อันนี้น่าสนใจทีเดียวครับ เห็นสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักแล้ว ที่พูดถึง แต่ในไทยเรา ยังไม่ค่อยเห็นใครพูดถึงเท่าไหร่เลย โดยเฉพาะทางสายสาธารณสุข
คือ ผลจากที่เราพยายามจะล็อกดาวน์ ป้องกันการแพร่ระบาดโรค covid โดยเฉพาะการที่ไม่ให้ "เด็กๆ" ออกนอกบ้าน ไปเรียนหนังสือ หรือทำกิจกรรมกับคนอื่น มาปีกว่าแล้วนี้ ... กลับเกิดผลเสียทางอ้อม ที่คาดไม่ถึงกัน
คือทำให้ขาดโอกาสในการที่เด็กๆ จะได้รับเชื้อโรคต่างๆ เช่น RSV ไปบ้าง ซึ่งปกติในแต่ละปี เด็กจะต้องเจอเชื้อพวกนี้ เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นตามธรรมชาติ
เลยกลายเป็นว่า เด็กๆ เริ่มมีจำนวนที่ป่วยจากเชื้อโรคต่างๆ ที่แพร่ระบาดในเด็กแต่ละปี "มากขึ้นอย่างผิดปกติ" ในปีนี้
ซึ่งไทยเราเองก็เตรียมตัวรับมือได้เลยนะครับ โดยเฉพาะในฤดูหนาวนี้ ที่จะมีการแพร่ระบาดของโรคมากขึ้น เพราะเราก็ล็อคเด็กไว้ในบ้านมาเป็นแรมปีเหมือนกัน
เนื้อหาข่าวต้นทางมาจาก BBC thai เลยขอเอามาแปะเพิ่มเติมด้านล่างนี้นะครับ
------
(บางส่วนของรายงานข่าว จาก บีบีซีไทย)
ผลจากการที่ผู้คนใช้มาตรการป้องกันโรคโควิด เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากาก และการล้างมือสม่ำเสมอ ยังช่วยลดการเกิดโรคติดเชื้อไวรัสชนิดอื่น ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ด้วย
ทว่าในเดือน มี.ค. กลับพบเด็กและทารกที่มีอาการไอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น โดยเด็กที่มีอาการหนักบางคนมีอาการหายใจลำบาก
เด็กเหล่านี้ติดเชื้อไวรัสมวลเซลล์รวมระบบหายใจ หรือ ไวรัสอาร์เอสวี (respiratory syncytial virus หรือ RSV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับปอด และพบได้บ่อยในช่วงฤดูหนาว ซึ่งตามปกติในช่วงเดือน มี.ค. ยอดเด็กติดเชื้อชนิดนี้มักเริ่มลดลงแล้ว แต่มันกลับพุ่งสูงขึ้นผิดปกติในปีนี้
ในช่วงหลายเดือนต่อมา ไวรัสอาร์เอสวีนอกฤดูกาลได้สร้างความวุ่นวายให้โรงพยาบาลหลายแห่งในช่วงฤดูร้อน โดยพบการระบาดสูงผิดปกติทั้งในตอนใต้ของสหรัฐฯ สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร
แพทย์หลายคนเชื่อว่าพฤติกรรมที่ผิดแปลกไปของไวรัสชนิดนี้น่าจะเป็นผลทางอ้อมที่เกิดจากการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากเมื่อปีที่แล้ว การใช้มาตรการล็อกดาวน์ และการรักษาสุขอนามัยเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิดนั้น ได้ส่งผลต่อเชื้อไวรัสชนิดอื่น ๆ ด้วย รวมถึงไวรัสอาร์เอสวี ด้วยเหตุนี้เด็กจึงไม่มีโอกาสได้สัมผัสเชื้อโรคเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
เมื่อมาตรการป้องกันโรคระบาดเริ่มผ่อนคลายลง เด็กจำนวนมากที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอต่อไวรัสอาร์เอสวีจึงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อโรคชนิดนี้พุ่งทะยานขึ้นในช่วงเวลาที่คาดไม่ถึง
เชื้อโรคที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเชื้อที่คาดเดาแนวโน้มได้ง่าย จึงอาจสร้างความประหลาดใจให้โรงพยาบาลและครอบครัวที่มีเด็กเล็กได้ทุกเวลา
การระบาดนอกฤดูกาลของไวรัสอาร์เอสวียังทำให้โรงพยาบาลมีผู้ป่วยเด็กล้น อีกทั้งยังทำให้เห็นว่าการระบาดของโควิด-19 และการใช้มาตรการควบคุมโรคต่าง ๆ ได้ส่งผลต่อโลกของเรามากเพียงใด
ในช่วงที่ไวรัสอาร์เอสวีระบาดรุนแรงที่สุดในช่วงต้นเดือน เม.ย. เด็กส่วนใหญ่ที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตที่โรงพยาบาลนี้เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี
เด็กในอีกหลายประเทศก็เผชิญการระบาดนอกฤดูกาลของไวรัสอาร์เอสวีเช่นกัน
นพ. คริสโตเฟอร์ แบร์เกอร์ หัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อและระบาดวิทยาในโรงพยาบาลที่โรงพยาบาลเด็กมหาวิทยาลัยซูริก ในสวิตเซอร์แลนด์ ระบุว่า "มันทำให้เราประหลาดใจ เรารู้ว่ามันเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ป่วยมากขนาดนี้"
นพ. คริสโตเฟอร์ แบร์เกอร์ เล่าถึงช่วงที่มีผู้ป่วยสูงสุดในเดือน ก.ค. ว่าเตียงที่โรงพยาบาลเต็มจนต้องส่งเด็กและทารกที่ติดเชื้ออาร์เอสวีไปรักษาในโรงพยาบาลที่ยังพอมีเตียงว่าง
ในช่วงดังกล่าวมีโรงพยาบาลอื่นอีก 7 แห่งในสวิตเซอร์แลนด์ที่เผชิญสถานการณ์เดียวกับโรงพยาบาลที่ นพ. แบร์เกอร์ทำงานอยู่ และสามารถพูดได้ว่า ไวรัสอาร์เอสวีกลายเป็นปัญหาใหญ่กว่าโควิด-19 สำหรับพวกเขาในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา "โรงพยาบาลเราแทบไม่มีผู้ป่วยโควิดเลยในช่วงนั้น" เขากล่าว
ราว 1-2% ของทารกที่ติดเชื้ออาร์เอสวีจะป่วยหนักจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และได้รับออกซิเจนโดยการสวมหน้ากาก หรือใช้สายให้ออกซิเจนทางจมูก เด็กบางคนอาจต้องใช้สายให้อาหาร ซึ่งหลังจากใช้วิธีเหล่านี้เด็กส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
ก่อนที่โควิด-19 จะระบาด โรงพยาบาลต่าง ๆ มักเตรียมความพร้อมรับมือกับไวรัสอาร์เอสวีก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาว โดยคนไข้กลุ่มเสี่ยงที่สุด เช่น ทารกคลอดก่อนกำหนด และเด็กที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับปอดและหัวใจอาจได้รับการปกป้องจากโรคนี้ด้วยการฉีดวัคซีน palivizumab เพื่อต้านเชื้อไวรัสอาร์เอสวี โดยจะต้องได้รับวัคซีนชนิดนี้ในทุกเดือนที่มีไวรัสอาร์เอสวีระบาด นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมการเตรียมตัวรับมือกับการเพิ่มขึ้นของโรคจึงสำคัญมาก
อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิดได้ไปรบกวนวงจรการเกิดโรคตามฤดูกาลของไวรัสอาร์เอสวี รวมถึงบทบาทตามปกติของมันในการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันของเด็ก
พญ. อากาห์ จากโรงพยาบาลเด็กไมมอนิดีส บอกว่า มาตรการป้องกันโควิด ทำให้ไวรัสอาร์เอสวีไม่ได้แพร่ระบาดไป 1 ฤดูกาล ส่งผลให้เด็กไม่ได้สัมผัสกับเชื้อเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคนี้ และแม่ก็ไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันที่สามารถส่งผ่านไปสู่ลูกน้อยได้
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เด็กมีความเสี่ยงต่อไวรัสอาร์เอสวีมากเป็นพิเศษเมื่อประเทศต่าง ๆ เริ่มคลายล็อกดาวน์และผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง
จาก https://www.bbc.com/thai/international-58570983
[Women's Health] 什麼是「RSV」?告訴你人類呼吸道融合病毒的11個症狀以及6個預防 ...
[Yahoo奇摩新聞] 家長注意!RSV來襲兒醫急診爆滿醫師籲「能打的疫苗都去打」
[遠見雜誌] RSV病毒疫情提早!醫:流感、腸病毒,社區至少4病毒要注意
[udn 元氣網] 秋冬RSV疫情升溫九成兩歲以下嬰幼兒曾被感染家長留意5大病徵
[ETtoday健康雲] 免疫負債沒還完!台大兒科病床已全滿RSV新病毒「病況嚴重度增 ...
[遠見雜誌] RSV呼吸道融合病毒高峰季節來襲!蜂蜜、洋蔥8食物助緩解症狀
rsv 在 仁愛醫療財團法人- 呼吸道融合病毒(RSV) 預防勝於治療 的相關結果
在大家關注於COVID-19及流感疫苗的此時,呼吸道融合病毒(RSV)正在我們生活周邊流行著,尤其影響了許多一歲以下的嬰幼兒。RSV是一種RNA病毒,分類上屬於 ... ... <看更多>