รู้จักเรื่องราวของ Kildall ที่เสียโอกาสทองให้ Bill Gates ไปอย่างน่าเสียดาย /โดย ลงทุนแมน
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “Microsoft Windows” เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก โดยมีส่วนแบ่งการตลาด ที่มากถึง 83%
นวัตกรรมดังกล่าว กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft อย่าง “Bill Gates” กลายเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐี ที่รวยที่สุดในโลกมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินมากถึง 4.4 ล้านล้านบาท
โดยจุดเริ่มต้นของ Microsoft Windows เกิดจากการที่บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่สุดในโลกขณะนั้นอย่าง IBM เริ่มผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ PC และกำลังตามหาบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบปฏิบัติการ ซึ่ง IBM ก็ได้เลือกทำสัญญากับบริษัท Microsoft ที่ในตอนนั้นเพิ่งก่อตั้งมาได้ 5 ปี
แต่รู้หรือไม่ว่านอกจาก Bill Gates แล้ว ยังมีนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์อัจฉริยะอีกคน ที่เกือบได้เป็นผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ให้กับ IBM และอาจจะกลายมาเป็นแบบ Bill Gates ในทุกวันนี้
แล้วเขาคนนั้น คือใคร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
อัจฉริยะที่เกือบได้เป็น Bill Gates คนนั้น มีชื่อว่า “Gary Kildall”
Kildall เกิดในปี 1942 ที่เมืองซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่เดิม Kildall ตั้งใจว่าเมื่อเรียนจบมาจะเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ แต่ระหว่างเรียนระดับปริญญาตรีเขาเริ่มสนใจเรื่องเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ Kildall จึงเรียนต่อจนถึงระดับปริญญาเอกในสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
ในปี 1971 ช่วงที่ Kildall กำลังเรียนปริญญาเอก เขาได้ยินมาว่า Intel จะเปิดตัว ไมโครโพรเซสเซอร์ตัวแรกของโลกที่ชื่อว่า “Intel 4004”
ไมโครโพรเซสเซอร์ ก็คือชิปขนาดเล็กที่มีแผงวงจรรวมจำนวนมหาศาล
ซึ่งนวัตกรรมนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คอมพิวเตอร์ ซึ่งแต่เดิมมีขนาดใหญ่ นิยมใช้กันแต่ในองค์กร มีขนาดเล็กลง จนเป็นไมโครคอมพิวเตอร์และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในเวลาต่อมา
ด้วยความที่ Kildall สนใจเรื่องราวของไมโครโพรเซสเซอร์เป็นอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจเข้าไปทำงานพาร์ตไทม์เป็นที่ปรึกษาให้กับ Intel ซึ่งหลัก ๆ แล้ว Kildall จะพัฒนาและเขียนโปรแกรมที่ใช้งานร่วมกับไมโครโพรเซสเซอร์ของ Intel ได้
จากจุดเริ่มต้นนี้ Kildall ก็ได้ต่อยอดจนสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์
ที่ชื่อว่า “CP/M” ที่นับว่าเป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์แรกของโลก
โดยก่อนหน้าที่จะมี CP/M คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องบนโลกจะต้องใช้ซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นมาของใครของมัน แต่ Kildall ได้พัฒนา CP/M ให้เป็นระบบปฏิบัติการกลาง ซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง
แรงผลักดันในการพัฒนา CP/M และผลงานอื่น ๆ ของ Kildall เกิดขึ้นจากความหลงใหลในคอมพิวเตอร์
เพราะจริง ๆ แล้ว Kildall ไม่เคยสนใจเรื่องธุรกิจเลย แต่ภรรยาของเขาก็ได้โน้มน้าวให้จัดตั้งบริษัทเพื่อจดสิทธิบัตรระบบปฏิบัติการและทำธุรกิจจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ ทั้งคู่เลยร่วมกันก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Digital Research”
ลูกค้าที่เลือกใช้ CP/M ของ Digital Research ก็เช่น IMSAI 8080 ไมโครคอมพิวเตอร์ชื่อดัง ที่เปิดตัวในปี 1975 ซึ่งทำออกมาแข่งกับไมโครคอมพิวเตอร์รุ่นตำนานอย่าง Altair 8800 ของบริษัท MITS
โดย Altair 8800 ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านั้น 1 ปี ยังใช้ซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นมาใช้เฉพาะรุ่น ชื่อว่า BASIC ซึ่งซอฟต์แวร์นี้เองก็เป็นผลิตภัณฑ์แรก ๆ ของบริษัทซอฟต์แวร์น้องใหม่ที่ก่อตั้งโดยชายวัย 20 ปี ที่ชื่อว่า “Bill Gates” ซึ่งเขาได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแล้วชวนเพื่อนมาตั้งบริษัท “Microsoft”
มาถึงในปี 1976 บริษัท Apple ก็ได้ปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ด้วยการเปิดตัวคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรก ๆ ของโลกที่ชื่อว่า Apple I ก่อนที่ในปีถัดมาจะประสบความสำเร็จจาก Apple II ซึ่งบริษัท Apple เรียกว่าเป็น Home Computer ที่คนทั่วไปใช้งานได้ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์
นั่นเลยทำให้ Apple II ได้รับความนิยมสูงมากและสามารถลบคำสบประมาทที่คนมักเถียงกันว่าคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เป็นเพียงอุปกรณ์สำหรับคนที่คลั่งไคล้ในคอมพิวเตอร์เท่านั้น คนทั่วไปคงไม่สนใจซื้อมาใช้งาน
ความสำเร็จของ Apple ก็ทำให้บริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของโลกในขณะนั้นอย่าง IBM อยากเข้ามาร่วมในตลาดคอมพิวเตอร์สำหรับคนทั่วไปบ้าง
ในปี 1980 IBM จึงได้เริ่มออกแบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเรียกว่า Personal Computer หรือ PC แทน Home Computer แบบ Apple เพราะ IBM ไม่ได้มองว่าคอมพิวเตอร์จะต้องใช้แค่ที่บ้าน แต่จะถูกใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่านั้น อย่างเช่นการนำไปใช้งานตามออฟฟิศ
IBM ต้องการทำให้ PC เริ่มวางขายได้เร็วที่สุด IBM จึงโฟกัสที่การออกแบบฮาร์ดแวร์โดยใช้ชิปของ Intel ส่วนซอฟต์แวร์อย่างระบบปฏิบัติการ ทางบริษัทจะจ้างบริษัทขนาดเล็กพัฒนาแทน โดยหนึ่งในบริษัทที่ IBM ติดต่อไปก็คือ Microsoft ซึ่งในตอนนั้นเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียง 5 ปี
IBM เดินทางไปที่ออฟฟิศของ Microsoft ซึ่งเมื่อไปถึง IBM ได้ให้ Gates เซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูล เพราะ IBM ต้องการเก็บเรื่องที่กำลังพัฒนา PC ไว้เป็นความลับ
หลังจากนั้น IBM ก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ Gates ฟัง
แต่โชคร้ายที่ตอนนั้น Microsoft ยังไม่ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
Gates จึงได้แนะนำกับ IBM ว่าให้ไปหา Kildall แห่งบริษัท Digital Research ที่พัฒนาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ไว้แล้ว IBM ตัดสินใจเดินทางไปพบ Kildall ที่ซีแอตเทิลทันที
Gates โทรไปบอก Kildall ว่าจะมีคนสำคัญมากไปพบ ให้ปฏิบัติกับพวกเขาดี ๆ
แต่ Gates เล่ารายละเอียดให้ฟังไม่ได้เพราะติดสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลกับ IBM
Kildall ไม่รู้เลยว่ากลุ่มคนที่กำลังมาพบเขา จะมาจากบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่สุดในโลก
ซึ่งเขากลับคิดว่าคนที่ Gates เล่าถึงจะเป็นเพียงกลุ่มคนที่มาจากบริษัทขนาดเล็ก
เขาจึงไม่ได้สนใจมากนักและเขาก็ได้ขับเครื่องบินส่วนตัวไปอีกเมือง ซึ่งจนถึงตอนนี้ ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าเขาไปขับเครื่องบินเล่นเพื่อหลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือไปติดต่องานทางธุรกิจกันแน่
นั่นจึงทำให้เมื่อ IBM ไปถึงออฟฟิศบริษัท Digital Research ทีมงานจึงได้เจอแต่เพียงภรรยาของ Kildall ซึ่งก่อนที่ทีมงานจาก IBM จะแนะนำตัวและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการให้ฟัง
ทาง IBM ก็ได้ขอให้ภรรยาของ Kildall เซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลก่อนเหมือนกับที่ให้ Gates เซ็น แต่ภรรยาของ Kildall ยังไม่ยอมเซ็นสัญญา
ซึ่งสาเหตุที่เธอไม่ได้เซ็นก็เพราะว่าเธอรู้สึกเหมือนโดนบังคับ
รวมถึงเธอก็อยากรอ Kildall กลับมาพูดคุยเองมากกว่า
ส่วนทาง IBM ก็เริ่มหัวเสียที่เธอไม่ยอมเซ็นสัญญา ทีมงานจาก IBM ก็รอต่อไปไม่ไหว
สุดท้ายแล้ว IBM จึงเดินทางกลับไปโดยยังไม่ทันได้เล่ารายละเอียดเรื่องระบบปฏิบัติการให้ฟัง..
หลังจากนั้น IBM เลยติดต่อไปหา Gates อีกครั้ง
Gates เห็นว่าโปรเจกต์ PC ของ IBM กำลังจะเปลี่ยนตลาดคอมพิวเตอร์ทั่วโลกครั้งใหญ่ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ของเราให้มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากขึ้นแบบก้าวกระโดด
Gates เลยบอก IBM ไปว่า Microsoft สามารถทำระบบปฏิบัติการให้ได้
ทั้งที่ความจริงแล้ว ในตอนนั้น Microsoft ยังไม่มีอะไรเลย
ทางออกเดียวที่ Microsoft จะมีระบบปฏิบัติการไปเสนอให้ IBM ได้ทันเวลาก็คือ การควานหาผู้ที่พัฒนาระบบปฏิบัติการไว้แล้วและไปซื้อต่อมา
Microsoft ไปเจอว่ามีโปรแกรมเมอร์ที่ชื่อว่า Tim Paterson ซึ่งทำงานในบริษัทเล็ก ๆ ที่ชื่อ Seattle Computer ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า Q-DOS
หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft จึงเดินทางไปพบ Paterson เพื่อเจรจาขอซื้อ Q-DOS และดึงตัว Paterson มาเพื่อดัดแปลง Q-DOS ให้เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์เพื่อขายให้ IBM
โดยใช้ชื่อว่า “MS-DOS” โดยที่ Microsoft ไม่รู้ว่า Q-DOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ Paterson เลียนแบบและดัดแปลงมาจาก CP/M ของ Kildall
IBM ตกลงซื้อ MS-DOS ของ Microsoft แต่แทนที่ Microsoft จะขายระบบปฏิบัติการแบบครั้งเดียวจบ Gates เสนอกับทาง IBM ว่าให้ Microsoft ได้รับส่วนแบ่งจากทุกเครื่อง PC ที่ทาง IBM ขายได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ Gates เคยใช้มาแล้วตอนเขียนซอฟต์แวร์ให้ไมโครคอมพิวเตอร์ Altair 8800
ความนิยมของ PC จาก IBM ก็เป็นไปตามที่ Gates คาด เพราะหลังจากที่ “IBM PC” เปิดตัวในเดือนสิงหาคม ปี 1981 ผ่านไป 2 ปีแรก IBM PC สามารถขายได้กว่า 2 ล้านเครื่อง เกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เกือบ 10 เท่า
และด้วยความที่ IBM PC มีราคา คิดเป็นเพียง 2 ใน 3 ของ Apple จึงทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้ได้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกนำไปใช้กันทั่วไปในสำนักงาน จน IBM สามารถเอาชนะ Apple และกลายมาเป็นผู้ผลิต PC ที่ใหญ่สุดในโลกได้
แต่จุดอ่อนของ IBM PC ก็คือตัวเครื่องไม่มีอะไรซับซ้อนและเลียนแบบได้ง่าย
จึงทำให้ในเวลาต่อมา แบรนด์อื่นอย่างเช่น Compaq และ HP ซึ่งก็เป็นผู้พัฒนาคอมพิวเตอร์เหมือนกันสามารถทำตามได้ ในขณะที่เจ้าของซอฟต์แวร์อย่าง Microsoft ก็ไม่เคยตกลงว่าจะขายระบบปฏิบัติการให้ IBM เจ้าเดียว..
Microsoft เลยสามารถขาย MS-DOS ให้กับคู่แข่งของ IBM ได้ทั้งหมด
ซึ่ง Microsoft ก็ยังใช้วิธีเดิมคือคิดส่วนแบ่งจาก PC ทุกเครื่องที่ขายได้
แต่สุดท้ายแล้ว ของเลียนแบบก็คือของเลียนแบบ
เพราะในภายหลัง MS-DOS ที่ดัดแปลงมาจาก Q-DOS ถูกพบว่าเป็นของที่เลียนแบบมาจาก CP/M ของ Kildall
พอ Kildall รู้ เลยจะฟ้องร้อง IBM และ Microsoft ว่าลอกเลียนแบบผลงาน
IBM ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เลยยอมวางขายระบบปฏิบัติการทั้ง 2 ยี่ห้อไปพร้อมกัน Kildall ดีใจได้เพียงไม่นาน ก็ต้องพบว่าราคาขาย CP/M ของเขา แพงกว่า MS-DOS ถึง 6 เท่า
ของคล้ายกันที่ใช้ทดแทนกันได้ แต่มีราคาต่างกันถึง 6 เท่า แถมคนส่วนใหญ่ได้รู้จักและลองใช้ MS-DOS มาก่อนจึงเริ่มคุ้นเคยและไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นที่ต้องลองอีกยี่ห้อหนึ่ง สุดท้ายแล้ว CP/M จึงหายไปจากตลาด
Microsoft จึงกลายเป็นผู้ชนะไป ซึ่งในเวลาต่อมา MS-DOS ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “Microsoft Windows” ที่ได้เปิดตัวในปี 1983 ก่อนที่จะเริ่มวางขายจริงในปี 1985
หลังจากพลาดโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของ Kildall เขาได้หย่ากับภรรยา และใช้ชีวิตอยู่กับความสิ้นหวัง จนท้ายที่สุด เขาก็ได้จบลงที่กลายเป็นคนติดแอลกอฮอล์ตั้งแต่นั้นมา
ส่วนบริษัท Digital Research ก็ถูกขายให้กับบริษัท Novell ในปี 1991
จนกระทั่งในปี 1994 Kildall ในวัย 52 ปี ก็เสียชีวิตลง จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในบาร์ ซึ่งเป็นเวลาเพียง 1 ปีก่อนที่ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows 95 จะเปิดตัวและดังระเบิดไปทั่วโลก
ซึ่งก็น่าคิดเหมือนกันว่าหากวันนั้น Kildall ใส่ใจในสิ่งที่ Bill Gates พูดสักนิด
เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ จะมีเส้นทางที่ต่างจากเดิมมากแค่ไหน
Kildall อาจกลายเป็นมหาเศรษฐีคล้าย Bill Gates
Bill Gates อาจจะไม่ได้โปรเจกต์นั้น และ Windows คงไม่เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
เส้นทางที่เป็นไปแล้วก็คือ ทุกคนรู้จัก Windows และไม่รู้จัก CP/M..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2004-10-24/the-man-who-could-have-been-bill-gates
-https://www.forbes.com/forbes/1997/0707/6001336a.html?sh=65404ead140e
-https://www.theguardian.com/technology/blog/2004/oct/16/themanwhocou
-https://www.embedded.com/was-dos-copied-from-cp-m/
-https://medium.com/@Harasees_Singh/gary-kildall-the-inventor-of-operating-system-ccae7bb50e46
-https://bookjelly.com/the-tragic-story-of-gary-kildall/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Gary_Kildall
同時也有336部Youtube影片,追蹤數超過11萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Youtube影片中提到,ปกติแล้วคนเรามักจะคิดว่าตัวเองรู้ทันคำโกหกของคนอื่นเสมอ ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว เราเองอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น กลโกงทางการเงินตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีอะไ...
「longtunman」的推薦目錄:
- 關於longtunman 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於longtunman 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於longtunman 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於longtunman 在 ลงทุนแมน Youtube 的精選貼文
- 關於longtunman 在 ลงทุนแมน Youtube 的最佳解答
- 關於longtunman 在 ลงทุนแมน Youtube 的最讚貼文
- 關於longtunman 在 ลงทุนแมน - Home | Facebook 的評價
- 關於longtunman 在 Digital Face to Face by AppMan - 'Remote First' Experience 的評價
- 關於longtunman 在 jamesutt/longtunman-webapp - GitHub 的評價
- 關於longtunman 在 ลงทุนแมน on Instagram: “ธุรกิจค้าปลีก ที่ใหญ่สุดในตลาดหลักทรัพย์ ... 的評價
longtunman 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
ทำไม บางบริษัทมีกำไร แต่ไม่ยอมจ่ายเงินปันผล /โดย ลงทุนแมน
สำหรับคนที่ลงทุนในหุ้น ผลตอบแทนจากการลงทุนจะมาจาก 2 ส่วน คือ
1. กำไรจากการขายหุ้น (Capital Gain) และ
2. เงินปันผล (Dividend)
ซึ่งโดยพื้นฐาน ทั้ง 2 ส่วนจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเรื่องของ กำไรของกิจการเป็นหลัก
เพราะโดยทั่วไปแล้ว ถ้าบริษัทมีกำไรเติบโตมาก
ราคาหุ้นก็จะปรับเพิ่มขึ้น รวมไปถึงจ่ายเงินปันผลมากขึ้น
แต่ประเด็นของบทความนี้ก็คือ มีบางบริษัท ที่แม้ว่าจะมีกำไรมาก แต่กลับเลือกที่จะไม่จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นเลย
มีเหตุผลอะไรที่บางบริษัทแม้ว่าจะมีกำไรมหาศาล
แต่เลือกที่จะไม่จ่ายเงินปันผลออกมา
แล้วถ้าเราอยู่ในฐานะนักลงทุน เราควรหลีกเลี่ยงหุ้นที่ไม่จ่ายเงินปันผลหรือไม่ ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า นักลงทุนบางส่วนที่ลงทุนในหุ้น หวังจะได้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ เป็นประจำทุก ๆ ปี เพราะฉะนั้น นักลงทุนในกลุ่มนี้ จึงชอบมองหา บริษัทที่มีการประกาศจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น จึงอาจมีนักลงทุนจำนวนหนึ่ง
ที่มีกฎเหล็กเลยว่า จะไม่ลงทุนในบริษัทที่ไม่จ่ายเงินปันผล
ในมุมของบริษัท หลัก ๆ แล้วจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ เมื่อในรอบปีบัญชีนั้น บริษัทมีกำไร และไม่มีผลขาดทุนสะสม
อย่างไรก็ตาม ก็มีบริษัทจำนวนไม่น้อย ที่เลือกไม่จ่ายเงินปันผล ทั้งที่บริษัทก็มีกำไร และไม่ได้ขาดทุนสะสม
ซึ่งก็มีเหตุผลที่ไม่จ่ายหลากหลายกรณี เช่น
กรณีแรก: บริษัทต้องการนำผลกำไรนั้น ไปลงทุนต่อ
การนำผลกำไรกลับไปลงทุนต่อ (Reinvesting Profits)
คือสิ่งที่หลายบริษัทเลือกทำ โดยเฉพาะถ้าบริษัทนั้น กำลังอยู่ในช่วงของการเติบโต ซึ่งต้องการทุ่มเงินลงทุนไปในโครงการต่าง ๆ
บางบริษัทเชื่อว่า การนำผลกำไรนั้นกลับไปลงทุนต่อ จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า การที่ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล
ซึ่ง Netflix ผู้ให้บริการสตรีมมิงวิดีโอรายใหญ่ของโลก ก็คือกรณีศึกษาที่ดีของเรื่องนี้
เราลองมาดูผลประกอบการของ Netflix ในช่วงปี 2018-2020
ปี 2018 รายได้ 521,000 ล้านบาท กำไร 40,000 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 666,000 ล้านบาท กำไร 62,000 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 833,000 ล้านบาท กำไร 92,000 ล้านบาท
รู้ไหมว่า สิ้นปี 2020 Netflix มีกำไรสะสมมากถึง 252,000 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมา บริษัทไม่เคยจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเลย
เนื่องจากบริษัทนำผลกำไรนั้นกลับไปลงทุนต่อในการผลิตคอนเทนต์ เช่น สร้างภาพยนตร์ สร้างแอนิเมชัน ซีรีส์ รวมไปถึงการจ่ายคืนหนี้ และซื้อหุ้นคืน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ถือหุ้นจะไม่ได้เงินปันผล แต่มูลค่าบริษัทของ Netflix ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 119,000 ล้านบาท เมื่อ 10 ปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 8.5 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน
หมายความว่า ถ้าเราลงทุนในหุ้น Netflix 1 ล้านบาท เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
มาวันนี้ เงิน 1 ล้านบาทนั้นของเรา จะกลายเป็น 71 ล้านบาท
และนั่นคงไม่ทำให้ผู้ถือหุ้น Netflix มีปัญหาอะไร แม้ว่าจะไม่เคยได้รับเงินปันผลเลยก็ตาม..
กรณีที่สอง: เก็บเงินสดไว้ซื้อกิจการเป้าหมาย
อีกหนึ่งบริษัทที่ไม่จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นมานานแล้ว คือ Berkshire Hathaway ที่มีวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังระดับโลกเป็นผู้บริหารอยู่
รู้ไหมว่า ปัจจุบัน Berkshire Hathaway นั้นมีเงินสดอยู่ในบริษัทกว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งการที่ Berkshire Hathaway เลือกถือเงินสดไว้มาก ๆ เหตุผลหนึ่งก็คือ เก็บเอาไว้ใช้ซื้อกิจการที่น่าสนใจ
ตัวอย่างกิจการที่ Berkshire Hathaway เข้าไปซื้อในอดีตที่ผ่านมา เช่น
ปี 2010 ซื้อหุ้น 100% ของบริษัท BNSF Railway ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟรายใหญ่ ที่มีเครือข่ายในทวีปอเมริกาเหนือ มูลค่ากว่า 1.5 ล้านล้านบาท
ปี 2013 ซื้อหุ้น 50% ใน The H. J. Heinz Company บริษัทแปรรูปอาหารและผลิตซอสมะเขือเทศ มูลค่ากว่า 410,000 ล้านบาท
แม้ว่าหลัง ๆ มา Berkshire Hathaway จะไม่ได้เข้าซื้อกิจการด้วยมูลค่ามาก ๆ เท่าในอดีต
แต่การที่บริษัทมีเงินสดอยู่มหาศาล ก็ทำให้บริษัทสามารถเข้าไปซื้อกิจการเป้าหมายได้ เมื่อไรก็ตามที่บริษัทต้องการ
กรณีที่สาม: ปัญหาทางการเงินของบริษัท
นอกเหนือจากการนำผลกำไรนั้นกลับไปลงทุนต่อ และเก็บเงินไว้เพื่อซื้อกิจการเป้าหมายแล้ว การที่บริษัทจะไม่จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอาจเกิดจากปัญหาทางการเงินของบริษัทเอง
บางบริษัทแม้ว่า จะมีกำไรในบางปี แต่ก็ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลออกมาได้ เนื่องจากบริษัทยังมีผลขาดทุนสะสมอยู่ ซึ่งตามกฎแล้ว บริษัทจะยังไม่สามารถที่จะจ่ายเงินปันผลออกมาให้ผู้ถือหุ้นได้
หรือแม้แต่กรณีที่บริษัทมีกำไรสะสม และสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ แต่บริษัทก็อาจจะยังไม่จ่าย เนื่องจากสถานะการเงินที่ยังไม่แข็งแรง จึงเลือกที่จะเก็บเงินสดไว้ระดับหนึ่งก่อน
อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็น่าจะพอได้ไอเดียแล้วว่า
ทำไมบางบริษัทที่มีกำไรแต่ไม่จ่ายเงินปันผลออกมาให้ผู้ถือหุ้น
เพราะว่าบริษัทเหล่านั้น ต้องการที่จะนำผลกำไรไปลงทุนต่อในธุรกิจตัวเอง ไปซื้อกิจการอื่น จ่ายคืนหนี้ ซื้อหุ้นคืน หรือแม้แต่เก็บเงินสดไว้ เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน
ดังนั้น ก่อนที่เราจะปฏิเสธไม่ลงทุนในบริษัทที่ไม่จ่ายเงินปันผล เราต้องดูให้ดีก่อนว่า ที่บริษัทไม่ยอมจ่ายเงินปันผลนั้น เพราะอะไร หรือมีแผนเอาเงินที่ไม่จ่ายออกมาเป็นปันผลนั้น ไปต่อยอดได้ดีแค่ไหน
ถ้ามองแล้วว่า ถึงแม้บริษัทจะไม่จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น
แต่มีการเอาเงินส่วนนั้น ไปต่อยอดสร้างอนาคตที่ดีให้กิจการ
หุ้นที่เราถืออยู่ ก็สามารถมีมูลค่าที่เติบโตเพิ่มขึ้น
จนทำให้สุดท้ายแล้ว เราในฐานะผู้ถือหุ้น ก็อาจได้ผลตอบแทนจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ซึ่งถ้าผู้ถือหุ้นอยากได้เงินสดมาใช้ ก็อาจแบ่งขายหุ้นออกมาได้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.suredividend.com/why-companies-never-pay-dividends/
-https://www.set.or.th/th/regulations/simplified_regulations/files/20200914_Dividend.pdf
-https://ir.netflix.net/financials/financial-statements/default.aspx
-https://www.investopedia.com/ask/answers/12/why-do-some-companies-pay-a-dividend.asp
-https://www.wallstreetzen.com/stocks/us/nasdaq/nflx/dividends
-https://finance.yahoo.com/quote/NFLX/balance-sheet?p=NFLX
-https://www.investopedia.com/ask/answers/021615/why-doesnt-berkshire-hathaway-pay-dividend.asp
-https://kunaldesai.blog/berkshire-hathaway-acquisitions/
longtunman 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
รู้จัก AUKUS ของสหรัฐ และการโต้กลับด้วย CPTPP ของจีน /โดย ลงทุนแมน
เรื่อง AUKUS เป็นประเด็นใหม่ที่คนทั้งโลกจับตา
สนธิสัญญา AUKUS เป็นข้อตกลงที่สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร จะสนับสนุนการสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ให้แก่ออสเตรเลีย
คำว่า AUKUS ย่อมาจาก
Australia (AU)
United Kingdom (UK)
United States (US)
แต่รู้ไหมว่าสนธิสัญญา AUKUS ยังเกี่ยวข้องกับจีน และอาจทำให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคทะเลจีนใต้ระหว่าง สหรัฐฯ กับ จีน มากขึ้น
เรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร อ้างว่า การทำสัญญา AUKUS กับออสเตรเลีย เพราะอยากให้มีความปลอดภัยและสันติภาพ เพิ่มขึ้นในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
แต่หลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย มองว่า สนธิสัญญานี้จะทำลายความสงบสุขในเอเชียมากกว่า เพราะอย่างที่รู้กันคือ สนธิสัญญานี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพออสเตรเลีย
การที่ออสเตรเลียได้เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ในครั้งนี้ ออสเตรเลียจะกลายเป็นประเทศที่ 7 ของโลก ที่มีเทคโนโลยีดังกล่าว
เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงเป็นเพราะเหตุผลเบื้องหลังคือ สหรัฐฯ ต้องการคานอำนาจและท้าทายอิทธิพลของจีน ในเขตทะเลจีนใต้
แล้วสำหรับจีน มีมุมมองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ?
จีนกล่าวหลังจากทราบเรื่องดังกล่าวว่า สหรัฐฯ นั้นใจแคบ และไร้ความรับผิดชอบ ที่อาจนำพาให้ประเทศอื่นเข้าสู่ยุคสงครามเย็น
และที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ หลังจากการแถลงข่าวเรื่อง AUKUS ได้ 1 วัน รัฐบาลจีนเลยเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรี CPTPP ในทันที
แล้ว CPTPP คืออะไร ?
CPTPP คือ ข้อตกลงสำหรับประเทศที่อยู่ใกล้เคียงกับมหาสมุทรแปซิฟิก ในประเด็นเรื่อง การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา มาตรฐานแรงงาน และกฎหมายสิ่งแวดล้อม
จริง ๆ แล้ว CPTPP เกิดจากโมเดลของ TPP ที่สหรัฐฯ ออกแบบมา เพื่อกีดกันทางการค้ากับจีนโดยเฉพาะ ดังนั้นหลายคนคิดว่าจีนอาจไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนด CPTPP ได้เพราะติดเกณฑ์หลายเรื่องในข้อตกลง
แต่การที่จีนยอมเข้าร่วมข้อตกลง CPTPP นี้ นอกจากจีนจะทำการโต้กลับเรื่อง AUKUS แล้ว จีนคงเห็นอะไรบางอย่างที่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้
โดยก่อนหน้านี้ ในสมัยที่ดอนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี สหรัฐฯ ได้ออกจากข้อตกลง TPP มาแล้ว ซึ่งการออกจากข้อตกลง TPP ในครั้งนั้นทำให้ขนาดเศรษฐกิจของประเทศทั้งหมดที่อยู่ในข้อตกลง ได้ลดลงจาก 27% ของ GDP โลก มาอยู่ที่ 15%
แต่การเข้ามาของจีนในครั้งนี้ จะทำให้ CPTPP มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 30% ของ GDP โลก และมีประชากรรวมเป็น 1,900 ล้านคน หรือ 25% ของประชากรโลกเลยทีเดียว
แต่เรื่องนี้คงต้องติดตามกันอีกยาว ว่าจีนจะเข้าร่วม CPTPP ได้หรือไม่
เพราะตอนนี้หลายประเทศที่อยู่ใน CPTPP ก็ยังคงทำตัวไม่ถูก เนื่องจากในข้อตกลงนี้มีแต่ประเทศที่เป็นมหามิตรของสหรัฐฯ เช่น ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และแคนาดา ในขณะที่ จีนนั้นอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับสหรัฐฯ อย่างชัดเจน
ซึ่งน่าติดตามว่า พันธมิตรของสหรัฐฯ ในข้อตกลง CPTPP จะคิดเห็นอย่างไร ?
ประเทศสมาชิกใน CPTPP ที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย มองว่าการเข้ามาใน CPTPP ของจีนเป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคแปซิฟิกมากขึ้น
สำหรับญี่ปุ่นยังมีกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้กับจีน และนอกจากนั้นญี่ปุ่นเคยเจรจาเรื่อง CPTPP กับไต้หวันไว้ว่าจะยอมรับเข้าเป็นสมาชิก
ดังนั้นไต้หวันย่อมกังวลว่า ถ้าจีนได้เข้าร่วม CPTPP ไต้หวันจะถูกกีดกันในการเป็นสมาชิกของ CPTPP ในอนาคต
สำหรับออสเตรเลียเอง ก็ยังมีข้อพิพาทกับจีนเช่นกัน
โดยจีนได้เพิ่มอัตราการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากออสเตรเลีย ซึ่งมีเจตนาเพื่อโต้กลับออสเตรเลีย หลังจากที่ออสเตรเลียเรียกร้องให้จีนออกมารับผิดชอบว่าเป็นต้นเหตุของโรคระบาดโควิด
อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย อาจไม่มีอำนาจมากพอที่จะห้ามจีนเข้า CPTPP ได้
แต่ทั้ง 2 ประเทศก็คงใช้วิธีเน้นย้ำว่า จีนต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ CPTPP ให้ได้
ที่น่าสนใจก็คือ พันธมิตรของสหรัฐฯ ที่ยังไม่ได้อยู่ใน CPTPP อย่างสหราชอาณาจักร ก็ต้องการเข้าร่วม CPTPP เพื่อขายสินค้าเกษตรกับประเทศอื่นเพิ่มมากขึ้น หลังไม่มีข้อผูกมัดกับสหภาพยุโรปแล้ว
คำถามต่อไปก็คือ จีนจะปฏิบัติตามเกณฑ์ของ CPTPP ได้หรือไม่
โดยในข้อตกลง CPTPP จะเน้นเรื่องความเป็นเสรี และรัฐบาลต้องไม่ไปอุดหนุนรัฐวิสาหกิจเพื่อบิดเบือนตลาด
ซึ่งเรื่องนี้สอดคล้องกับรัฐบาลจีนเองที่มีแผนจะลดเงินสนับสนุนแก่รัฐวิสาหกิจ และดึงเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อผลักดันให้บริษัททำกำไรและดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังได้ประกาศเข้าร่วมพันธกรณีข้อตกลงปารีส และยุติโครงการสร้างโรงงานถ่านหินในต่างประเทศ เพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศและแก้ปัญหาโลกร้อน
ดังนั้น กฎเกณฑ์ในการเข้าร่วม CPTPP ในประเด็นเรื่องรัฐวิสาหกิจ และกฎหมายสิ่งแวดล้อม ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับจีน
อย่างไรก็ตาม จีนยืนยันว่าการเข้าร่วม CPTPP ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องสนธิสัญญา AUKUS เพราะจีนต้องการความร่วมมือทางเศรษฐกิจ มากกว่าจะผลักดันให้เกิดสงครามเหมือนสหรัฐฯ
แล้วสหรัฐฯ มีท่าทีอย่างไร หลังจีนต้องการเข้าร่วม CPTPP ?
การร่วมมือของสหรัฐฯ ทางการทหาร ผ่านสนธิสัญญา AUKUS อาจไม่พอที่จะหยุดอำนาจของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เพราะสหรัฐฯ ยังขาดบทบาทการเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในเอเชีย
ซึ่งนักธุรกิจ และสมาชิกในสภาคองเกรส ต้องการให้สหรัฐฯ กลับเข้ามาเป็นสมาชิก CPTPP ก่อนประเทศจีน เพื่อลดกำแพงภาษี และรองรับการเป็นสมาชิกของไต้หวันก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจจะไม่เข้าร่วม CPTPP ในทันที จนกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจภายในประเทศ หรือนโยบาย “Build Back Better” จะสำเร็จเสียก่อน
ซึ่งนโยบายนี้ กีดกันทางการค้าและเทคโนโลยีกับจีนในทางอ้อม ด้วยการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศและใช้สินค้าที่ผลิตโดยคนอเมริกัน
ซึ่งดูเหมือนว่า สงครามการค้า หรือ สงครามเทคโนโลยี ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ตั้งแต่สมัยทรัมป์ ยังคงดำเนินต่อ เพียงแค่อยู่ในรูปแบบที่เปลี่ยนไป
และสำหรับประเทศที่เหลือบนโลกใบนี้ ก็ยังต้องปรับตัวให้อยู่กับ 2 ขั้วทางการเมือง ที่ไม่น่าจะมีวันมาบรรจบกันได้อย่าง สหรัฐฯ และจีน ไปอีกนานเป็นทศวรรษ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.reuters.com/world/china/china-officially-applies-join-cptpp-trade-pact-2021-09-16/
-https://apnews.com/article/united-nations-general-assembly-joe-biden-6dd0382e93987500d714f9fa497602af
-https://www.bbc.com/news/world-asia-china-58647481
-https://www.posttoday.com/world/663460
-https://www.prachachat.net/economy/news-765984
-https://www.cnbc.com/2021/09/27/analysts-on-chinas-bid-to-join-cptpp-strategic-competition-with-us.html
-https://www.bbc.com/news/explainers-55858490
-https://www.globaltimes.cn/page/202109/1234584.shtml
-https://www.reuters.com/article/uk-davos-meeting-trade-truss-idUSKBN29Y14U
-https://www.cnbc.com/2021/01/11/control-risks-on-biden-administration-rejoining-tpp-trade-deal.html
-https://www.piie.com/blogs/trade-and-investment-policy-watch/chinas-cptpp-bid-puts-biden-spot
-https://www.economist.com/leaders/2021/09/25/america-is-at-last-getting-serious-about-countering-china-in-asia
-https://www.economist.com/leaders/2021/09/25/america-is-at-last-getting-serious-about-countering-china-in-asia
longtunman 在 ลงทุนแมน Youtube 的精選貼文
ปกติแล้วคนเรามักจะคิดว่าตัวเองรู้ทันคำโกหกของคนอื่นเสมอ
ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว เราเองอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น
กลโกงทางการเงินตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีอะไรกันบ้างนั้น ?
ลงทุนแมนสรุปมาให้ฟัง
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้
การลงทุนในความรู้ไม่มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรกด “Subscribe” ลงทุนแมนไว้ในทุกช่องทาง
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website -https://www.longtunman.com/
Blockdit - https://www.blockdit.com/longtunman
Facebook - http://facebook.com/longtunman
Twitter - http://twitter.com/longtunman
Instagram - http://instagram.com/longtunman
Line - http://page.line.me/longtunman
YouTube -https://www.youtube.com/longtunman
Spotify - https://open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Soundcloud - http://soundcloud.com/longtunman
Apple Podcasts - http://podcasts.apple.com/th/podcast/...
Clubhouse - @longtunman
#ลงทุนแมน #ห้องประชุมลงทุนแมน #ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง #BREAKTHROUGH #THEBRIEFCASE #longtunman #ลงทุนแมนORIGINALS #ลงทุนเกิร์ลTALK #ลงทุนเกิร์ล
longtunman 在 ลงทุนแมน Youtube 的最佳解答
เดวิด ฟิลลิปส์ เจ้าของฉายา “Pudding Guy” หรือ นายพุดดิง เขาพบโอกาสทองที่ไม่มีใครเห็น จากโปรโมชันของอาหารแบรนด์หนึ่ง ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้กว่า 8 เท่าจากเงินลงทุนเริ่มต้น เขาทำอย่างไร แล้วพุดดิงหมื่นถ้วยเกี่ยวอะไรกับไมล์สะสมเที่ยวบินล้านไมล์ ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้
การลงทุนในความรู้ไม่มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรกด”Subscribe”ลงทุนแมนไว้ในทุกช่องทาง
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - https://www.longtunman.com
Blockdit - https://www.blockdit.com/longtunman
Facebook - https://www.facebook.com/longtunman
Twitter - https://twitter.com/longtunman
Instagram - https://www.instagram.com/longtunman/...
Line - https://page.line.me/ayw2996y
YouTube -https://www.youtube.com/longtunman
Spotify - https://open.spotify.com/show/4jz0qVn...
Soundcloud - http://soundcloud.com/longtunman
Apple Podcasts - https://podcasts.apple.com/th/podcast
Clubhouse - @longtunman
longtunman 在 ลงทุนแมน Youtube 的最讚貼文
รู้หรือไม่ว่า ชาวเกาหลีใต้ ทานรามยอนเฉลี่ยอยู่ที่ 76 ซองต่อปี
ซึ่งถ้าเราหากลองคำนวณง่าย ๆ ว่า ชาวเกาหลีใต้ 1 คน บริโภครามยอน 1 ซองต่อวัน แปลว่า คนเกาหลีจะบริโภครามยอนในทุก ๆ 5 วันนั่นเอง
แล้วอะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลายเป็นที่นิยมในประเทศเกาหลี มาติดตามกันได้ในรายการ Brainy Bite by ลงทุนเกิร์ล ค่ะ
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้
การลงทุนในความรู้ไม่มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรกด”Subscribe”ลงทุนแมนไว้ในทุกช่องทาง
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - https://www.longtunman.com
Blockdit - https://www.blockdit.com/longtunman
Facebook - https://www.facebook.com/longtunman
Twitter - https://twitter.com/longtunman
Instagram - https://www.instagram.com/longtunman/?hl=th
Line - https://page.line.me/ayw2996y
YouTube -https://www.youtube.com/longtunman
Spotify - https://open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Soundcloud - http://soundcloud.com/longtunman
Apple Podcasts - https://podcasts.apple.com/th/podcast
Clubhouse - @longtunman
#ลงทุนแมน #ลงทุนเกิร์ล #BrianyBite #ความรู้อร่อยย่อยง่าย #ห้องประชุมลงทุนแมน #ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง #BREAKTHROUGH #THEBRIEFCASE #longtunman #ลงทุนแมนORIGINALS #ลงทุนเกิร์ลTALK #ลงทุนเกิร์ล
longtunman 在 Digital Face to Face by AppMan - 'Remote First' Experience 的推薦與評價
Longtunman - 'Remote First' Experience - Digital Face to Face by AppMan. 30 views30 views. Apr 29, 2022. 0. Dislike. Share. Save. ... <看更多>
longtunman 在 jamesutt/longtunman-webapp - GitHub 的推薦與評價
To run the app. Rename .env.template file to .env and fill in the environment variables. Install required packages using npm install. ... <看更多>
longtunman 在 ลงทุนแมน - Home | Facebook 的推薦與評價
ลงทุนแมน. 1680422 likes · 130155 talking about this. ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้ ติดตาม ลงทุนแมน/Longtunman ได้ใน IG,Blockdit,Twitter,YouTube... ... <看更多>