Johnnie Walker เดินมาจากไหนกันนะ
The Man Who Walked Around the World เป็นผลงานสารคดีจาก Anthony Wonke เจ้าของรางวัล BAFTA ที่จะพาทุกคนร่วมเดินไปกับ Johnnie Walker ที่เดินทางข้ามผ่านเวลามาเป็นเวลานานนับศตวรรษ ทั้งพร้อมกับชวนให้คุณได้ตั้งคำถามไปพร้อม ๆ กัน ว่าขวดวิสกี้ขวดหนึ่งที่เป็นพยานของเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์อะไรบ้าง เมื่อมันได้ข้ามผ่านมหัศจรรย์ของเวลาและการปฏิวัติ
Anthony Wonke ถ่ายทำสารคดีเรื่องนี้ และได้จับมือนักประวัติศาสตร์ นักเขียน นักแสดง นักร้อง นักดื่ม ผู้หลงใหลในมนต์สเน่ห์ของวิสกี้ มาร่วมเล่าเรื่อง ณ ช่วงเวลาต่าง ๆ บนเส้นทางอันหลากหลายที่ Johnnie Walker ได้เดินผ่าน ทั้งจุดเริ่มต้นในเมือง Kilmarnock มาจนถึงอิทธิพลใน Pop Culture ที่ขวด Johnnie Walker ได้ไปปรากฏตัวเป็นตัวละครสำคัญ ทั้งในภาพยนต์ฮอลลีวู้ด และบอลลีวู้ด อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างผู้คนในทั่วทุกมุมโลกกับวิสกี้ ในหลากหลายแง่มุม รวมถึงด้านวัฒนธรรม ที่ The Man Who Walked Around the World ได้พาเราเดินไปทั่วโลกและสะท้อนให้เห็นทั้งความเชื่อด้านจิตวิญญาณ ความสนุกสนาน ความเป็นที่พึ่งทางด้านจิตใจ และความเท่าเทียมทางเพศ
แม้จะอยู่ในช่วงล็อคดาวน์ แต่ Anthony Wonke ก็ยังสามารถถ่ายทำสารคดีเรื่องนี้ได้อย่างไร้ข้อกังขา และหนังโปรดของข้าพเจ้า ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังการสัมภาษณ์ Q&A แบบ Exclusive กับทีมงานและผู้กำกับกันแบบสดๆ ในงาน Edinburgh International Film Festival พร้อมรับชม The Man Who Walked Around the World ในแบบ Exclusive Pre-Screen ที่สามารถสร้างความประทับใจได้ในแบบที่ไม่เหมือนใคร ตั้งแต่เริ่มดูครั้งแรก เพราะความใส่ใจในการใส่ “เรื่องราว” ใน “ขวดวิสกี้” นี่แหละ ที่ทำให้เห็นว่าวิสกี้กับจิตวิญญาณของมนุษย์มันมีความผูกพันกันได้มากกว่าที่เราเคยเห็น
นอกจากนี้ การสัมภาษณ์สุดพิเศษที่เราได้เข้าร่วมนั้น ยังมีความน่ารักตรงที่ว่าทีมงานได้เนรมิตร Virtual Bar เป็นฉากหลัง พร้อมชงเครื่องดื่มแบบ New Normal ให้เราได้ชม ก่อนจะร่วมสัมภาษณ์กันจากทั่วทุกมุมโลกในหลากหลายช่วงเวลา เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ
Anthony Wonke เอง ก็ได้กล่าวชื่นชมทีมงานของเขาในระหว่างการสัมภาษณ์ว่า “เรามีทีมงานที่เก่งสุด ๆ บางคนเคยมีประสบการณ์ในเขตสงครามด้วยครับ ดังนั้นเราจึงสามารถเข้าถึงเรื่องราวในมุมต่าง ๆ ของโลกได้ เราทั้งถ่ายทำจากทางไกลบ้าง จริง ๆ คือตอนถ่ายคุณต้องอดทนมาก ๆ เลยล่ะครับ แต่สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือ ทีมงานทุกคนได้อยู่ในงานนี้กันทั้งหมด
ด้วยความที่เรื่องนี้มีส่วนของอเมริกา ทั้งวอร์ชิงตัน LA นิวยอร์ค พม่า บราซิล อินเดีย อิรัก.. เยอะมากเลยครับ ผมต้องขอบคุณทีมในพื้นที่ด้วย ที่ทำให้สุดยอดสารคดีชิ้นนี้ได้มีชีวิตขึ้นได้”
John L Williams หนึ่งในคนสำคัญเบื้องหลังของ The Man Who Walked Around the World เองก็ได้บอกว่า เขารู้สึกประทับใจกับการที่เห็นว่า Johnnie Walker มีบทบาทสำคัญในชีวิตของผู้คนทั่วโลก ทั้งในช่วงเวลาสำคัญ หรือในช่วงเวลาทั่วไปก็ตาม
“ถ้าผมจะเลือกความประทับใจส่วนตัวของผมที่มีต่อ Johnnie Walker ผมคงเลือกช่วงเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี่แหละครับ ตอนที่เราได้เปิดตัวแคมเปญหนึ่งของ Johnnie Walker ในไทม์สแควร์ และตอนนั้นผมก็ได้เดินไปที่ไทม์สแควร์ในตอนเช้า พอเห็นมันทั่วทุกที่ในไทม์สแควร์แล้ว.. มันเป็นความทรงจำที่ลืมไม่ลงเลยล่ะครับ”
กว่า 40 นาทีของสารคดีเรื่องนี้ จะพาคุณไปเห็นเรื่องราวที่คุณไม่เคยเห็นผ่านขวดวิสกี้ของ Johnnie Walker ที่ได้เดินทางมาเป็นเวลากว่า 200 ปี คุณจะได้เห็นพลังของความเชื่อในประเทศพม่า ได้เห็นมันกลายเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและการเคลื่อนไหวอย่างทรงพลังในประเทศบราซิล ได้เห็นการฉีกข้อจำกัดเดิม ๆ ของภาพจำทางเพศ และคำตอบที่ว่าทำไม Johnnie Walker ถึงมีความหมายทางด้านจิตใจกับชาวเมือง Kilmarnock มาจนถึงสองศตวรรษให้หลัง
โดย The Man Who Walked Around the World ได้เปิดตัวในเทศกาลภาพยนตร์เอดินเบอระ (Edinburgh International Film Festival) และออกอากาศไปเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ถ้าใครอ่านแล้วอยากร่วมเดินทางไปกับชายผู้ไม่เคยหยุดเดินคนนี้ สามารถเข้าร่วมชม The Man Who Walked Around the World สารคดีระดับโลกกันได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ณ Prince Theatre ที่งาน Awakening ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 13 - 20 ธันวาคม ตั้งแต่เวลา 16.00 น. จนถึง 22.00 น. ที่ย่านเจริญกรุง (บางรัก) ติดตามรายละเอียดรอบฉายได้จาก Facebook page :Johnnie Walker Style https://www.facebook.com/JohnnieWalkerStyle และสามารถสอบถามการจองที่นั่งได้ที่เบอร์ 065-5315608 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม เป็นต้นไป
โดยนอกจากจะได้ดื่มด่ำกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันน่าสนใจของ The Man Who Walked Around the World แล้ว คุณยังจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ Time Out Bangkok ได้เนรมิตรแสงสีสุดยิ่งใหญ่ ให้ย่านเจริญกรุงได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังมีบูธที่ร่วม Collab กับ Johnnie Walker ให้อินกันได้มากกว่าเดิม เช่น มีไอศกรีมจาก Guss Damn Good, มี mixer 3 รสชาติ จาก Vesper Bar และเสื้อผ้าสุดชิคกับ Takarawong
ห้ามพลาดเด็ดขาดครับ
