits Chart. True to her multitalented status, she is also a doctor of medicine in oncology, naturopathic doctor (US), certified nutritional consultant (US), homeopathic doctor, certified iridologist, biotech researcher, accomplished entrepreneur, author, martial arts coach, and philanthropist from Malaysia. Besides holding a doctor of medicine degree (M.D.) in Clinical Chinese and Western Integrative Medicine—Oncology from Guangzhou University of TCM, China, she also possesses a MBA from The University of South Australia and a BSc. in Acupuncture and Oriental Medicine from Oriental Medical Institute, Hawaii, USA. In recent years, she was the only naturopathic oncologist selected as one of the Hummingbird Cancer Centre leading members to head their natural therapy department.
Her passion for music was evident at a young age as she racked up numerous singing competition awards. In junior high school, Jessie was the only youth representative in the entire district selected to sing at the National Day Celebration. She then proceeded to perform on many TV programmes in subsequent years. Her high school years in Canada was highlighted by her participation in an international talent contest held by TVB, and she successfully entered into the finals at the ripe age of sixteen. Besides singing, Jessie also has a gift for musical instruments, passing grade 8 organ at a young age with distinction, under the examination of Japanese auditors.
After her studies, she devoted herself into the entertainment industry and charity; so far, she has released eight albums and starred in three feature films. In 2013, she took on lead actress in the Chinese film Faces and Malaysian film Unchanging Love. She also appeared in the 2014 film Kungfu Taboo.
She is known for her ebullient and enigmatic concert performances in countries all around the world, including the United States, Canada, China, Taiwan, and Malaysia. With experience in dozens of concerts in five different languages, Jessie yielded huge responses from fans around the world during her 2015 Love Unity Concert, leaving barely any space in the arena. Building on her success from the previous year, she proceeded to perform in the Jessie Chung Exquisite Chinese Orchestra Concert in 2016, selling out all ten performances. Besides touring and performing in concerts, she has also starred in several stage plays, tackling lead roles in Malaysia, Singapore and Canada. Her recent stage production Moonlight was also well received by the visual arts community, and the organizer has brought Moonlight to numerous locations around the country.
By now, she has released six Chinese albums and two English albums. Her single Love in You was selected as the theme song for the Korean TV series My Secret Garden in Taiwan, whereas her album of the same name topped Malaysia’s aiFM Top Hits Chart, staying at number 1 for many consecutive weeks. In China, her album Loving You charted among the top 10. Her recent album Tearless Sky rose to 4th place on the I Radio Top Hits Chart and 6th place on the Pop Radio Top Ten Music Chart just within two weeks of initial release in Taiwan. The album was well received by the public and has received appraisal from music journalists. She has appeared on numerous TV shows in Taiwan, and her album was strongly recommended by the TV hosts of the programmes, one of them being Kevin Tsai (Cai Kang Yong), in his legendary TV show Kangsi Coming. Exhibiting a strong presence on TV shows, Jessie has recently been invited to host TV shows in both China and Australia.
Besides, she authored Stay Away from Cancer, Stay Away from Diseases, and the Jessie Diary series, informing the world with her medical experiences while also giving them a peek into her soul. She has authored more than ten literary and medical works to date, most of them in English and Chinese, with translations in Malay.
As an accomplished martial arts practitioner, Jessie has successfully achieved the 5th Duan of Chinese Wushu Duanwei; she is also a certified Wushu coach, referee, and instructor. She has won a total of 12 gold medals and 5 silver medals in various international Wushu competitions.
Jessie has been honoured with countless awards received from various ministers of Malaysia for her achievements, particularly two awards from the prime ministers of Malaysia.
united world chart 在 Warner Music Malaysia Youtube 的最佳解答
Follow Jessie Chung on:
Facebook: https://www.facebook.com/jessiechung.official
Instagram: https://www.instagram.com/jessiechung.offical
www.jessiechung.com
Jessie Chung is an international recording artist and actress based in Australia, currently under the management of Future Entertainment & Music Group. She is the only Malaysian artist who has stormed foreign charts, including the prestigious Taiwan 5 Music International Chart, and the I Radio Top Hits Chart. True to her multitalented status, she is also a doctor of medicine in oncology, naturopathic doctor (US), certified nutritional consultant (US), homeopathic doctor, certified iridologist, biotech researcher, accomplished entrepreneur, author, martial arts coach, and philanthropist from Malaysia. Besides holding a doctor of medicine degree (M.D.) in Clinical Chinese and Western Integrative Medicine—Oncology from Guangzhou University of TCM, China, she also possesses a MBA from The University of South Australia and a BSc. in Acupuncture and Oriental Medicine from Oriental Medical Institute, Hawaii, USA. In recent years, she was the only naturopathic oncologist selected as one of the Hummingbird Cancer Centre leading members to head their natural therapy department.
Her passion for music was evident at a young age as she racked up numerous singing competition awards. In junior high school, Jessie was the only youth representative in the entire district selected to sing at the National Day Celebration. She then proceeded to perform on many TV programmes in subsequent years. Her high school years in Canada was highlighted by her participation in an international talent contest held by TVB, and she successfully entered into the finals at the ripe age of sixteen. Besides singing, Jessie also has a gift for musical instruments, passing grade 8 organ at a young age with distinction, under the examination of Japanese auditors.
After her studies, she devoted herself into the entertainment industry and charity; so far, she has released eight albums and starred in three feature films. In 2013, she took on lead actress in the Chinese film Faces and Malaysian film Unchanging Love. She also appeared in the 2014 film Kungfu Taboo.
She is known for her ebullient and enigmatic concert performances in countries all around the world, including the United States, Canada, China, Taiwan, and Malaysia. With experience in dozens of concerts in five different languages, Jessie yielded huge responses from fans around the world during her 2015 Love Unity Concert, leaving barely any space in the arena. Building on her success from the previous year, she proceeded to perform in the Jessie Chung Exquisite Chinese Orchestra Concert in 2016, selling out all ten performances. Besides touring and performing in concerts, she has also starred in several stage plays, tackling lead roles in Malaysia, Singapore and Canada. Her recent stage production Moonlight was also well received by the visual arts community, and the organizer has brought Moonlight to numerous locations around the country.
By now, she has released six Chinese albums and two English albums. Her single Love in You was selected as the theme song for the Korean TV series My Secret Garden in Taiwan, whereas her album of the same name topped Malaysia’s aiFM Top Hits Chart, staying at number 1 for many consecutive weeks. In China, her album Loving You charted among the top 10. Her recent album Tearless Sky rose to 4th place on the I Radio Top Hits Chart and 6th place on the Pop Radio Top Ten Music Chart just within two weeks of initial release in Taiwan. The album was well received by the public and has received appraisal from music journalists. She has appeared on numerous TV shows in Taiwan, and her album was strongly recommended by the TV hosts of the programmes, one of them being Kevin Tsai (Cai Kang Yong), in his legendary TV show Kangsi Coming. Exhibiting a strong presence on TV shows, Jessie has recently been invited to host TV shows in both China and Australia.
Besides, she authored Stay Away from Cancer, Stay Away from Diseases, and the Jessie Diary series, informing the world with her medical experiences while also giving them a peek into her soul. She has authored more than ten literary and medical works to date, most of them in English and Chinese, with translations in Malay.
As an accomplished martial arts practitioner, Jessie has successfully achieved the 5th Duan of Chinese Wushu Duanwei; she is also a certified Wushu coach, referee, and instructor. She has won a total of 12 gold medals and 5 silver medals in various international Wushu competitions.
Jessie has been honoured with countless awards received from various ministers of Malaysia for her achievements, particularly two awards from the prime ministers of Malaysia.
united world chart 在 X1 Fanpage - United World Chart — Albums - Facebook 的推薦與評價
United World Chart (UWC) is a global chart that gathers and publishes the weekly global music charts for albums and tracks. The album chart is based on sales ... ... <看更多>
united world chart 在 2020 Global Top 10 - United World Track Chart History 的推薦與評價
source: mediatraffic.decover: song with most points of the year. ... <看更多>
united world chart 在 [榜單] United World Chart (Global Chart) - 看板WesternMusic 的推薦與評價
抱歉,由於上次時間因素(是買鐘嗎XD),
使得單曲榜在此公佈。
單曲榜就是從年頭紅到年尾的Uptown Funk
這首歌也是許多國家年榜冠軍。
雖然說今年冠軍早在暑假過後就抵定,
但此榜還是反映了一些有趣的現象。
稍候結論跟大家分析。
PS 該榜計算方式以「點數」計算,與告示牌雷同。
每個國家所採計之實體、數位、串流、電台不得而之比率。
單曲
歌名 演唱者 點數
01. Uptown Funk -------------- Mark Ronson ft. Bruno Mars --- 12,588,000 points
02. See You Again ------------ Wiz Khalifa ft. Charlie Puth - 8,230,000 points
03. Cheerleader(Felix Jaehn Remix) - Omi -------------------- 8,214,000 points
04. Thinking Out Loud -------- Ed Sheeran ------------------- 7,679,000 points
05. Hello -------------------- Adele ------------------------ 7,569,000 points
06. Love Me Like You Do ------ Ellie Goulding --------------- 6,863,000 points
07. Sugar -------------------- Maroon 5 --------------------- 6,650,000 points
08. Lean On ----------------- Major Lazer ft. Mo & DJ Snake - 6,629,000 points
09. Take Me To Church -------- Hozier ----------------------- 6,143,000 points
10. Can't Feel My Face ------- The Weeknd ------------------- 5,607,000 points
11. Shut Up And Dance -------- Walk The Moon ---------------- 5,361,000 points
12. Want To Want Me ---------- Jason DeRulo ----------------- 5,232,000 points
13. What Do You Mean? -------- Justin Bieber ---------------- 5,165,000 points
14. The Hills ---------------- The Weeknd ------------------- 4,424,000 points
15. FourFiveSeconds ------ Rihanna ft. K.West & P.McCartney - 4,413,000 points
16. Blank Space -------------- Taylor Swift ----------------- 4,173,000 points
17. Sorry -------------------- Justin Bieber ---------------- 3,868,000 points
18. Earned It ---------------- The Weeknd ------------------- 3,824,000 points
19. Photograph --------------- Ed Sheeran ------------------- 3,537,000 points
20. Locked Away -------------- R.City ft. Adam Levine ------- 3,445,000 points
21. Hotline Bling ------------ Drake ------------------------ 3,392,000 points
22. How Deep Is Your Love ---- Cavin Harris & Disciples ----- 3,371,000 points
23. Bad Blood ------------- Taylor Swift ft. Kendrick Lamar - 3,289,000 points
24. Trap Queen --------------- Fetty Wap -------------------- 3,169,000 points
25. Where Are U Now ---- Skrillex & Diplo ft. Justin Bieber - 3,010,000 points
26. Lips Are Movin' ---------- Meghan Trainor --------------- 2,846,000 points
27. Hey Mama ------ David Guetta ft. Nicki Minaj & Afrojack - 2,767,000 points
28. Fight Song --------------- Rachel Platten --------------- 2,754,000 points
29. Shake It Off ------------- Taylor Swift ----------------- 2,721,000 points
30. I'm Not The Only One ----- Sam Smith -------------------- 2,710,000 points
31. G.D.F.R. -------- Flo Rida ft. Sage The Gemini & Lookas - 2,683,000 points
32. Are You With Me ---------- Lost Frequencies ------------- 2,506,000 points
33. Drag Me Down ------------- One Direction ---------------- 2,433,000 points
34. Style -------------------- Taylor Swift ----------------- 2,430,000 points
35. Stitches ----------------- Shawn Mendes ----------------- 2,394,000 points
36. Mavin Gaye ------------ Charlie Puth ft. Meghan Trainor - 2,361,000 points
37. Elastic Heart ------------ Sia -------------------------- 2,325,000 points
38. Ain't Nobody --------- Felix Jaehn ft. Jasmine Thompson - 2,303,000 points
39. Good For You ------------- Selena Gomez ft. A$AP Rocky -- 2,256,000 points
40. All About That Bass ------ Maghan Trainor --------------- 2,246,000 points
41. Firestone ---------------- Kygo ft. Conrad -------------- 2,245,000 points
42. Worth It ----------------- Fifth Harmony ft. Kid Ink ---- 2,221,000 points
43. Wildest Dreams ----------- Taylor Swift ----------------- 2,214,000 points
44. Watch Me (Whip/NaeNae) --- Silento ---------------------- 2,212,000 points
45. Outside -------------- Calvin Harris ft. Ellie Goulding - 2,209,000 points
46. 679 ---------------------- Fetty Wap ft. Remy Boyz ------ 2,116,000 points
47. Stay With Me ------------- Sam Smith -------------------- 2,108,000 points
48. Love Yourself ------------ Justin Bieber ---------------- 2,066,000 points
49. On My Mind --------------- Ellie Goulding --------------- 2,055,000 points
50. Time Of Our Lives -------- Pitbull ft. Ne-Yo ------------ 2,022,000 points
結論
*整體而言較去年點數增長0.9%。
*81首>100萬點;50首>200萬點;25首>300萬點;13首>500萬點。
與去年相比,100萬點以上增加3曲;200萬點以上減少3曲;
300萬點以上減少3曲;500萬點以上增加2曲。
*該榜不變定律為:年初長紅則奪冠、夏季HIT SONG長銷奪冠。
目前依照這樣的頻率走下來,以下幾首歌有機會可望成為年初HIT SONG
Love Yourself 可望奪冠;Adventure Of A Lifetime 還沒peak;
In The Night 也還有發展空間。
*泰妹與小賈分別各有4首超過200萬點;其次為威肯、艾麗高登、梅根。
新一代年輕偶像主導了單曲榜走向。
以上
--
※ 發信站: 批踢踢實業坊(ptt.cc), 來自: 118.167.51.14
※ 文章網址: https://www.ptt.cc/bbs/WesternMusic/M.1452353341.A.0ED.html
如果我沒記錯,這個榜的串流比率極低。
應該是說,主要還是以實體、數位、電台為主,而像youtube的串流計算不多。
※ 編輯: aoisaiky (118.167.51.14), 01/10/2016 10:58:24
... <看更多>