ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2 /โดย ลงทุนแมน
“ซิลิคอนแวลลีย์ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นวิธีคิด”
คำกล่าวของ Reid Hoffman ผู้ก่อตั้ง LinkedIn แพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตซิลิคอนแวลลีย์
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในแง่สถานที่ ซิลิคอนแวลลีย์ คือ พื้นที่หุบเขาราว ๆ 1,500 ตารางกิโลเมตร บริเวณรอบอ่าวซานฟรานซิสโก ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
ซิลิคอนแวลลีย์ประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่ ที่ล้วนเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเหล่าบริษัทไอทีชั้นนำระดับโลก โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากคำว่า “ซิลิคอนชิป” ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นหน่วยความจำของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ส่วนในแง่วิธีคิด มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดปลูกฝังการศึกษาด้านอิเล็กทรอนิกส์ให้งอกงาม ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนากระบวนการผลิตนักศึกษาให้เป็นนักธุรกิจ
จนนำมาสู่การก่อตั้งบริษัทไอทีระดับโลกแห่งแรกในซิลิคอนแวลลีย์ คือ Hewlett Packard (HP)
หลังจากนั้น หุบเขาแห่งนี้ก็เบ่งบานไปด้วยบริษัทไอที ดึงดูดนักประดิษฐ์และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีจากทั่วโลก ให้เข้ามาสานฝันให้กลายเป็นความจริง
และเมื่อมี “วิธีคิด” ช่วยส่องสว่าง นวัตกรรมทุกอย่างก็จะมีหนทางไป..
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2
ด้วยอาณาบริเวณกว้างใหญ่รอบอ่าวซานฟรานซิสโก ต้นน้ำแห่งนวัตกรรมของซิลิคอนแวลลีย์จึงไม่ได้มีแค่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเท่านั้น
แต่เหนือขึ้นมาราว 50 กิโลเมตร ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และสร้างนักประดิษฐ์ วิศวกร ไปจนถึงผู้ประกอบการชั้นยอดมากมาย มาประดับวงการไอที
หนึ่งในนั้นคือ Fred Moore ผู้ก่อตั้งสมาคมคอมพิวเตอร์โฮมบรูว์ สมาคมที่เป็นสถานที่นัดพบของผู้คลั่งไคล้ในโลกของเทคโนโลยี เป็นที่แลกเปลี่ยนทางความคิด
โดยความปรารถนาสูงสุดของผู้คนในสมาคมนี้ คือการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้นมาเอง
ในช่วงปี 1975 ที่มีการก่อตั้งสมาคมแห่งนี้
ความสำเร็จของการประดิษฐ์ “ไมโครโพรเซสเซอร์” ที่ย่อส่วนแผงวงจรรวมจำนวนมากเข้ามาอยู่ด้วยกันในชิปขนาดเล็ก
ทำให้ขนาดของเครื่องคอมพิวเตอร์จากที่มีขนาดใหญ่โตเท่าห้อง มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ ราคาก็ถูกลงเรื่อย ๆ และด้วยหน่วยความจำที่มากขึ้น ความสามารถในการทำงานจึงสูงขึ้นและรวดเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ
Steve Wozniak นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้ชักชวนเพื่อนสมัยมัธยมที่ชื่อ Steve Jobs ให้มาเข้าร่วมสมาคมคอมพิวเตอร์แห่งนี้..
Steve Wozniak เป็นผู้คลั่งไคล้ในวิศวกรรมและมีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น เคยทำงานให้กับ Hewlett Packard
ส่วน Steve Jobs เป็นผู้มีหัวการค้า มีนิสัยกล้าคิดกล้าทำ เขาเคยทำงานให้กับบริษัทสร้างวิดีโอเกมชื่อ Atari และเคยทำงานในช่วงฤดูร้อนให้กับ Hewlett Packard ด้วยเช่นกัน
Wozniak ได้นำความรู้และประสบการณ์มาทดลองออกแบบคอมพิวเตอร์ด้วยแนวทางของตัวเอง โดยใช้ชิปเท่าที่จะหาได้ มาประกอบกับคีย์บอร์ด QWERTY และมีจอโทรทัศน์เป็นเครื่องแสดงผลในช่วงแรกเริ่ม
และเมื่อออกมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Jobs ก็เป็นผู้เสนอความคิดให้ลองนำสิ่งประดิษฐ์นี้ออกวางขายในเวลาต่อมา
ผลงานการประดิษฐ์ชิ้นนั้นของ Wozniak ถือเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรก ๆ ของโลก เครื่องคอมพิวเตอร์นี้ถูกตั้งชื่อต่อมาว่า “Apple I”
สิ่งสำคัญไม่แพ้การสนับสนุนจากสถาบันการศึกษาก็คือ “เสรีภาพทางความคิด”
ซิลิคอนแวลลีย์ มีสมาคมมากมายที่เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนทางความคิด นำเสนอไอเดีย จึงกลายเป็นวัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำ และเติบโตไปบนหนทางสร้างสรรค์ที่ตัวเองตั้งใจ
คอมพิวเตอร์ของ Wozniak ก็ถูกนำเสนอแก่สายตาสมาชิกในสมาคมโฮมบรูว์ในช่วงปลายปี 1975 ซึ่งหนึ่งในผู้เข้ามาร่วมชม คือ เจ้าของร้าน The Byte Shop ร้านขายของเบ็ดเตล็ดและอุปกรณ์ไอที
ที่เกิดความประทับใจกับคอมพิวเตอร์ชิ้นนี้มาก จึงได้สั่งซื้อคอมพิวเตอร์นี้ถึง 50 เครื่อง
แล้วก้าวแรกของบริษัท Apple ก็เริ่มต้นขึ้นในเมืองคูเปอร์ติโน ทางตอนใต้ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในอีก 1 ปีถัดมา..
ใครจะไปเชื่อว่า จากบริษัทเล็ก ๆ ที่มีผู้ก่อตั้งเป็นผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยี 2 คน
ในปี 1980 หลังการก่อตั้งเพียง 4 ปี บริษัทสามารถเติบโตจนเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นในฐานะบริษัทมหาชนได้สำเร็จ และได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ในตอนนี้..
เมื่อมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแล้ว อีกหนึ่งก้าวสำคัญของซิลิคอนแวลลีย์ ก็เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970s
นั่นก็คือ จุดเริ่มต้นของ “อินเทอร์เน็ต”
เมื่อบริษัทไอที ชื่อ Xerox ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยในเมืองพาโล อัลโต ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ชื่อว่า Xerox Palo Alto Research Center หรือ Xerox PARC
Xerox PARC ได้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีเชื่อมต่อ จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ในยุคแรกที่มีชื่อว่า ระบบอีเทอร์เน็ต (Ethernet)
อีเทอร์เน็ต ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1973 โดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับเครื่องพิมพ์ ผ่านเครือข่ายบริเวณระยะใกล้ หรือเครือข่าย LAN (Local Area Network)
ต่อมาในปี 1978 Vint Cerf ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ร่วมมือกับ Bob Kahn พัฒนาโพรโทคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
ซึ่งโพรโทคอลที่ว่านี้ คือชุดของขั้นตอนและกฎระเบียบ ทำให้ภายในชุดกฎระเบียบเดียวกัน ทั้ง 2 เครื่องจะสามารถเข้าใจระบบของกันและกัน และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้
โดยเฉพาะเลข Internet Protocol (IP) ที่เป็นการปูรากฐานให้กับโลกของอินเทอร์เน็ต
อุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจะต้องมีเลขนี้ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ บนระบบเครือข่ายรู้จักกัน โดย IP จะระบุว่า เครือข่ายต่าง ๆ ควรเชื่อมโยงกันอย่างไร
เมื่อโลกอินเทอร์เน็ตถูกปูรากฐาน ต่อมาในยุค 1980s ก็เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น
Doug Engelbart นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด ได้มาทำงานให้ PARC และได้พัฒนาระบบส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ หรือ Graphic User Interface (GUI)
จากคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ ที่ใช้งานยากและต้องใช้งานผ่านตัวอักษร
ระบบ GUI ได้เข้ามาช่วยเปลี่ยนการใช้งานให้ง่ายขึ้นผ่านทางสัญลักษณ์หรือภาพ เช่น ไอคอน หน้าต่างการใช้งาน เมนู ปุ่มเลือก รวมถึงการพัฒนา “ตัวชี้ตำแหน่ง X-Y” ซึ่งต่อมาก็คือ “เมาส์”
ทั้งระบบ GUI และเมาส์นี่เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ Steve Jobs นำสิ่งเหล่านี้มาพัฒนาและเกิดเป็น “Macintosh” ในปี 1984 ซึ่งถือเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก ๆ ที่มีการออกแบบอย่างเข้าใจผู้ใช้งาน
ในเวลานี้ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ครัวเรือนชาวอเมริกันที่ครอบครองคอมพิวเตอร์เพิ่มจากร้อยละ 5 ในช่วงต้นทศวรรษ 1980s
มาเป็นร้อยละ 20 ในปี 1989
โลกอินเทอร์เน็ตถูกเชื่อมโยงเข้ากับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเปิดทางให้เกิดการพัฒนา World Wide Web ในช่วงปี 1989 ซึ่งมีจุดเริ่มต้นเมื่อ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัย CERN ในสวิตเซอร์แลนด์ ต้องการส่งข้อมูลให้กับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก
World Wide Web, WWW คือ ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต จากแหล่งข้อมูลหนึ่ง ไปยังแหล่งข้อมูลที่อยู่ห่างไกลทั่วโลก ให้มีความง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด
โดยผ่านซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า “เบราว์เซอร์”
แล้ว “สาธารณชน” ในยุค 1990s ก็เข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก!
สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่มีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตสัดส่วนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในปี 1996 มีชาวอเมริกันเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงถึงร้อยละ 16
ในขณะที่หลายประเทศในยุโรปตะวันตกยังเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไม่ถึงร้อยละ 5
การเกิดขึ้นของ World Wide Web ทำให้ย่านซิลิคอนแวลลีย์เริ่มคึกคักไปด้วยบริษัทที่มีโมเดลทำรายได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ถูกมองว่าเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต ขึ้นมามากมาย
และสิ่งสำคัญที่สุด ที่มีมาตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทไอทีในยุค 1950s คือ ธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ Venture Capital ดึงดูดให้บริษัทสตาร์ตอัปมากมาย หลั่งไหลเข้ามาใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเหล่านี้
นักศึกษาปริญญาเอกสาขาคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 2 คน
คือ Larry Page และ Sergey Brin ได้ร่วมกันพัฒนาโปรแกรมสำหรับใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในรูปแบบของ Search Engine
โดยใช้การทำงานของ Robot ที่ชื่อว่า Spider ซึ่งเป็นตัวสำรวจข้อมูล เมื่อพบข้อมูลที่ต้องการก็จะส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทาง
ปี 1998 ทั้ง 2 คน ได้ตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Google” ในเมืองเมนโลพาร์ก และ IPO เข้าสู่ตลาดหุ้นในอีก 5 ปีถัดมา
แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับบริษัท Apple เพราะอีก 20 ปีต่อมา บริษัท Google ที่เปลี่ยนชื่อเป็น Alphabet ก็ได้กลายมาเป็น บริษัทที่มีมูลค่าเป็นอันดับ 5 ของโลก..
แม้ความรุ่งเรืองจากการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต จะพาซิลิคอนแวลลีย์เข้าสู่การเติบโตที่รวดเร็วเกินไปจนเกิดวิกฤติฟองสบู่ดอตคอมในช่วงก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 จนสร้างความเสียหายหลายบริษัทและนักลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนมาก
แต่อย่างไรก็ตาม วิกฤติครั้งนั้น ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการพัฒนาของเทคโนโลยี ณ หุบเขาแห่งนี้ได้
หลังจากวิกฤติไม่นาน ก็มีการพัฒนาระบบ IPv6 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน IP ช่วยให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น นอกเหนือจากเครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งปูทางมาถึงการเกิดขึ้นของ “สมาร์ตโฟน” โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถในการใช้งานมัลติมีเดีย และเชื่อมต่อเข้ากับโลกอินเทอร์เน็ตอย่างไร้รอยต่อ ด้วยระบบ IPv6
หนึ่งในสมาร์ตโฟนที่โดดเด่นที่สุดก็คือ iPhone จากบริษัท Apple ที่เปิดตัวในปี 2007
เช่นเดียวกับ Google ที่ได้เข้าซื้อบริษัท Android และเปิดตัวโทรศัพท์แอนดรอยด์ในปี 2008
และทั้งสองก็แข่งขันกันพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเอง
เมื่อผู้คนเริ่มใช้สมาร์ตโฟนมากขึ้น นำมาสู่การเกิดขึ้นของ “Application” ซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อช่วยการทำงานต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน
โดยแอปพลิเคชัน จะมีส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface) หรือ UI เพื่อเป็นตัวกลางในการใช้งานให้ราบรื่น
และด้วยความที่ซิลิคอนแวลลีย์เต็มไปด้วย Venture Capital ที่คอยให้เงินทุนสนับสนุนไอเดียล้ำ ๆ
หุบเขาแห่งนี้ จึงยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดบริษัทใหม่มากมาย โดยเฉพาะบริษัทที่จะมาสร้างสรรค์เครือข่ายสังคมออนไลน์..
ปี 2003 LinkedIn เกิดแพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน
ก่อตั้งโดย Reid Garrett Hoffman วิศวกรที่เคยทำงานให้กับ Apple
ปี 2004 เกิด Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก
ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการคิดค้นวิธีการเชื่อมผู้คนในรูปแบบใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ของ Mark Zuckerberg พร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน
ปี 2006 หลังออกจากมหาวิทยาลัย Jack Dorsey พร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน
ได้ก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ประเภท Microblog ที่แสดงข้อความสั้น ๆ ความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร
โดยคิดค้นชื่อที่มาจากคำว่า Tweet ซึ่งแปลว่าเสียงนกร้อง Logo ของบริษัทจึงเป็นรูปนก และบริษัทนี้มีชื่อว่า Twitter
ปี 2009 เกิด WhatsApp แอปพลิเคชันในการติดต่อสื่อสารด้วยข้อความ ก่อตั้งโดย Jan Koum โปรแกรมเมอร์ที่เห็นประโยชน์จากการเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟน
บริษัททั้งหมดล้วนมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในซิลิคอนแวลลีย์
หุบเขาแห่งเทคโนโลยีแห่งนี้ยังคงดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้เข้าไปเติมเต็มความฝัน เพื่อสร้างสรรค์อุปกรณ์ไอทีที่ไฮเทคขึ้นเรื่อย ๆ
และเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกของเครือข่ายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและเชื่อมต่อกันและกัน หรือเรียกว่า “Internet of Things” ที่จะเข้ามามีบทบาทในทุกย่างก้าวของชีวิต
ความสำเร็จของอุตสาหกรรมไอทีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจของโลก ล้วนมีที่มาจากหลายปัจจัย
ทั้งระบบการศึกษาที่เข้มแข็ง ที่สร้างองค์ความรู้และช่วยวางรากฐานสู่โลกธุรกิจ
วัฒนธรรมแห่งเสรีภาพ ที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
แหล่งเงินทุน ที่เข้าถึงง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ
และเครือข่ายผู้คิดค้นนวัตกรรมที่เติมเต็มความฝันต่อยอดกันไปไม่รู้จบ
หากถามว่า อิทธิพลทางเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาจะคงอยู่อีกนานแค่ไหน ?
เมื่อไรที่มนุษย์จะหยุดฝัน เมื่อนั้นอาจเป็นคำตอบ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-มิเชลล์ ควินน์, เมื่อซิลิคอนแวลลีย์เติบใหญ่ นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2562
-https://www.parc.com/about-parc/parc-history/
-https://www.internetsociety.org/wp-content/uploads/2017/09/ISOC-History-of-the-Internet_1997.pdf
-https://searchnetworking.techtarget.com/definition/TCP-IP
-https://www.lifewire.com/transmission-control-protocol-and-internet-protocol-816255
-https://tradingeconomics.com/united-states/personal-computers-per-100-people-wb-data.html
-https://www.businessinsider.com.au/highest-valued-public-companies-apple-aramco-biggest-market-cap-2020-1
-https://www.forbes.com/profile/reid-hoffman/#5f276ca61849
-http://startitup.in.th/the-rags-to-rich-jan-koum-whatsapp-co-founder-startup-story/
-https://www.set.or.th/set/enterprise/html.do?name=vc
同時也有8部Youtube影片,追蹤數超過740的網紅Sherry Go Sharing,也在其Youtube影片中提到,Sharing with you this time what I have bought for my son. He loves puzzles and books related his interest. #sherrygosharing #selangor #klangvalley #d...
「microblog」的推薦目錄:
- 關於microblog 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於microblog 在 Apple Daily - English Edition Facebook 的最佳解答
- 關於microblog 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於microblog 在 Sherry Go Sharing Youtube 的最佳貼文
- 關於microblog 在 Sherry Go Sharing Youtube 的精選貼文
- 關於microblog 在 Sherry Go Sharing Youtube 的最佳解答
- 關於microblog 在 Welcome to Microblog! - GitHub 的評價
- 關於microblog 在 61 Instagram Microblog Design ideas - Pinterest 的評價
- 關於microblog 在 What is Blogging and Microblogging? | Digital marketer ... 的評價
microblog 在 Apple Daily - English Edition Facebook 的最佳解答
China’s Twitter-like microblog platform Sina Weibo has blocked searches of “stock market” and “stock market crash", in an apparent attempt by the authorities to stem investor anxiety in bearish times.
Read more: https://bit.ly/2N4224J
中國主要股市近期大幅下滑,「股市」、「股市暴跌」等已成微博禁語。
________
📱Download the app:
http://onelink.to/appledailyapp
📰 Latest news:
http://appledaily.com/engnews/
🐤 Follow us on Twitter:
https://twitter.com/appledaily_hk
💪🏻 Subscribe and show your support:
https://bit.ly/2ZYKpHP
#AppleDailyENG
microblog 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
รู้จัก Wang Xing จากนักก๊อบปี้ สู่เจ้าของธุรกิจ E-commerce 9 ล้านล้าน /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงธุรกิจ Food Delivery เราน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด
แต่ละแบรนด์ต่างแข่งกัน “เผาผลาญเงิน” ออกโปรโมชันส่วนลดค่าอาหาร หรือบริการส่งฟรี
เพื่อที่จะดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาใช้แอปพลิเคชันของตน
เพราะสุดท้ายแล้ว แอปพลิเคชันไหนก็ตามที่เป็นผู้รอดชีวิตและมีผู้ใช้งานมากที่สุด
ก็จะสามารถเป็นผู้ชนะ และครองตลาดในแต่ละประเทศ หรือแต่ละพื้นที่ไป
อย่างในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในประเทศไทยจะมีผู้เล่นหลักๆ อยู่ไม่กี่ราย
นั่นก็คือ Grab, Gojek, LINEMAN และ Foodpanda
หรืออย่างในสหรัฐอเมริกา ก็จะมีผู้หลักๆ คือ DoorDash, Uber Eats, Grubhub และ Postmates
แต่สำหรับตลาด Food Delivery ในจีนนั้น ไม่เหมือนกับตลาดในประเทศอื่น
เพราะมีผู้ให้บริการ Food Delivery เจ้าหนึ่ง ที่เป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้อย่างเห็นได้ชัด
แบรนด์นั้นก็คือ “Meituan Dianping”
เรื่องราวนี้น่าสนใจอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Meituan Dianping ครองส่วนแบ่งตลาดในจีนกว่า 60%
ซึ่งถือว่าเยอะมาก เมื่อเทียบกับ อันดับ 2 ชื่อว่า Ele.me ในเครือ Alibaba
ที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ประมาณ 30%
จึงทำให้ตลาด Food Delivery ในจีนนั้นมีเจ้าตลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่า Meituan Dianping ไม่ได้ทำธุรกิจ Food Delivery มาก่อนตั้งแต่แรก
และที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือ
คุณ Wang Xing ที่เป็นหัวเรือของ Meituan Dianping
ถูกผู้คนในโลกตะวันตกให้ฉายาว่า เขาคือ “นักก๊อบปี้ตัวพ่อ” เลยทีเดียว..
แล้วกว่า Meituan Dianping จะมาเป็นเจ้าตลาด Food Delivery ในจีนอย่างวันนี้
คุณ Wang Xing เคยทำอะไรมาบ้าง ?
คุณ Wang Xing เป็นหนุ่มชาวจีน ที่สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จากมหาวิทยาลัยชิงหวา และได้เดินทางไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ ในสหรัฐอเมริกา
ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เขาได้ลองเข้าไปใช้งานเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย ชื่อว่า “Friendster”
ซึ่งถือเป็นโซเชียลมีเดียในยุคบุกเบิก ที่มาก่อน Hi5, Myspace และ Facebook เสียอีก
เขาเห็นธุรกิจโซเชียลมีเดียในสหรัฐอเมริกาเติบโตอย่างรวดเร็ว
บวกกับความสนใจส่วนตัว ต่อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
เขาจึงตัดสินใจดรอปเรียนกลางคันจากมหาวิทยาลัยเดลาแวร์
และกลับมาที่จีนเพื่อที่จะทำโซเชียลมีเดียของเขาเอง
โดยโซเชียลมีเดียแรกที่เขาสร้างขึ้นมาก็คือ “Duoduoyou”
ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เอา Friendster มาเป็นต้นแบบ
แต่ Duoduoyou ก็ไม่เป็นที่รู้จัก และไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก
ต่อมาในปี 2004 ก็มีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอีกรายที่เป็นกระแสขึ้นมาในสหรัฐฯ
นั่นก็คือ “Facebook” ที่เริ่มให้บริการจากในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
จนเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ
หลังจากนั้น 1 ปี คุณ Wang Xing ก็ได้นำโมเดลธุรกิจของ Facebook มาทำตาม
โดยเขาได้สร้างโซเชียลมีเดียชื่อว่า “Xiaonei”
ที่เน้นให้บริการกับนักศึกษามหาวิทยาลัย
และได้ทำ Xiaonei ให้มีหน้าตาคล้ายๆ กับ Facebook
Xiaonei ได้รับความสนใจและเติบโตอย่างมากในจีน
แต่การที่มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเยอะมาก ก็ทำให้ค่าบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์ของแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
สุดท้ายแล้ว คุณ Wang Xing ก็ต้องขาย Xiaonei ออกไป
เนื่องจากเขาไม่สามารถหาเงินได้มากพอสำหรับค่าเซิร์ฟเวอร์ได้
และ Xiaonei ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Renren ในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นในปี 2007 เขาก็ได้ก่อตั้ง Fanfou
ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียแบบ Microblog ที่มีความเหมือนกับ Twitter
แต่ก็ต้องปิดให้บริการไป เนื่องจากเนื้อหาของข่าวในแพลตฟอร์ม
ไปขัดกับนโยบายด้านข่าวสารของรัฐบาลจีน
หลังการสร้างมาแล้ว 3 แพลตฟอร์ม แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ก็ถึงคราว กำเนิด “Meituan” แล้ว..
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ธุรกิจ Group buying หรือการซื้อแบบกลุ่มกำลังได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา
โดยที่ผู้ขายจะขายสินค้าราคาถูกให้กับผู้ซื้อถ้าจำนวนซื้อมากพอ
ซึ่งในขณะนั้น Groupon คือบริษัทสตาร์ตอัปที่ให้บริการการซื้อแบบกลุ่มที่มาแรงมาก
คุณ Wang Xing จึงนำโมเดลของ Groupon มาสร้างบริษัทของเขาชื่อว่า “Meituan”
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ตลาดผู้ให้บริการ Group buying ก็มีคู่แข่งมากมาย
แต่แทนที่เขาจะขยายธุรกิจแบบเร่งด่วน หรือเสนอโปรโมชันมากมาย เหมือนที่บริษัทอื่นทำ
สิ่งที่เขาตั้งใจทำก็คือเน้นการสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย
และเอาข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้มาวิเคราะห์เพื่อที่จะขยายตลาดได้อย่างถูกต้อง
เขาใช้ข้อมูลของลูกค้า และคู่ค้าบนแพลตฟอร์ม
มาวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้งาน
ทำให้เขาสามารถขยายธุรกิจได้อย่างตรงจุดกว่าแพลตฟอร์มลักษณะเดียวกันของเจ้าอื่นๆ
นอกจากนั้น เขายังพยายามออกแบบแพลตฟอร์มให้มีบริการอื่น
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ Food Delivery, ซื้อขายสินค้าออนไลน์, รีวิวร้านอาหารและไลฟ์สไตล์ และอื่นๆ อีกมากมาย
จริงๆ แล้วในตอนนั้น มีบริษัทที่เข้ามาในตลาดรีวิวร้านอาหารและไลฟ์สไตล์ก่อนแล้ว
บริษัทนั้นก็คือ “Dianping” ซึ่งในตอนนั้น Dianping ก็เพิ่งได้เข้ามาเล่นในอุตสาหกรรม Group buying เช่นเดียวกัน
ต่อมา ในปี 2015 บริษัท Meituan ก็ได้ควบรวมกิจการกับ Dianping
โดยที่คุณ Wang Xing ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นหัวเรือใหญ่ของบริษัทใหม่แห่งนี้ ที่มีชื่อว่า “Meituan Dianping”
โดยสิ่งที่ทำให้ Meituan Dianping สามารถครองส่วนแบ่งตลาด Food Delivery ได้มากในจีนแผ่นดินใหญ่ก็เพราะว่า
Meituan Dianping มีความเป็น “Super App”
หรือก็คือ แอปที่ทำได้เกือบทุกเรื่องในที่เดียว
เพราะนอกเหนือจากการทำธุรกิจส่งอาหารออนไลน์แล้ว
ยังมีการให้บริการการเดินทาง, ค้าปลีก, รีวิวร้านอาหาร, แชร์ประสบการณ์ ไลฟ์สไตล์ และบริการอื่นๆ อีกมากมาย
ที่สำคัญก็คือผู้ใช้งานสามารถชำระเงินค่าบริการต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันได้
ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนจีนที่กำลังเข้าสู่สังคมไร้เงินสด
นอกจากนั้นยังมีการเจาะกลุ่มลูกค้าตามพื้นที่ต่างๆ ในประเทศ
จากการเป็น Super App ที่มีบริการมากมาย จึงทำให้ Meituan สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าได้ตามสถานที่ต่างๆ อย่างเช่น ร้านอาหารหรือห้างสรรพสินค้าในแต่ละพื้นที่ และที่สำคัญยังมีรีวิวร้านอาหารต่างๆ อีกด้วย ซึ่งสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าได้
โดยในปี 2019 ที่ผ่านมา Meituan Dianping มีรายได้ 453,000 ล้านบาท และกำไร 10,388 ล้านบาท
โดยรายได้โตจากปีก่อนหน้า +50% และในปี 2019 ยังเป็นปีแรกที่บริษัทสามารถทำกำไรได้
และปัจจุบัน Meituan Dianping มีมูลค่าประมาณ 9 ล้านล้านบาท
หลังจากล้มลุกคลุกคลานมาหลายหน มาถึงครั้งนี้
ต้องบอกว่า อาณาจักร Meituan Dianping ดูจะไปได้สวย
และทำให้ คุณ Wang Xing สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่า
แม้ธุรกิจของเขาจะถูกมองว่าก๊อบปี้มา
แต่เขาก็สามารถทำให้อาณาจักรอีคอมเมิร์ซของเขาประสบความสำเร็จได้อย่างในตอนนี้
เพราะที่ผ่านมา มีผู้คนมากมายต่างบอกว่าเขาคือนักก๊อบปี้
แต่เขาไม่สนใจและได้ตอบกลับมาว่า
“การก๊อบปี้คือโจทย์ข้อหนึ่ง และยังมีโจทย์ข้ออื่นๆ ให้แก้อีก เช่น จะก๊อบปี้แล้วนำมาให้บริการในจีนอย่างไร”
ความสำเร็จของเขาทำให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็นว่า
การจะเป็นผู้ชนะในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าแรกในตลาด
แต่การเป็นผู้ตาม หรือผู้ทำตาม ก็สามารถนำไอเดียของผู้เล่นเจ้าแรกมาปรับใช้ให้ตรงกับตลาดที่ตัวเองมีความชำนาญได้เหมือนกัน
อย่างที่คุณ Kai-Fu Lee ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI
ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ AI Superpowers ว่า
“การก๊อบปี้บริษัทจากสหรัฐอเมริกา และนำมาปรับให้เข้ากับผู้ใช้ชาวจีน ทำให้ คุณ Wang Xing คือผู้ประกอบการตัวจริง” ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-AI superpowers, Kai-Fu Lee
-https://www.forbes.com/global/2011/0509/companies-wang-xing-china-groupon-friendster-cloner.html?sh=1aea256955a6
-https://www.techinasia.com/chinas-successful-founders-afraid-copycat
-https://www.techinasia.com/silicon-valley-copycat-ceo-meituandianping-wang-xing
microblog 在 Sherry Go Sharing Youtube 的最佳貼文
Sharing with you this time what I have bought for my son. He loves puzzles and books related his interest.
#sherrygosharing #selangor #klangvalley #dudukrumah #microblog #reachout #parentingblogger #bbwmalaysia
microblog 在 Sherry Go Sharing Youtube 的精選貼文
This is my previous haul. Now if you want to know when the big bad wolf 2021 ends read on https://namesherry.com
.
#sherrygosharing #muminfluencer #microblog #microinfluencer #parentinglife #momsbelike #asianmom #kidstayhome #kidsactivity
microblog 在 Sherry Go Sharing Youtube 的最佳解答
Can you guess what is the exact word that be was trying to say?
.
He laugh out loud as know he says it wrongly.
.
Can read on www.mymumbest.com.
.
We also know laughter is the best medicine.
.
#kidstime #kidspublicspeaking #kidsenrichment #mymumbestdotcom #sherrygosharing #parentingmalaysia #parentingblogger #microblog #justforlaughs
microblog 在 61 Instagram Microblog Design ideas - Pinterest 的推薦與評價
Apr 18, 2021 - Explore Nikko Reza's board "Instagram Microblog Design" on Pinterest. See more ideas about instagram design, instagram template design, ... ... <看更多>
microblog 在 What is Blogging and Microblogging? | Digital marketer ... 的推薦與評價
Many digital marketers turn to blogging and microblogging to promote businesses and create a strong online presence. What is the difference ... ... <看更多>
microblog 在 Welcome to Microblog! - GitHub 的推薦與評價
A microblogging web application written in Python and Flask that I developed as part of my Flask Mega-Tutorial series. - GitHub - miguelgrinberg/microblog: ... ... <看更多>