เศรษฐีรวยสุดในเอเชีย มีน้องชาย เป็นบุคคลล้มละลาย ได้อย่างไร ? /โดย ลงทุนแมน
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Mukesh Ambani เจ้าของ Reliance Industries กลุ่มธุรกิจที่ใหญ่สุดในอินเดียและเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเอเชีย มีน้องชายชื่อ Anil Ambani
สำหรับน้องชายของมหาเศรษฐีคนนี้ ก็เป็นเจ้าของธุรกิจที่แยกตัวออกมาจาก Reliance Industries ของพี่ชาย มีชื่อบริษัทว่า Reliance ADA Group
ในปี 2008 Mukesh Ambani มีทรัพย์สิน 1.4 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 5 ของโลก
ในขณะที่ Anil Ambani ตามมาติด ๆ ด้วยทรัพย์สิน 1.37 ล้านล้านบาท และรวยเป็นอันดับ 6 ของโลก
โดยในปีนั้น เศรษฐี 4 อันดับแรกของโลก ได้แก่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (อเมริกัน), คาร์ลอส สลิม (เม็กซิโก),
บิลล์ เกตส์ (อเมริกัน) และลักษมี นิวาส มิตตัล (อินเดีย)
หลังจากผ่านไป 13 ปี Mukesh Ambani มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านล้านบาท
กลายมาเป็นมหาเศรษฐีรวยสุดในอินเดียและเอเชีย และรวยเป็นอันดับ 10 ของโลก
แต่ในปี 2019 Ambani คนน้องกลับมีทรัพย์สิน เพียง 5.6 หมื่นล้านบาท
จนล่าสุด มีหลายคนกล่าวว่าความมั่งคั่งตอนนี้ของ Ambani คนน้อง ลดลงจนเกือบเป็นศูนย์
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับน้องชาย ของคนที่รวยสุดในเอเชีย ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปในปี 1948 หรือเมื่อ 73 ปีก่อน ชายชาวอินเดียวัย 16 ปี
ที่ชื่อ Dhirubhai Ambani ได้ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านเกิดไปทำงานที่ประเทศเยเมน
ผ่านไป 10 ปี Dhirubhai กลับมาที่อินเดียพร้อมกับเงินเก็บ เพื่อมาเริ่มสร้างธุรกิจเอง
Dhirubhai เริ่มจากการนำเข้าเส้นใยสังเคราะห์และส่งออกเครื่องเทศ ก่อนจะเริ่มทำธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งก็เติบโตอย่างรวดเร็ว จน Dhirubhai ได้ขยายกิจการไปในอุตสาหกรรมอื่น และเปลี่ยนมาใช้ชื่อบริษัทว่า “Reliance Industries” ในปี 1973
Reliance Industries สามารถ IPO ได้ในปี 1977 ซึ่งหุ้นของบริษัทก็มีชาวอินเดียสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดเคยจัดประชุมผู้ถือหุ้นที่สเตเดียม
ตั้งแต่ที่กิจการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว Dhirubhai ก็เริ่มให้ลูกชายทั้ง 2 คนของเขา เข้ามาช่วยบริหารงานที่บริษัท
Mukesh Ambani ลูกชายคนโต เป็นประธาน
Anil Ambani ลูกชายคนรอง เป็นกรรมการผู้จัดการ
แต่แล้วในปี 2002 Dhirubhai ได้เสียชีวิตลงและได้ทิ้งกิจการ Reliance Industries ไว้กับลูกชายทั้ง 2 คน
Dhirubhai ที่จากโลกนี้ไปไม่ได้ทำพินัยกรรมและข้อตกลงแบ่งกิจการให้กับลูกแต่ละคนไว้ ซึ่งเขาก็คงไม่คิดว่า จะเกิดปัญหาตามมา
โดยปัญหาที่ว่านั้นเริ่มเกิดขึ้นเพราะลูกชายทั้ง 2 คน ที่เริ่มเข้าทำงานและมีบทบาทในบริษัทมาพร้อม ๆ กัน
กลับตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเป็นเจ้าของและใครจะดูแลและรับผิดชอบบริษัทไหนบ้าง
สุดท้ายแล้ว ในช่วงปี 2004 ถึง 2005 ผู้เป็นแม่ต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหา
โดยการจ้างบุคคลที่ 3 ให้เข้ามาจัดการเรื่องการแยกบริษัทออกจากกันไปเลย
Mukesh Ambani คนพี่ได้ธุรกิจหลักคือปิโตรเลียม ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการขยายกิจการในส่วนนี้มาตั้งแต่แรก และยังได้ธุรกิจอื่น ๆ อย่างเช่นปิโตรเคมี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจยุคเก่า โดยกลุ่มบริษัทของ Mukesh ใช้ชื่อว่า Reliance Industries
Anil Ambani คนน้องได้ธุรกิจหลักคือ Reliance Communications ธุรกิจโทรคมนาคมที่เพิ่งเริ่มกิจการได้ไม่นาน แต่ก็กลายเป็นบริษัทเทเลคอมที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอินเดีย ซึ่งแม้ว่า Mukesh จะมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่ต้น แต่ Anil ก็อยากได้ธุรกิจนี้เช่นกัน
นอกจากธุรกิจเทเลคอมแล้ว กิจการอื่นที่ Anil Ambani ได้รับไปดูแลอีกก็อย่างเช่น ธุรกิจพลังงาน และบริการทางการเงิน ซึ่งส่วนมากจะเป็นธุรกิจยุคใหม่ โดยกลุ่มธุรกิจของ Anil Ambani ใช้ชื่อว่า “Reliance ADA Group”
หลังจากจบเรื่องการแบ่งธุรกิจแล้ว แต่ละคนก็เริ่มต่อยอดธุรกิจตามเส้นทางของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น
Mukesh Ambani เริ่มทำธุรกิจค้าปลีกในปี 2006 จน Reliance Retail กลายมาเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่สุดในอินเดีย
ในขณะที่ Anil Ambani ก็ได้ต่อยอดทำธุรกิจบันเทิง อย่างเช่นในปี 2005 ได้ซื้อบริษัท Adlabs Films ที่เป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์ Big Cinemas ซึ่งกลายมาเป็นโรงภาพยนตร์ที่มีสาขามากสุดในอินเดียในอีก 3 ปีถัดมา
ในปี 2008 Reliance Entertainment ของ Anil Ambani ก็ได้เซ็นสัญญากับบริษัทผลิตภาพยนตร์ DreamWorks ของผู้กำกับ Steven Spielberg ซึ่งได้ร่วมผลิตภาพยนตร์ที่ได้รางวัลมากมาย อย่างเช่น The Help และ Lincoln
และปีเดียวกันนี้ Anil Ambani ก็ได้นำบริษัทพลังงานอย่าง Reliance Power จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าการระดมทุนที่สูงเป็นประวัติการณ์ในขณะนั้น
ผ่านไป 6 ปีหลังจากการเสียชีวิตของ Dhirubhai
ดูเหมือนว่าลูกชายของเขาทั้งคู่ก็ต่อยอดกิจการไปได้อย่างสวยงาม
จนทำให้ในปี 2008 Mukesh มีทรัพย์สิน 1.4 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 5 ของโลก และ Anil มีทรัพย์สิน 1.37 ล้านล้านบาท รวยเป็นอันดับ 6 ของโลก
แต่หลังจากนั้น เส้นทางความมั่งคั่งของพี่น้องคู่นี้ กลับเริ่มมีทิศทางที่สวนทางกัน
คนพี่รวยขึ้น ส่วนคนน้องความมั่งคั่งหายไปเกือบหมด
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ?
เรื่องทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นมาจากเงินที่บริษัท Reliance Power ของ Anil Ambani ได้มาจากการ IPO มีแผนจะใช้สร้างโรงไฟฟ้าที่ส่วนใหญ่จะผลิตจากก๊าซ
โดยก๊าซที่ Reliance Power ใช้ ก็มาจากบริษัทก๊าซธรรมชาติในเครือ Reliance Industries ของ Mukesh นั่นเอง
ซึ่งในตอนที่แยกบริษัทกัน สองพี่น้องก็ได้เซ็นสัญญาว่าบริษัทก๊าซของ Mukesh Ambani จะขายก๊าซให้โรงไฟฟ้าของน้องชายที่ราคาหนึ่ง
แต่ในวันที่โรงไฟฟ้าสร้างใกล้จะเสร็จและถึงเวลาที่พี่ชายจะขายก๊าซให้กับน้อง ราคาก๊าซในตลาดโลกกลับเพิ่มสูงขึ้นไปเกือบเท่าตัว
Anil Ambani จึงต้องการซื้อก๊าซในราคาที่ตกลงกัน เพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้น
แต่ทาง Mukesh Ambani ไม่สามารถขายก๊าซตามราคาที่ตกลงกันไว้ได้เพราะบริษัทของเขาจะขาดทุน
แต่แทนที่จะเจรจาตกลงกัน Anil Ambani กลับเลือกที่จะยื่นฟ้องบริษัทพี่ชายในปี 2010 เพื่อให้ซื้อก๊าซได้ในราคาเดิมที่เคยตกลงกัน
แต่ศาลก็ได้มีคำสั่งให้ Anil Ambani ซื้อก๊าซในราคาใกล้เคียงกับราคาตลาดโลก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายราคาก๊าซของประเทศ
สุดท้ายแล้ว Anil Ambani ที่ต้องแบกรับต้นทุนก๊าซเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จึงไม่สามารถจัดหาก๊าซเพื่อไปใช้ผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าที่สร้างรอไว้แล้วได้
Reliance Power จึงกลายเป็นบริษัทที่มีหนี้มหาศาล จนต้องขายทรัพย์สินและกิจการบางส่วนออกไป เพื่อเอามาใช้หนี้ ซึ่งรวมถึงกิจการโรงภาพยนตร์ Big Cinemas ที่ซื้อมาเมื่อปี 2008 ด้วย
แต่ความผิดพลาดทางธุรกิจของ Anil Ambani ยังไม่ได้จบลงแค่นี้ เพราะเรื่องราวที่ร้ายแรงกว่านั้น เกิดขึ้นกับธุรกิจโทรคมนาคมอย่าง Reliance Communications (RCom)
ในปี 2002 ซึ่งเป็นช่วงที่ RCom เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ RCom เลือกใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่เรียกว่า CDMA ซึ่งใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ขณะที่บริษัทคู่แข่งอย่างเช่น Airtel เลือกใช้เทคโนโลยีที่ชื่อ GSM
แม้เทคโนโลยีทั้ง 2 แบบจะใช้ได้ดีกับ 2G และ 3G เหมือนกัน แต่ปัญหาก็คือ CDMA ที่ RCom เลือกใช้ ไม่สามารถรองรับ 4G และ 5G ได้แบบ GSM ที่เหล่าคู่แข่งเลือกใช้
นั่นจึงทำให้ช่วงเวลาที่ทั่วโลกเปลี่ยนผ่านจาก 3G มาเป็น 4G อย่างรวดเร็ว RCom เลยตามคนอื่นไม่ทัน จน RCom กลายเป็นบริษัทที่เริ่มมีหนี้มากขึ้น
และจุดพลิกผันครั้งใหญ่ของ RCom รวมไปถึงทั้งอุตสาหกรรมเทเลคอมของอินเดีย ก็เกิดขึ้นในปี 2016
เมื่อ Mukesh Ambani ได้ก่อตั้งบริษัทย่อยของ Reliance Industries ในชื่อ “Jio” ซึ่งเป็นบริษัท
ที่เน้นบริการด้านเทคโนโลยี รวมถึงการให้บริการโทรคมนาคมแบบเดียวกับ RCom ด้วย
ด้วยชื่อเสียงของ Reliance Industries ก็ทำให้ Jio มีจำนวนผู้ใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กำไรของบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดอย่าง Airtel ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้อีก 2 บริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดรองลงมาอย่าง Vodafone และ Idea ต้องควบรวมกิจการกัน
ในเวลาต่อมาบริษัท Jio ของ Mukesh Ambani ก็กลายมาเป็นบริษัทเทเลคอมที่ใหญ่สุดในอินเดีย ส่วน RCom ของ Anil ที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ก็หายไปจากการแข่งขันในตลาดเทเลคอม จนทำให้บริษัทขาดทุนและกลายเป็นหนี้มหาศาล
RCom ต้องยอมขายสินทรัพย์ของกิจการบางส่วนให้กับ Jio เพื่อลดหนี้
แต่นั่นก็ยังไม่ช่วยให้สถานการณ์ของ RCom ดีขึ้น
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 RCom ได้ทำข้อตกลงกับ Ericsson โดยจ้างให้ Ericsson มาเป็นผู้บริหารเครือข่ายในบริเวณทางเหนือและตะวันตกของอินเดีย แต่ผลจากการขาดทุนต่อเนื่องก็ทำให้ RCom ไม่มีเงินจ่ายให้ Ericsson ตั้งแต่ปี 2016
RCom ติดหนี้ Ericsson 2.46 พันล้านบาท ซึ่ง RCom ก็ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตามกำหนด และขอเลื่อนเวลาการจ่ายหนี้ออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้ว RCom จ่ายหนี้ได้เพียง 528 ล้านบาท นำไปสู่การถูกฟ้องร้องในเวลาต่อมา
ศาลสูงสุดจึงมีคำตัดสินว่า ถ้าภายใน 1 เดือน RCom ยังจ่ายหนี้ให้ Ericsson ไม่ได้ Anil จะต้องถูกจำคุก 3 เดือน
สุดท้ายแล้วพี่ชายของ Anil Ambani อย่าง Mukesh ก็เข้ามาช่วย
โดยการจ่ายหนี้ที่เหลือ มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทให้
ในขณะที่ บริษัท RCom ก็ต้องยื่นล้มละลาย
แต่เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้น เพราะ RCom ยังมีหนี้ก้อนใหญ่อีกก้อน ที่กู้ยืมมาจาก 3 ธนาคารขนาดใหญ่ของจีน ทั้ง ICBC, China Development Bank และ EXIM Bank of China เป็นมูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท
ทั้ง 3 ธนาคารจึงยื่นฟ้อง RCom และ Anil Ambani..
ช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่ง Anil ได้พูดระหว่างพิจารณาคดีออนไลน์กับศาลของประเทศอังกฤษว่า เขาไม่มีเงินใช้หนี้ เพราะความมั่งคั่งของเขาตอนนี้ใกล้จะเป็นศูนย์แล้ว.. ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเขาจะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้
จากความขัดแย้งเพื่อแย่งกิจการกันเองในครอบครัว บวกกับการบริหารธุรกิจที่ผิดพลาด การทุ่มเงินลงทุนขนาดใหญ่แต่ได้ผลลัพธ์แย่กว่าที่คาด ทำให้บริษัทก่อหนี้ก้อนโต
ทั้งหมดนี้ก็ได้ส่งผลไปยังทรัพย์สินของผู้ที่เคยรวยติดอันดับ 6 ของโลกอย่าง Anil Ambani ได้หายไปเกือบหมด ในขณะที่พี่ชายที่เติบโตมาพร้อมกัน กลับเดินสวนทางกัน เพราะประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นเศรษฐี ที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย นั่นเอง
ถ้าใครเชื่อว่าชีวิตของเราถูกกำหนดมาแล้วตั้งแต่เกิด
เกิดมาในครอบครัวที่รวย ก็ย่อมมีแรงส่งให้พวกเขารวยขึ้น
ซึ่งมันก็เป็นจริงในหลายกรณี
แต่ในบางกรณี มันก็อาจเป็นตรงกันข้าม
ซึ่งอย่างน้อย มันก็เกิดขึ้นแล้วกับ Anil Ambani น้องชายของ มหาเศรษฐี ที่รวยสุดในเอเชีย นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.businessinsider.in/thelife/personalities/news/anil-ambanis-journey-from-42-billion-net-worth-to-claiming-poverty/articleshow/74028627.cms
-https://www.scmp.com/magazines/style/celebrity/article/3093874/mukesh-vs-anil-why-did-one-ambani-brother-go-bankrupt
-https://economictimes.indiatimes.com/industry/telecom/telecom-news/from-glory-to-dust-an-ambani-brands-journey-to-bankruptcy/articleshow/67837769.cms?from=mdr
-https://www.businesstoday.in/latest/economy-politics/story/anil-ambani-road-to-bankruptcy-how-the-brother-of-indias-richest-man-lost-his-way-271119-2020-08-25
-https://www.moneycontrol.com/news/business/a-timeline-of-reliance-communications-versus-ericsson-case-3661261.html
-https://youtu.be/dBH0E20kc30
-https://www.forbes.com/forbes/2008/0324/080.html?sh=3e185f910f2e
-https://en.wikipedia.org/wiki/Reliance_Industries
-https://en.wikipedia.org/wiki/Reliance_Group
同時也有108部Youtube影片,追蹤數超過58萬的網紅JR Lee Radio,也在其Youtube影片中提到,這部影片有部分取自新聞的犯案暴力鏡頭,請斟酌觀賞。再次強調,做 #stopasianhate 這主題,是為了讓遠在地球另一端的我們能夠意識到問題的嚴重性,並且進而反思、教育自己。 另外,因為主題談論到暴力、槍擊事件,所以影片當然是.. 「黃標狀態」。如果行有餘力,我們會非常感謝你加入我們的頻道會員,...
「forbes 2020」的推薦目錄:
- 關於forbes 2020 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於forbes 2020 在 Facebook 的最佳貼文
- 關於forbes 2020 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於forbes 2020 在 JR Lee Radio Youtube 的精選貼文
- 關於forbes 2020 在 電扶梯走左邊 Jacky Youtube 的精選貼文
- 關於forbes 2020 在 JR Lee Radio Youtube 的最讚貼文
- 關於forbes 2020 在 Forbes - After so many hardships in 2020 and 2021, it can... 的評價
- 關於forbes 2020 在 Clayton Forbes- Red Belt- T8 Male Under 30 - YouTube 的評價
forbes 2020 在 Facebook 的最佳貼文
【西班牙品牌故事 ~ Natura Bissé】
大家知道,西班牙有時尚品牌如 Zara、Mango、Loewe 等,但是,應該很少人知道,西班牙還有一個具國際知名度的高級護膚品牌 Natura Bissé。
Natura Bissé 於 1979 年創於巴塞隆納,結合不同的高效成分與科技,為不同皮膚、季節、環境、年齡創造出適合各個時刻所需的保養品。在這四十年間,從巴塞隆納開始,到紐約、杜拜、倫敦等地, 在 Neiman Marcus、Barneys、Harrods、Harvey Nichols 等知名百貨公司設立專櫃, Natura Bissé 席捲全球時尚美容圈、豪華飯店和高級 SPA 護膚中心。
除此之外,它是西班牙 50 大品牌中唯一獲選的護膚品牌,被“富比士旅遊指南(Forbes Travel Guide)”指定為唯一官方護膚品牌,更在 2018, 2019 跟 2020 年連續三年拿下 World Spa Awards 的「世界最佳 Spa 品牌獎」。
Natura Bissé 除了跟國際豪華飯店以及高級 SPA 合作,提供奢華的護膚療程之外,還負責奧斯卡金象獎以及西班牙影展哥雅獎(Premios Goya)頒獎前明星們的護膚療程。從 2005 年,Natura Bissé 就成為奧斯卡明星上紅毯前的護膚品牌,提供明星們強效恢復肌膚活力、修復等護膚療法,也因此,Natura Bissé 成為好萊塢明星們的護膚品首選。
導遊在十幾年前第一次接觸到 Natura Bissé 的護膚品,因其創新的高濃度活性成分配方以及90% 以上天然來源成分而非常喜歡,而今年新出的 Diamond Well-Living 身體保養系列更讓導遊驚艷。
Diamond Well-Living 身體保養系列的身體去角質霜含有 95% 天然成分,以海鹽顆粒、碎米粉末、葡萄籽顆粒為主,身體保濕乳霜看起來濃厚,用起來卻沒有粘膩感,能快速吸收,還略帶柑橘香氣,帶給肌膚明顯的改變,而最讓導遊喜愛的是身體按摩油跟身體凝膠。按摩油的香味跟保濕乳霜比起來,較為濃厚一點,有著天然精油的清香,DE-STRESS 紓壓按摩油帶著薰衣草、雪松、廣藿香的香氣,真的可以讓人放鬆緊繃的身心。身體凝膠分成兩種,溫感跟涼感,香味非常淡雅,要非常仔細才能聞到溫感凝膠的肉桂、薑黃香氣,或是涼感凝膠的尤加利、薄荷香氣。溫感凝膠適於疲憊的肌肉,例如放鬆長期在電腦前造成的肌肉疲憊,涼感凝膠適於舒緩久站或運動後緊繃的肌肉,例如舒緩一整天帶團走路、參觀景點的雙腿。
Diamond Well-Living 身體保養系列的香味自然清淡,沒有刺鼻的人工香味,聞起來非常舒服放鬆,觸感也很細緻舒適,用起來是居家保養的一大享受,尤其在這疫情期間,可以透過觸覺跟嗅覺的感受,以居家按摩的方式調適生活、平衡身心,讓這一年半前被打亂、至今尚未恢復的生活中多了一份愉悅跟舒適感。
#西班牙 #naturabisse #1010apothecary #MyWellLivingMoment
forbes 2020 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
Sean Quinn มหาเศรษฐีรวยสุดในไอร์แลนด์ ล้มละลายใน 3 ปี /โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่าเศรษฐกิจของประเทศไอร์แลนด์ เติบโตอย่างร้อนแรงในช่วงปี 1995 ถึง 2007
จนมีชื่อเรียกว่า “The Celtic Tiger” ซึ่งในช่วงเวลานั้น GDP ของไอร์แลนด์เติบโตขึ้นเกือบ 4 เท่า
ในเวลาเพียง 12 ปี โดยเฉพาะระหว่างปี 1995 ถึง 2000 ที่ GDP เติบโตเฉลี่ยปีละ 9.4%
นั่นจึงทำให้ไอร์แลนด์ กลายเป็นประเทศที่ประชากรโดยเฉลี่ยร่ำรวยติด 10 อันดับแรกของโลก
และผู้ที่ร่ำรวยสุดในไอร์แลนด์ ในเวลานั้นก็คือชายที่ชื่อว่า “Sean Quinn”
แต่เพียง 3 ปีหลังจากนั้น Sean Quinn กลับต้องกลายเป็นคนล้มละลาย
แล้วชีวิตของ Sean Quinn พลิกจากคนรวยสุดในไอร์แลนด์
จนไม่เหลืออะไรเลยใน 3 ปี ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
“Sean Quinn” เกิดที่ประเทศไอร์แลนด์ในปี 1947 ในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะดี
เขาจึงต้องออกจากโรงเรียนตอนอายุ 15 ปี เพื่อมาช่วยงานที่ฟาร์มเล็ก ๆ ของครอบครัว
ปี 1973 คุณ Quinn ในวัย 26 ปี ก็ได้เริ่มค้าขายครั้งแรก หลังจากที่เขาพบว่าที่ดินตรงเนินเขาหลังบ้าน มีหินกรวดที่ใช้ก่อสร้างอยู่ เขาเลยยืมเงินจากเพื่อน 4,500 บาท หรือคือเป็นมูลค่าราว 55,000 บาทในปัจจุบัน เพื่อซื้อเครื่องจักรมาขุดหินและกรวดไปขาย
แต่ในช่วงนั้นเศรษฐกิจของประเทศไอร์แลนด์ยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การทำธุรกิจจึงยากลำบากมาก จนกระทั่งมาถึงปลายทศวรรษ 1980 ที่เศรษฐกิจไอร์แลนด์เริ่มฟื้นฟูและกลับเข้าสู่ช่วงเติบโตอีกครั้ง
ปี 1989 คุณ Quinn ได้ต่อยอดมาทำธุรกิจซีเมนต์และคอนกรีต โดยใช้ชื่อว่า Quinn Cement ซึ่งได้กลายเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ จนทำให้คุณ Quinn สร้างตัวขึ้นมาได้จนกลายเป็นเจ้าตลาดซีเมนต์ในประเทศ
หลังจากประสบความสำเร็จในขั้นแรกแล้ว คุณ Quinn ก็ได้ขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างเช่น
โรงงานแก้วและพลาสติก ที่ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วจนสามารถขยายโรงงานไปได้ทั่วยุโรป
รวมถึงกิจการโรงแรมอย่าง Quinn Hotel ที่เป็นเจ้าของโรงแรมหรู 7 แห่งทั่วยุโรป
ต่อมาในปี 1996 บริษัท Quinn ก็เริ่มให้บริการทางการเงินอย่างประกัน โดยตั้งเป็นบริษัท Quinn Insurance จนกลายเป็นบริษัทประกันที่มีลูกค้ามากเป็นอันดับ 3 ในไอร์แลนด์ในเวลา 10 ปี
ก่อนที่ในปี 2007 Quinn Insurance ก็ขยายใหญ่ขึ้นไปอีก จากการเข้าซื้อกิจการ Bupa Ireland ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไอร์แลนด์ในขณะนั้น
อาณาจักรธุรกิจของคุณ Quinn ที่ขยายไปในหลายอุตสาหกรรม มีชื่อเรียกรวมกันว่า “Quinn Group” ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเครือบริษัทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในไอร์แลนด์
Quinn Group ครอบคลุมกิจการหลากหลาย ทั้งโรงงานวัสดุก่อสร้างและบรรจุภัณฑ์ ประกัน โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ ผับ ร้านอาหาร และอื่น ๆ อีกมากมาย จนเมืองที่เป็นที่ตั้งของบริษัท Quinn Group ถูกเรียกว่า “ประเทศ Quinn”
นอกจากนี้ คุณ Quinn ยังถูกยกย่องให้เป็นฮีโรของชาวเมือง เพราะการลงทุนมหาศาล ได้ช่วยพลิกฟื้นจากเมืองที่ไม่มีอะไรเลย ให้กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรม ที่สำคัญก็คือช่วยให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 8,000 คน
และความสำเร็จของ Quinn Group ก็ทำให้ในปี 2007 คุณ Quinn ในวัย 60 ปีและครอบครัวของเขา มีทรัพย์สิน 1.95 แสนล้านบาท ถูกจัดอันดับจาก Forbes ว่าเป็นคนที่รวยสุดในไอร์แลนด์และรวยเป็นอันดับที่ 164 ของโลก
แต่นอกจากการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจให้อาณาจักร Quinn Group แล้ว
คุณ Quinn ได้เข้าไปซื้อหุ้นของธนาคาร Anglo Irish Bank อย่างลับ ๆ ด้วย
Anglo Irish Bank เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีสาขาทั่วยุโรปและในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 1964 จากการปล่อยสินเชื่อให้ภาคธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก
ด้วยความที่คุณ Quinn ทำธุรกิจและยังมีกิจการที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มากมาย เขาเลยตั้งใจที่จะเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Anglo Irish Bank โดยเริ่มเข้าซื้อหุ้น Anglo Irish Bank ในปี 2007
แต่ผ่านไปเพียง 1 ปี การครอบครอง Anglo Irish Bank กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สิ่งที่คุณ Quinn สร้างมาทั้งชีวิต ต้องจบลง..
ช่วงครึ่งหลังของปี 2008 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาเกิดภาวะฟองสบู่แตก ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ร่วงลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จนกลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของโลก
ซึ่งก็ลามมาถึงประเทศไอร์แลนด์ด้วย
Anglo Irish Bank ที่ปล่อยสินเชื่อให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ก็แน่นอนว่าได้รับผลกระทบหนัก จนทำให้ราคาหุ้นร่วงหนัก
ซึ่งในระหว่างนั้นคุณ Quinn ไม่ได้ตัดสินใจตัดขาดทุน แต่เขากลับมองว่าเป็นโอกาสในการเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้น Anglo Irish Bank เพราะหวังว่าเมื่อราคาหุ้นฟื้นกลับมาจะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
แต่ด้วยสภาพคล่องของเงินที่คุณ Quinn มีในตอนนั้นไม่เพียงพอ เขาเลยใช้เงินที่ยืมมา อย่างเช่นเงินกู้ เงินของบริษัท Quinn Insurance และที่สำคัญก็คือใช้เครื่องมือทางการเงินที่ทำให้ตัวเขาเองมีอำนาจในการเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนมากกว่าเงินทุนของเขา หรือที่เรียกกันว่าการ “Leverage”
ทำให้คุณ Quinn มีสัดส่วนการถือหุ้นของ Anglo Irish Bank เพิ่มขึ้นจาก 5% ไปเป็นกว่า 25%
แต่สุดท้ายแล้วคุณ Quinn ก็คิดผิด เพราะ Anglo Irish Bank โดนผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจจนดำเนินกิจการต่อไม่ไหว รัฐบาลจึงต้องเข้ามาช่วยเหลือในเดือนมกราคม ปี 2009 และ Anglo Irish Bank ก็ได้กลายเป็นธนาคารของรัฐนับแต่นั้นมา
เรื่องดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้น Anglo Irish Bank นับจากจุดสูงสุดในปี 2007 จนถึงต้นปี 2009 ลดลงกว่า 98%
ซึ่งถ้าการลงทุนนี้ มาจากเงินของคุณ Quinn เองทั้งหมด เขาจะแค่เงินหายในส่วนของการลงทุนใน Anglo Irish Bank แต่เงินที่เขาใช้ในการเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้น ดันเป็นเงินที่เขายืมมา
สุดท้ายแล้ว คุณ Quinn และบริษัทจึงเป็นหนี้กับ Anglo Irish Bank 9.24 หมื่นล้านบาท และเป็นหนี้กับเจ้าหนี้รายอื่นอีกกว่า 3 หมื่นล้านบาท
เงินส่วนหนึ่งที่คุณ Quinn เตรียมนำมาใช้หนี้ ถูกพบว่าเป็นเงินที่มาจากบริษัท Quinn Insurance ราว 1 หมื่นล้านบาท คุณ Quinn และบริษัท Quinn Insurance จึงถูกปรับราว 130 ล้านบาท และคุณ Quinn ต้องออกจากตำแหน่งบริหารใน Quinn Insurance ไป
แต่นอกจากการนำเงินไปช่วยใช้หนี้แล้ว บริษัท Quinn Insurance ยังมีสัดส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สูงมาก นั่นจึงทำให้ในปี 2009 Quinn Insurance ขาดทุนจากการดำเนินงานเกือบ 2.5 หมื่นล้านบาท และยังส่งผลให้ Quinn Group ขาดทุนจากการดำเนินงานกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท
สถานะทางการเงินที่ย่ำแย่นี้ ก็ทำให้ในเดือนมีนาคม ปี 2010 หน่วยงานที่กำกับดูแลเลยมีคำสั่งให้ Quinn Insurance ขายกิจการให้กับ Anglo Irish Bank และบริษัทประกันของสหรัฐอเมริกาที่ชื่อ Liberty Mutual
ต่อมาในเดือนเมษายน ปี 2011 Anglo Irish Bank จึงเข้าควบคุมกิจการทั้งหมดของ Quinn Group โดยมีคำสั่งให้คุณ Quinn และครอบครัวไม่มีอำนาจบริหารและพ้นจากการเป็นเจ้าของ ส่วนเหล่าผู้บริหารก็ถูกไล่ออก และแต่งตั้งทีมบริหารที่เป็นคนนอกเข้ามาแทน
จนกระทั่งปลายปี 2011 คุณ Quinn ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอเป็นบุคคลล้มละลาย แต่ในระหว่างขั้นตอนถูกยึดทรัพย์ เขากลับพยายามทยอยแบ่งขายสินทรัพย์ที่มีค่า เพื่อเก็บเป็นเงินสดก่อนที่จะถูกยึด ซึ่งผิดกฎหมาย เขาจึงถูกศาลตัดสินจำคุก 9 สัปดาห์ ตอนปลายปี 2012
จนถึงปัจจุบันคุณ Quinn ในวัย 74 ปี ได้อาศัยอยู่กับครอบครัวในเมืองเกิดของเขา โดยที่ไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีเหมือนเดิมแล้ว แต่เรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนให้กับทุกคนได้ดี
เรื่องราวของคุณ Quinn ที่เริ่มทำธุรกิจในจังหวะที่เติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจของไอร์แลนด์ และใช้กลยุทธ์ขยายกิจการไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง ไม่ให้พึ่งพากับอุตสาหกรรมก่อสร้างเพียงอย่างเดียว ถือเป็นความสำเร็จที่น่ายกย่อง
อย่างไรก็ตาม คุณ Quinn กลับตัดสินใจทุ่มเงินลงทุนด้วยความเสี่ยงที่สูงมาก ซึ่งไม่ต่างจากการพนันใน Anglo Irish Bank แบบหมดหน้าตัก แถมยังใช้เงินที่กู้ยืมมา ก็ถือเป็นความผิดพลาดขั้นรุนแรง
ที่ได้ทำให้อาณาจักรธุรกิจและความมั่งคั่งที่คุณ Quinn สร้างมากว่า 35 ปี หายวับไปกับตา
ในเวลาเพียง 3 ปี เท่านั้น..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.bloomberg.com/features/2020-sean-quinn-ireland/
-https://www.ft.com/content/9d61e078-927b-11e3-8018-00144feab7de
-https://www.forbes.com/forbes/2011/0509/focus-sean-quinn-group-anglo-irish-bank-biggest-loser.html?sh=66279e4d71fa
-https://www.bbc.com/news/uk-northern-ireland-49754980
-https://www.bbc.com/news/uk-northern-ireland-19063419
-https://www.bbc.com/news/world-europe-58075623
-https://www.thejournal.ie/sean-quinn-anglo-bankrupt-671638-Nov2012/
-https://www.thejournal.ie/quinn-group-reports-operating-loss-of-e888m-for-2009-144756-May2011/?utm_source=businessetc
-https://www.irishtimes.com/business/quinn-and-family-buying-15-of-anglo-irish-bank-1.945177
-https://en.wikipedia.org/wiki/Mannok
-https://www.investopedia.com/terms/c/celtictiger.asp
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.CD?locations=IE
forbes 2020 在 JR Lee Radio Youtube 的精選貼文
這部影片有部分取自新聞的犯案暴力鏡頭,請斟酌觀賞。再次強調,做 #stopasianhate 這主題,是為了讓遠在地球另一端的我們能夠意識到問題的嚴重性,並且進而反思、教育自己。
另外,因為主題談論到暴力、槍擊事件,所以影片當然是.. 「黃標狀態」。如果行有餘力,我們會非常感謝你加入我們的頻道會員,實際上會給予我們很大的幫助!
加入頻道會員:https://www.youtube.com/channel/UCH1jieeP7Ecpo4s-pPT9FWQ/join
JR的英文學習書:https://www.books.com.tw/products/0010861255?sloc=main
-------------------------
Insider報導(2021.2.11):Gina Carano一連串爭議行徑
https://www.youtube.com/watch?v=mxObG659Sc0
Global News(2021.2.11): 盧卡斯影業開除Gina Carano聲明
https://globalnews.ca/news/7634131/gina-carano-fired-disney-star-wars-holocaust-mandalorian/
Gina Carano接受Ben Shapiro專訪(2021.2.21)
https://www.youtube.com/watch?v=mxObG659Sc0
USA TODAY報導(2021.3.9):迪士尼CEO Bob Chapek針對Gina Carano事件回應
https://www.usatoday.com/story/entertainment/tv/2021/03/09/gina-carano-disney-ceo-says-company-has-no-political-bias/6927712002/
Forbes富比士專欄(2021.3.11):迪士尼開除Gina Carano顯現缺乏健全管理
https://www.forbes.com/sites/genedelvecchio/2021/03/11/disneys-cancel-culture-is-confused-hypocritical-and-dangerous--lacking-sound-management/
迪士尼Stories Matter官方網頁
https://storiesmatter.thewaltdisneycompany.com/
更多影片
《一個燒掉NIKE $40億的爭議廣告》►►https://youtu.be/VJP9rCRRAcg
《2020東京奧運禁用的一雙NIKE跑鞋!》►►https://youtu.be/lgMjZmA0tNc
《當你陷入在生活的迷霧中...》►►https://youtu.be/-bLEbLOZhT4
《當你感到渺小時...》►► https://youtu.be/p9IC-Ss--Aw
forbes 2020 在 電扶梯走左邊 Jacky Youtube 的精選貼文
✨本集來賓:Alyssa Tsai 是 2020 Forbes 30 under 30 in Media & advertising.
- 從 Vogue Magazine 到 Blockchain consulting CEO/Founder
- 找到適合的創辦人Finding a good co-founder
- 如何定目標 How to set goals
- 每天睡前幫助睡眠的習慣 Daily sleeping habits to improve sleep
- 三本對人生影響最大的書 3 favorite books that changed her life
- 如何用日記跟寫作來自我進步 Use writing and journaling to document learnings and improve
- 家人跟朋友的重要性 Importance of family & friends
我們每集都會辦抽書活動,記得 follow 我們 🤩
IG: https://www.instagram.com/leftsideescalator.jacky/
FB: https://www.facebook.com/LeftSideEscalator.Jacky/
forbes 2020 在 JR Lee Radio Youtube 的最讚貼文
加入頻道會員:https://www.youtube.com/channel/UCH1jieeP7Ecpo4s-pPT9FWQ/join
JR的英文學習書:https://www.books.com.tw/products/0010861255?sloc=main
-------------------------
Insider報導(2021.2.11):Gina Carano一連串爭議行徑
https://www.youtube.com/watch?v=mxObG659Sc0
Global News(2021.2.11): 盧卡斯影業開除Gina Carano聲明
https://globalnews.ca/news/7634131/gina-carano-fired-disney-star-wars-holocaust-mandalorian/
Gina Carano接受Ben Shapiro專訪(2021.2.21)
https://www.youtube.com/watch?v=mxObG659Sc0
USA TODAY報導(2021.3.9):迪士尼CEO Bob Chapek針對Gina Carano事件回應
https://www.usatoday.com/story/entertainment/tv/2021/03/09/gina-carano-disney-ceo-says-company-has-no-political-bias/6927712002/
Forbes富比士專欄(2021.3.11):迪士尼開除Gina Carano顯現缺乏健全管理
https://www.forbes.com/sites/genedelvecchio/2021/03/11/disneys-cancel-culture-is-confused-hypocritical-and-dangerous--lacking-sound-management/
迪士尼Stories Matter官方網頁
https://storiesmatter.thewaltdisneycompany.com/
更多影片
《一個燒掉NIKE $40億的爭議廣告》►►https://youtu.be/VJP9rCRRAcg
《2020東京奧運禁用的一雙NIKE跑鞋!》►►https://youtu.be/lgMjZmA0tNc
《當你陷入在生活的迷霧中...》►►https://youtu.be/-bLEbLOZhT4
《當你感到渺小時...》►► https://youtu.be/p9IC-Ss--Aw
forbes 2020 在 Forbes - After so many hardships in 2020 and 2021, it can... 的推薦與評價
After so many hardships in 2020 and 2021, it can make us wonder what's next in terms of the future of work. But there are 8 ways to face job uncertainty... ... <看更多>