2 สามีภรรยาติดโควิด “รอเตียงนาน 4 วัน” ซึ่งสามีป่วยเป็นเส้นเลือดสมองตีบ-พาร์กินสัน ล่าสุดได้รับการส่งตัวรักษาแล้วครับ
ขอให้ปลอดภัยนะครับ 🙏
#ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด
ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ประสานรับตัว 2 สามีภรรยา ป่วยโควิด นอนรอเตียงนานกว่า 4 วัน อยู่ภายในเคหะแจ้งวัฒนะ 14 เขตหลักสี่ เพื่อส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระ เรียบร้อยแล้ว
จากกรณีที่ 2 สามีภรรยาป่วยโควิดร้องสื่อ พักอาศัยอยู่ภายในเคหะแจ้งวัฒนะ 14 อาคาร l แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร และรอเตียงอยู่บ้านนาน 4 วัน โดยยังไม่มีโรงพยาบาลรับไปรักษา ซึ่งสามีอาการไม่ดี มีโรคประจำตัว ทั้งเส้นเลือดในสมองตีบ และ พาร์กินสัน นั้น
ล่าสุด หลังจากที่นำเสนอข่าวไป ทางศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ได้ประสาน 2 สามีภรรยา เพื่อรับตัวและส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระ เรียบร้อยแล้ว เมื่อช่วง 15.00น.
กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากฝ่ายนางรัชนี อายุ 54 ปี ภรรยา ร้องเรียนว่า ที่ผ่านมามีความหวังว่าจะมีหน่วยงานมารับตัวไปรักษา จึงทำการเก็บเสื้อผ้ารอไว้ แต่ผ่านมา 4 วันแล้วก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาให้การช่วยเหลือ หรือมารับตัว ซึ่งตนเองทำงานอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านรังสิต เริ่มมีอาการ จึงไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาล ผลออกมาเป็นบวก คาดว่าน่าจะติดเชื้อมาจากที่ทำงานแล้วไม่รู้ตัว จึงนำเชื้อกลับมาติดสามี ซึ่งนอนป่วยอยู่ที่บ้านก่อนแล้ว โดยมีโรคประจำตัว คือ เส้นเลือดในสมองตีบ และ โรคพาร์กินสัน
#เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過100萬的網紅LDA World,也在其Youtube影片中提到,วิธีตรวจโรคแบบใหม่! อนาคตอาจใช้ AI วิเคราะห์โรคแทนหมอได้แล้ว . อีกหนึ่งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการแพทย์ พัฒนาเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโร...
「โรคพาร์กินสัน」的推薦目錄:
- 關於โรคพาร์กินสัน 在 Facebook 的最佳貼文
- 關於โรคพาร์กินสัน 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於โรคพาร์กินสัน 在 แปลงซะเสีย Facebook 的最佳解答
- 關於โรคพาร์กินสัน 在 LDA World Youtube 的最佳貼文
- 關於โรคพาร์กินสัน 在 Ceemeagain Youtube 的精選貼文
- 關於โรคพาร์กินสัน 在 เช็คอาการเสี่ยง โรคพาร์กินสัน | บำรุงราษฎร์ - YouTube 的評價
- 關於โรคพาร์กินสัน 在 โรคพาร์กินสัน สั่น เกร็ง เคลื่อนไหวผิดปกติ อาการที่ไม่ควรละเลย วันนี้ ... 的評價
โรคพาร์กินสัน 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
ทำไม สวิตเซอร์แลนด์ จึงเป็นประเทศแห่ง ยารักษาโรค? /โดย ลงทุนแมน
ในบรรดาปัจจัย 4 ของมนุษย์ ทั้งอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค
“ยารักษาโรค” อาจเป็นสินค้าที่เราเลือกเองได้ “น้อย” ที่สุด
ไม่มีใครอยากเจ็บไข้ได้ป่วย แต่เมื่อป่วยแล้ว ยิ่งเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องใช้ยาราคาสูงมาก
หลายคนก็ยอมจ่าย หวังให้กลับมาหายเป็นปกติ
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่อุตสาหกรรมยารักษาโรคจะสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้แก่ประเทศผู้ผลิต
หนึ่งในนั้นก็คือสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรเพียง 8 ล้านคน
แต่กลับส่งออกยารักษาโรคมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากเยอรมนี
อะไรที่ทำให้ประเทศเล็กๆ แห่งนี้ ก้าวขึ้นมามีบทบาทในอุตสาหกรรมที่เป็นความหวังของมนุษย์?
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สวิตเซอร์แลนด์ จึงเป็นประเทศแห่ง ยารักษาโรค?
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ. 2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
สวิตเซอร์แลนด์เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป ถูกรายล้อมไปด้วยเทือกเขาแอลป์
ไม่มีทางออกสู่ทะเล ทางเดียวที่จะเชื่อมกับโลกภายนอกได้ คือแม่น้ำไรน์
แม่น้ำไรน์เป็นแม่น้ำนานาชาติของยุโรปตะวันตก มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแอลป์
ไหลผ่านสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนจะไหลขึ้นทางเหนือเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนี ไหลผ่านเมืองใหญ่น้อยทางตะวันตกของเยอรมนี
ก่อนจะออกสู่ทะเลเหนือที่เนเธอร์แลนด์
แม่น้ำแห่งนี้เป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป เป็นเส้นทางการค้าตั้งแต่ยุคกลาง
พอถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม แม่น้ำไรน์ช่วงที่ผ่านเยอรมนี ก็เป็นแหล่งขนส่งแร่เหล็กและถ่านหิน
เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมเหล็ก และโรงงานอุตสาหกรรมเคมี
องค์ความรู้ด้านเคมีมีต้นกำเนิดมาจากอังกฤษ ก่อนจะถูกต่อยอดโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน จนเมื่อเยอรมนีกลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเคมีในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งเริ่มมาจากการคิดค้นสีย้อมผ้า
แล้วการปฏิวัติอุตสาหกรรมก็ไหลทวนกระแสน้ำมาถึงสวิตเซอร์แลนด์
โดยมีเมืองสำคัญที่สุดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์ ก็คือ “บาเซิล”
บาเซิลเป็นเมืองการค้ามาตั้งแต่ยุคโรมัน และเป็นส่วนหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ในศตวรรษที่ 16
หลังจากนั้นเมืองนี้ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางธนาคารและการค้าสิ่งทอ
ทำเลของบาเซิลตั้งอยู่ในจุดที่พรมแดนของ 3 ประเทศมาบรรจบกัน คือสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมนี บาเซิลจึงได้รับอิทธิพลจากทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะองค์ความรู้ด้านเคมี และอุตสาหกรรมการผลิตสีย้อม
แต่ข้อดีที่สุด ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมเคมีของสวิตเซอร์แลนด์ก็คือ
“การไม่มีกฎหมายสิทธิบัตร”
เมื่อมีการผลิตงานวิจัยและองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์
ประเทศในยุโรป โดยเฉพาะ เยอรมนีและฝรั่งเศส ต่างออกกฎหมายสิทธิบัตรเพื่อคุ้มครองผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ของตัวเอง โดยเฉพาะองค์ความรู้ด้านการสังเคราะห์สีย้อมผ้า
นักวิทยาศาสตร์หลายคน ถึงแม้จะมีองค์ความรู้ แต่ติดในเรื่องสิทธิบัตร ทำให้ไม่สามารถวิจัยและพัฒนาต่อได้ สวิตเซอร์แลนด์จึงกลายเป็นสวรรค์ของนักวิจัย
โดยจุดหมายปลายทางก็อยู่ที่เมืองบาเซิล..
ด้วยทำเลที่ตั้งมีแม่น้ำใหญ่ไหลผ่าน เหมาะแก่การขนส่งและเป็นวัตถุดิบของโรงงาน
อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการเงิน ธนาคารในบาเซิลมีเงินทุนมหาศาล
เมืองแห่งนี้จึงดึงดูดนักลงทุนมากมายให้มาตั้งโรงงานผลิตสีสังเคราะห์
ปี ค.ศ. 1859 นักวิจัยชาวฝรั่งเศส Alexandre Clavel, Louis Durand และ Etienne Marnas ได้อพยพมาเพื่อตั้งโรงงานผลิตสีสังเคราะห์ในบาเซิล ไม่นานก็สามารถสังเคราะห์สาร Fuchsine ที่ให้สีบานเย็นได้
โดยนักวิจัยทั้ง 3 นี้ได้ตั้งโรงงานชื่อว่า โรงงานเคมีแห่งบาเซิล หรือ Chemische Industrie in Basel ซึ่งถูกย่อว่า “CIBA”
ต่อมานักเคมีของ CIBA คือ Alfred Kern ได้ออกมาตั้งโรงงานของตัวเองร่วมกับนักธุรกิจ Eduard Sandoz ในปี ค.ศ. 1886 เกิดเป็นบริษัท “Sandoz” ในปี ค.ศ. 1886 ซึ่งได้สังเคราะห์สาร Auramine O ที่ให้สีเหลืองทอง
ไม่นาน สวิตเซอร์แลนด์ก็กลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอุตสาหกรรมเคมี ส่งออกสีสังเคราะห์แข่งกับเยอรมนีและฝรั่งเศส จนทำให้นักธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศ พากันเรียกสวิตเซอร์แลนด์ว่า
“ดินแดนแห่งนักปลอมแปลง”
ใครจะไปเชื่อว่า ครั้งหนึ่ง สินค้าที่ถูกส่งออกจากสวิตเซอร์แลนด์ จะถูกมองว่าเป็นของก๊อบปี้..
แรงกดดันของการเป็นนักก๊อบปี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ
จนรัฐบาลเยอรมันขู่ว่าจะยกเลิกสนธิสัญญาการค้าระหว่าง 2 ประเทศ
ทำให้ในที่สุด รัฐบาลสวิสจำเป็นต้องออกกฎหมายสิทธิบัตรอย่างเป็นทางการ ในปี ค.ศ. 1907
แต่อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเคมีก็ได้ฝังรากอย่างแข็งแกร่งที่บาเซิลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่การถูกมองว่าเป็นนักก๊อบปี้
ทำให้เหล่านักธุรกิจและนักวิจัยชาวสวิส จำเป็นต้องหาทางต่อยอดจากการผลิตสีสังเคราะห์
ชาวสวิสขยันขันแข็ง มีหัวการค้า และเป็นระบบระเบียบอยู่เป็นทุนเดิม
การขาดแคลนทรัพยากรทำให้มุ่งเน้นการผลิตสินค้าขนาดเล็กมาเนิ่นนาน
สินค้าที่ขนส่งง่าย มีกรรมวิธีการผลิตที่ซับซ้อน มีนวัตกรรมเฉพาะตัว และมีราคาสูงพอที่จะคุ้มทุน
ซึ่งตัวอย่างที่ดีที่สุดก็คือ นาฬิกา
องค์ความรู้ด้านเคมี สามารถนำมาต่อยอดได้หลากหลาย
หนึ่งในผลผลิตที่น่าสนใจ ก็คือ “ยารักษาโรค”
ถึงแม้จะมาทีหลังในอุตสาหกรรมสีสังเคราะห์ แต่สำหรับยารักษาโรค อุตสาหกรรมนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมาก
ด้วยองค์ความรู้ด้านเคมีที่มีอยู่แล้ว
บวกกับระบบการศึกษาของสวิตเซอร์แลนด์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากระบบเยอรมัน
ที่เน้นการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ แล้วนำมาประยุกต์ให้เข้ากับภาคอุตสาหกรรม
จึงเกิดเป็นงานวิจัยร่วมกันระหว่างนักวิชาการ กับนักธุรกิจในแวดวงอุตสาหกรรม
นักธุรกิจชาวสวิสจึงตัดสินใจลงทุนในอุตสาหกรรมยา
ปี ค.ศ. 1896 นักธุรกิจ Fritz Hoffmann - La Roche ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทเคมีภัณฑ์ F. Hoffmann-La Roche โดยตั้งแผนกเพื่อมุ่งเน้นการวิจัยยารักษาโรคโดยเฉพาะ
ด้วยองค์ความรู้และการวางแผนอย่างเป็นระบบ
ในที่สุด หัวหน้าฝ่ายวิจัย Carl Schaerges ก็ได้ค้นพบ ไอโอดีน ในการรักษาโรคไทรอยด์ได้เป็นผลสำเร็จ กลายเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนายารักษาโรคไทรอยด์ในเวลาต่อมา
เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ ที่เคยผลิตสีย้อมผ้า ต่างก็หันมาเพิ่มแผนกใหม่ เพื่อวิจัยและพัฒนายารักษาโรคโดยเฉพาะ
ปี ค.ศ. 1900 บริษัท CIBA สามารถสังเคราะห์สาร Salen ซึ่งเป็นสารตั้งต้นทางยาตัวแรก
ซึ่งเป็นโครงสร้างที่จะถูกพัฒนาต่อมาเป็นยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
เช่นเดียวกับบริษัท Sandoz ได้ตั้งแผนกเภสัชกรรมในปี ค.ศ. 1917 เพื่อพัฒนายารักษาโรค
จนสามารถสังเคราะห์สาร Ergotamine ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของยารักษาโรคไมเกรน
ไม่นาน เมืองบาเซิลก็กลายมาเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านการแพทย์และเภสัชกรรมของโลก
โดยมีสถาบันการศึกษาอย่าง University of Basel และ Friedrich Miescher Institute in Basel เป็นผู้ผลักดันงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง
จากสารตั้งต้นหนึ่งตัว ก็ถูกต่อยอดจนกลายเป็นยารักษาโรค
เมื่อมีโครงสร้างของยาหนึ่งตัว ก็มีการพัฒนายาตัวใหม่จากโครงสร้างเดิมต่อกันไปเรื่อยๆ
และจากอุตสาหกรรมยา ก็ถูกต่อยอดจนเกิดเป็นอุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยี
ปัจจุบัน CIBA และ Sandoz ได้ควบรวมกันเป็นบริษัท “Novartis” และก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทยาชั้นนำ ควบคู่กับ F. Hoffmann-La Roche
โดยทั้ง 2 บริษัท ต่างก็มียอดขายอยู่ในระดับ Top 5 ของโลก
F. Hoffmann-La Roche เป็นผู้นำในการพัฒนายาที่ใช้รักษาโรคเรื้อรัง
เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคพาร์กินสัน และโรคมะเร็ง รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์
อุปกรณ์ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ACCU-CHEK
ส่วน Novartis เป็นผู้นำในการพัฒนายารักษาโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคทางระบบประสาท ไปจนถึงยาใช้ภายนอกอย่างยาทาแก้ปวด Voltaren ที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยชื่อนี้..
ถึงแม้จะมีจุดเริ่มต้นของการลอกเลียนแบบ สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ต่อยอด และพัฒนาเทคโนโลยี “เฉพาะทาง” จนกลายเป็นประเทศที่เป็นผู้นำในวงการเภสัชกรรม มีสิทธิบัตรยา
และงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
มาถึงตรงนี้ การที่ชาวสวิสร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
ไม่ใช่เพราะสร้างสินค้าที่ทำตามความต้องการของลูกค้าและตลาด
แต่ก้าวนำลูกค้าด้วยนวัตกรรม และคุณภาพของสินค้าที่เหนือใคร
จนสามารถส่งออกและสร้างรายได้มหาศาลให้แก่ประเทศ
ซึ่ง “ยารักษาโรค” คือตัวอย่างที่ดีที่สุดของเรื่องนี้
ทั้งหมดนี้ ก็น่าจะสรุปได้ว่า การไม่มีทางออกทะเลอาจไม่ใช่ปัญหาของชาวสวิส
เพราะพวกเขามีอีกทางออกหนึ่งอยู่แล้ว ที่เรียกว่า นวัตกรรม..
อ่านซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ในตอนก่อนหน้าทั้งหมดได้ที่แอป Blockdit blockdit.com/download
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ. 2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.bs.ch/en/Portrait/cosmopolitan-basel/history.html
-https://www.aiche.org/sites/default/files/cep/20131231_2.pdf
-https://irp-cdn.multiscreensite.com/bcb8bbe3/files/uploaded/Basel%20Pharma%20Cluster.pdf
-https://www.pharmaceutical-technology.com/features/formula-success-inside-swiss-pharma/
-https://www.novartis.us/about-us/who-we-are/company-history
-https://www.roche.com/about/history.htm
โรคพาร์กินสัน 在 แปลงซะเสีย Facebook 的最佳解答
Earth, Wind & Fire กับเบื้องหลัง ‘September’ เพลงที่ทุกคนต้องลุกมา “เต้น” และเนื้อเพลงที่ไม่มีความหมายของมอริส ไวท์
.
“Do you remember the 21st night of September?”…
.
ใครที่เคยไปร่วมงานแต่งในสหรัฐอเมริกา คงจะมีคำถามเกิดขึ้นในหัวว่า เหตุใดคนที่นั่นถึงชอบเปิดเพลง ‘September’ ในงาน ซึ่งคำตอบของคำถามก็คือ นี่เป็นหนึ่งในเพลงที่สามารถทำให้ทุกคนพร้อมใจกันย้ายก้นจากเก้าอี้เพื่อมาเต้นบนฟลอร์ได้ นอกจากนี้ ‘September’ ยังเป็นเพลงที่สะท้อนให้เราเห็นถึงความสนุกและมนต์เสน่ห์ของสิ่งที่เรียกว่า “กรู๊ฟ” ได้อย่างดี
.
‘September’ คือหนึ่งในผลงานอันโด่งดังของ Earth, Wind & Fire (เอิร์ธ, วินด์แอนด์ไฟร์) วงโซลฟังก์ระดับตำนานเจ้าของรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส และวงดนตรีที่สร้างสรรค์งานเพลงสุดฮิปอย่าง ’Let’s Groove’, ‘Boogie Wonderland’, ‘Shining Star’ และ ‘After the Love Has Gone’ โดย ‘September’ เป็นเพลงที่เขียนโดยผู้ก่อตั้งวงอย่าง มอริส ไวท์ อัล แม็คเคย์ (สมาชิกยุคดั้งเดิม) และอัลลี วิลลิส
.
“‘September’ เกิดขึ้นมาจากอัล (แม็คเคย์) เล่นเพลงนี้ให้ผมฟัง ตอนนั้นผมชอบเพลงนี้มาก เลยเริ่มต้นคิดเมโลดี้ขึ้นมา” ไวท์ เล่า
.
ไวท์เล่าต่อว่า ไอเดียต่าง ๆ ของเพลงนี้ผุดขึ้นมาตอนที่เขาอยู่ในห้องพักโรงแรมที่วอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งบรรยากาศรอบ ๆ โรงแรมในตอนนั้นล้อมรอบไปด้วยการเดินขบวนประท้วง และเต็มไปด้วยเสียงของความวุ่นวายและความโกรธแค้นของประชาชน
.
“แมวพวกนี้ (คนประท้วง) ส่งเสียงร้องและขว้างปาสิ่งของใส่กันอย่างบ้าคลั่ง ตอนนั้นแหละที่ไอเดียของเพลงนี้ได้พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ” เขาเล่าถึงแรงบันดาลใจ
.
การพัฒนาเพลงนี้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง ตอนปี 1978 วิลลิสที่สมัยนั้นยังเป็นเพียงนักแต่งเพลงไส้แห้ง แถมกำลังเผชิญกับชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลานในแอลเอ คืนหนึ่งเธอได้รับโทรศัพท์จากไวท์ หัวหน้าวง Earth, Wind & Fire ซึ่งในบทสนทนาครั้งนั้น ไวท์ได้เสนอโอกาสที่ชีวิตหนึ่งจะมีสักครั้ง นั่นก็คือการได้เข้ามาแต่งเพลงร่วมกับ Earth, Wind & Fire สำหรับอัลบั้มถัดไป คืนนั้นวิลลิสตอบรับไวท์กลับไปด้วยความตื่นเต้น ในใจเธอได้แต่คิดและหวังว่านี่คงไม่ใช่เรื่องตลกหรือการแกล้งของใครบางคน
.
วันรุ่งขึ้นเธอเดินไปที่สตูดิโอ (ไม่ไกลจากที่พักของเธอ) และได้ยินเสียงในท่อนอินโทรของเพลง ‘September’ วินาทีนั้นเธอรับรู้ได้เลยว่า นี่คือเพลงที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตเธอและโลกใบนี้
.
“‘September’ เป็นเพลงที่ยอดเยี่ยมและมีเบื้องหลังที่น่าตื่นเต้นมาก ตอนนั้นฉันรับสายและเขาก็พูดว่า ‘สวัสดี นี่ มอริส ไวท์ นะ ผมอยากรู้ว่าคุณอยากมาเขียนเพลงให้ Earth, Wind & Fire ร่วมกับผมไหม?’ มันเหมือนฝันมาก ๆ สำหรับฉัน วันรุ่งขึ้นฉันเดินไปที่สตูดิโอ พอถึงที่นั่นฉันเปิดประตูเข้าไป พวกเขาเพิ่งจะเขียนท่อนอินโทรของเพลงเสร็จ ฉันได้ยินเสียงกีตาร์ในท่อนอินโทรนั้น แล้วก็แอบคิดในใจว่า ‘พระเจ้า ขอให้นี่เป็นอะไรที่พวกเขาอยากให้ฉันเขียนเถอะ’ เพราะมันเป็นเพลงที่มีซาวนด์ที่มีความสุขที่สุดในโลกเลย แถมมันต้องเป็นเพลงที่ฮิตโคตร ๆ แน่ ๆ
.
“มอริส (ไวท์) เดินมาหาฉัน แล้วแนะนำฉันให้รู้จักกับสมาชิกในวงคนอื่น ๆ หลังจากนั้นเขาก็บอกทุกคนว่า ‘ฉันอยากให้เพลงนี้ชื่อว่า September และบรรทัดแรกของเพลงจะขึ้นว่า Do you remember….’ มอริสยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ มาให้ฉัน ในนั้นเขาเขียนสิ่งที่อยากจะเล่าในท่อนเวิร์สทั้งสามท่อน เวิร์สแรกเขาเขียนว่า Do you remember the 21st day of September… ตอนนั้นฉันอยากให้เขาปรับท่อนนี้ จากคำว่า day เป็น night เพราะมันดูโรแมนติกกว่า”
.
วิลลิสเผยว่า แม้เธอจะชอบวิธีการเล่าเรื่องของเพลงนี้มาก แต่ตอนแรกเธอไม่เห็นด้วยที่มอริสนำคำที่ไม่มีความหมายอย่าง “ba-dee-ya” มาใส่ไว้ในท่อนคอรัส ซึ่งเธอกลัวว่ามันจะทำให้เนื้อเพลงฟังดูมักง่ายเกินไป วิลลิสเล่าว่า ตอนที่ซ้อมร้องครั้งสุดท้ายก่อนบันทึกเสียง เธอรับไม่ได้ถึงขั้นร้องไห้คุกเข่าอ้อนวอนให้ไวท์แก้ท่อนนั้น
.
“จะมีคำที่มอริสใช้เวลาฮัมในแทบทุก ๆ เพลงที่เขาเขียน ตัวอย่างเช่น ba-dee-ya เพราะงั้นตั้งแต่เริ่มต้นเพลงเลย เขาจะร้องว่า Ba-dee-ya, say, do you remember / Ba-dee-ya, dancing in September. ฉันเลยถามว่า ‘เดี๋ยวเราจะเปลี่ยน ba-dee-ya เป็นคำอื่นที่มีความหมายใช่ไหม’ เขาตอบว่า ‘ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร มันจะไม่ส่งผลต่อความหมายของเพลงหรอก’
.
“ฉันขอร้องเขาอยู่หลายเดือนเพื่อเปลี่ยนเนื้อท่อนนั้น พอถึงคืนสุดท้ายที่ทุกอย่างต้องเสร็จภายในเที่ยงคืน ฉันเข้าไปในสตูดิโอและขอร้องเขาเป็นครั้งสุดท้าย ฉันคุกเข่าลงและกอดต้นขาของเขา และพูดว่า ‘ได้โปรดเปลี่ยนอีท่อน ba-dee-ya เป็นคำพูดจริง ๆ ได้ไหม’”
.
สุดท้าย ไวท์ยืนกรานที่จะไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อเพลงใด ๆ เขาเชื่อว่าเนื้อแบบนี้เข้ากับตัวเพลงที่สุดแล้ว วิลลิสยังเล่าอีกว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของไวท์ ยังเป็นบทเรียนที่สอนให้เธอรู้จักการให้ความสำคัญกับดนตรี มากกว่าเรื่องของทฤษฎี
.
“ให้ตายยังไงเขาก็ตอบว่าไม่ เมื่อเห็นชัดแล้วว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแน่นอน ฉันเลยถามว่า ‘ถามจริงไอ้ ba-dee-ya นี่มันหมายถึงอะไรกันแน่’ เขาก็พูดหน้าตาเฉยว่า ‘ใครแม่งจะสนใจล่ะ’ เขาพูดอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนมุมมองของฉันเกี่ยวกับการแต่งเพลงไปตลอดกาลเลย เขาบอกฉันว่าอย่าให้เนื้อเพลงมาขวางทาง หากท่วงทำนองจังหวะและจิตวิญญาณของเพลงอยู่ที่นั่นแล้ว ทุกคนจะรับรู้ได้ อารมณ์ของพวกเขาจะรับรู้ได้ และพวกเขาจะเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังพูดในที่สุด…. มอริสเคยเล่าเรื่องนี้ลงในหนังสือชีวประวัติของเขาเมื่อปี 2016 ด้วยนะ เขาบอกว่าฉันร้องไห้ตอนที่ขอร้องเขา ฉันจำไม่ได้ว่ามันน่าอายขนาดไหน แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันจะไม่มีวันลืมเลย”
.
หลายปีต่อมา วิลลิสได้พูดถึงเบื้องหลังการเขียนเนื้อเพลงนี้ว่า แม้เนื้อเพลงดูจะเป็นเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แต่เชื่อหรือไม่ว่าความรักเหล่านั้นล้วนถูกกลั่นกรองมาจากหลักปรัชญาที่ไวท์กับวงกำลังอินกันอยู่
.
“อะไรทำนองนี้ของพวกเขาส่วนมากมักจะมีพื้นฐานมาจากปรัชญาตะวันออก การมีมุมมองเชิงบวกแบบน่าทึ่งเกี่ยวกับชีวิต เนื้อหาของเพลงจะไม่ใช่สิ่งที่มักจะเจอในเพลงโซล ณ ตอนนั้น ฉันยังจำได้อยู่เลยตอนที่กำลังจะเดินจากสตูดิโอในวันแรก มอริสเดินมาหาฉันและให้หนังสือที่ชื่อว่า The Greatest : Salesman In The World เขาให้ฉันไปที่ the Bodhi Tree ซึ่งเป็นร้านหนังสือที่ดังเรื่องหนังสือแนวจิตวิญญาณในแอลเอ หลังจากนั้นฉันใช้เวลาไปกับหนังสือพวกนี้อยู่หลายเดือน เนื้อเพลงเริ่มยาวเป็น 25-30 หน้า ในขณะที่ฉันพยายามเข้าถึงและเข้าใจสิ่งพวกนี้ การได้อ่านอะไรพวกนี้เปลี่ยนฉันไปตลอดกาล เขานำพาฉันไปสู่เส้นทางที่ฉันเดินอยู่ทุกวันนี้”
.
แล้วทำไมต้องวันที่ 21 กันยายน? วิลลิสเองก็เคยสงสัยเหมือนกัน จึงหันไปถามไวท์ว่า ทำไมเฮียถึงเจาะจงวันวันนี้ นี่ต้องเป็นวันที่พิเศษมากแน่ ๆ… แต่ไม่ ผิดมหันต์! ไวท์ตอบกลับวิลลิสเพียงว่า เขาไม่มีเรื่องอะไรเฉพาะเจาะจงกับวันที่ 21 กันยายน หรอก เพียงแค่คำนี้มันติดอยู่ในหัวเขาเท่านั้นเอง
.
“เราเปลี่ยนวันไปเรื่อย ๆ อย่าง ‘Do you remember the first, the second, the third, the fourth...’ และวันที่รู้สึกดีที่สุดคือวันที่ 21 จริง ๆ ตอนแรกฉันก็ถามเขานะว่าทำไมต้องวันนี้ด้วย เขาก็บอกว่ามันไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก แค่คำนี้มันเข้าปากมากกว่า มักจะมีคนมาถามและตื่นเต้นที่จะได้รู้ว่าวันนั้นมันสำคัญยังไงอยู่เสมอ และมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรไปมากกว่าวันอื่นหรอก เขาแค่รู้สึกว่าร้องแล้วดีกว่าวันอื่นแค่นั้นแหละ เพราะงั้น ขอโทษด้วยนะ” วิลลิสปิดท้าย
.
‘September’ ถือเป็นเพลงจากอัลบั้มรวมฮิตของวง (The Best of Earth, Wind & Fire, Vol. 1) ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในอุตสาหกรรมดนตรีโลก ตัวเพลงขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ทบิลบอร์ดอาร์แอนด์บี และไต่ขึ้นสูงสุดอันดับแปดในบิลบอร์ดท็อป 100
.
หลังจากที่ไวท์เริ่มมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับระบบประสาท (โรคพาร์กินสัน) เขาได้ถอนตัวออกจากวงเมื่อปี 1995 ก่อนจะเสียชีวิตด้วยวัย 74 ปี ในปี 2016 ทำให้ปัจจุบัน Earth, Wind & Fire มีสมาชิกทั้งหมด 12 คน และเหลือสมาชิกรุ่นแรก ๆ เพียงแค่ เวอร์ดีน ไวท์ (น้องชายไวท์), ฟิลิป เบลีย์ และ ราล์ฟ จอห์นสัน เท่านั้น
.
เรื่อง: วิทวัส ปัญญาเลิศวุฒิ
.
อ่าน "Earth, Wind & Fire กับเบื้องหลัง ‘September’ เพลงที่ทุกคนต้องลุกมา “เต้น” และเนื้อเพลงที่ไม่มีความหมายของมอริส ไวท์" เวอร์ชั่นเว็บไซต์ได้ที่ลิ้งก์นี้: https://thepeople.co/culture-september-earth-wind-and-fire/
.
ที่มา:
https://doyouremember.com/999…/september-earth-wind-and-fire
https://www.npr.org/…/the-song-that-never-ends-why-earth-wi…
https://www.songwriteruniverse.com/mauricewhite123.htm
https://www.wsj.com/…/do-you-remember-the-message-in-earth-…
#ThePeople #Culture #Music #EarthWindAndFire #September
โรคพาร์กินสัน 在 LDA World Youtube 的最佳貼文
วิธีตรวจโรคแบบใหม่!
อนาคตอาจใช้ AI วิเคราะห์โรคแทนหมอได้แล้ว
.
อีกหนึ่งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการแพทย์
พัฒนาเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรค
.
ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์, ดึงข้อมูลจาก Cloud
สามารถตรวจโรคได้เร็ว แม่นยำ และเข้าถึงง่ายขึ้น
.
เทคโนโลยีนี้ทำงานอย่างไร? ใครเป็นคนพัฒนา?
จ๊ะจ๋ามาเล่าให้ฟังใน #FasterFuture กันค่ะ
#เทคโนโลยีทางการแพทย์ #iLoF #AIวิเคราะห์โรค
#วิธีตรวจโรคแบบใหม่ #FutureIsFun
-------------------------------------------------------------
ABOUT US
Instagram: http://www.instagram.com/ldaworld
Facebook: http://www.facebook.com/LDAworld
Twitter: http://twitter.com/ldaworlds
Blog: http://www.ldaworld.com
PODCAST
Spotify : https://spoti.fi/2v8nNY9
Apple Podcast : https://apple.co/35NteJc
Podbean : https://ldapodcast.podbean.com
ติดต่องาน/ลงโฆษณา : contact@flourish.co.th
โทร : 086-363-6683

โรคพาร์กินสัน 在 Ceemeagain Youtube 的精選貼文
เรื่องเด่นเย็นนี้ Weekly C3 onair 2014/08/24 ท้าแบบเข้าท่า "เชิญมาราดน้ำแข็งกันสักที" Ice Bucket Challenge
- SIPA จัดงาน Software Expo Asia 2014
- เทคโนโลยีสวมใส่ช่วยวิเคราะห์ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
- Line เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้มือถือ แจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อมีการล็อกอิน
- กระทรวงวิทย์เปิดห้องเรียนวิทยาศาสตร์ทั่วทุกภาค
ติดตาม Weekly C3 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ เวลาประมาณ 17.30 น. ทางช่อง 3 หรือย้อนหลังผ่านช่องทางนี้
Please Subscribe:http://Youtube.com/chatpawee
http://Facebook.com/chatpawee
http://Twitter.com/ceemeagain
http://Google.com/+ceemeagainchatpawee
ติดต่อโฆษณากับรายการ : Sociallab.co.ltd 091-819-7925
--------------------------------------------------

โรคพาร์กินสัน 在 โรคพาร์กินสัน สั่น เกร็ง เคลื่อนไหวผิดปกติ อาการที่ไม่ควรละเลย วันนี้ ... 的推薦與評價
ว และไม่มีเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวใน โรค ของ พาร์กินสัน กันค่ะ ☎ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง โรงพยาบาลมหาชัย โทร.034-424-990-4 หรือ 034- ... ... <看更多>
โรคพาร์กินสัน 在 เช็คอาการเสี่ยง โรคพาร์กินสัน | บำรุงราษฎร์ - YouTube 的推薦與評價
โรคพาร์กินสัน เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมของสมองและระบบประสาทที่พบได้บ่อยรองจากโรคอัลไซเมอร์ ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด แต่อย่างไรก็ตาม ... ... <看更多>