เมื่อวานเขียนเล่าถึง 'แหล่งที่มาของอำนาจ' ไป (อ่านได้ในลิงก์ที่แปะไว้ในคอมเมนต์ครับ) วันนี้ขอชวนคุยต่อเรื่องในเมื่ออำนาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคนอยู่ด้วยกัน เราควรใช้มันอย่างไรดี เป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้จากพี่อวยพร เขื่อนแก้ว จากคอร์สที่วัชรสิทธาเช่นเดิม
1
ในพื้นที่ของอำนาจที่มีคนมีอำนาจมากกว่ากับคนที่มีน้อยกว่า โดยส่วนใหญ่เรามักพบการใช้อำนาจแบบ Power Over คือใช้อำนาจเพื่อควบคุมให้อีกฝ่ายเป็นไปตามที่ฝ่ายมีอำนาจต้องการ ทั้งในระดับของสังคมและในระดับบุคคล
ในบ้าน, บทบาทนี้อาจเป็นพ่อ ซึ่งมีอำนาจตามวัฒนธรรมด้วยความเป็นพ่อ เป็นคนหาเงินเลี้ยงครอบครัว เป็นผู้ชาย เป็นผู้นำ เป็นคนโตกว่า เป็นสามี ฯล ฯ มีองค์ประกอบมากมายทางวัฒนธรรมที่เอื้อให้พ่อเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้าน ซึ่งพ่อก็แบกรับบทบาทนั้นไว้บนบ่า และเผลอใช้อำนาจนี้ไปกับการควบคุมคนในบ้านให้เป็นอย่างใจ (อาจไม่ทุกบ้าน แต่ส่วนใหญ่)
ไม่ใช่แค่พ่อเท่านั้น หลายบทบาททำให้คนคนนั้นเผลอใช้อำนาจที่ตัวเองมีตามวัฒนธรรมเช่นกัน แม่ พี่ ครูอาจารย์ เจ้านาย หัวหน้า ผู้บังคับบัญชา ฯลฯ อีกมากมาย ใครเคยใช้อำนาจแบบ Power Over หรือไม่ ลองดูตามคีย์เวิร์ดข้างล่างเพื่อพิจารณา
Power Over มีลักษณะของการควบคุม บังคับ ข่มขู่ ห้ามไม่ให้ทำสิ่งที่อยากทำ ทำร้าย ใช้กำลัง เอาเปรียบ ดุด่า ตำหนิ ดูถูก ตีตรา ตัดสิน ปิดกั้นโอกาส คิดแทน ไม่รับฟัง เปรียบเทียบ ล้อเลี้ยน ลงโทษ แสวงหาประโยชน์
ซึ่งทำให้อีกฝ่ายซึ่งถูกใช้อำนาจรู้สึกต่ำต้อย ด้อยค่า อึดอัด กดดัน กลัว กังวล เครียด สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง โกรธ ไม่พอใจ ไม่ไว้วางใจ หวาดระแวง อ่อนแอ กดทับ ถูกจำกัด ไม่ปลอดภัย
ปัญหาก็คือคนที่ใช้อำนาจในการควบคุมบงการคนอื่นมักรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของตน เป็นสิ่งที่ควรทำ ถูกต้องแล้ว และบ่อยครั้งที่เชื่อว่า (หรืออ้างว่า) ทำสิ่งเหล่านี้ไปเพราะรักและหวังดี โดยไม่ได้คิดเลยว่าการใช้อำนาจเหนือกว่าแบบนี้ทำให้อีกฝ่ายสูญเสียความนับถือตัวเองและอาจเป็นแผลในใจร้าวลึกเนิ่นนาน มีผู้คนจำนวนมากเติบโตและใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ใช้อำนาจข่มบังคับ หรืออาจพูดได้ว่าใช้ชีวิตอยู่ในวัฒนธรรม Power Over
...
2
การใช้อำนาจอีกแบบสร้างสัมพันธ์ที่ดีกว่าคือการใช้อำนาจร่วมหรือ Power Sharing เช่นกัน อาจเป็นบุคคล องค์กร หรือรัฐที่ใช้แหล่งอำนาจที่ตัวเองมีอยู่เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูล สนับสนุน ตัดสินใจร่วมกับอีกฝ่าย เชียร์ให้ตัดสินใจเอง ให้โอกาส
ซึ่งจะทำให้ผู้ถูกใช้อำนาจร่วมรู้สึกปลอดภัย ไว้วางใจ มั่นใจในตัวเอง ผ่อนคลาย สบายใจ เป็นตัวของตัวเอง
เมื่ออยู่กับบางคนเราจะรู้สึกเช่นนี้ เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วมีพลัง เรามักบอกว่าเขามอบพลังให้เรา แต่แท้จริงแล้วเขาอาจเปิดพื้นที่ให้พลังของเราได้แสดงตัวออกมา เพราะเมื่อรู้สึกปลอดภัย ไม่ถูกบังคับ เราจะกล้าคิดกล้าฝัน ใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้เต็มที่ เมื่อเป็นตัวเองอย่างกล้าหาญย่อมมีพลังเต็มเปี่ยม
ความสัมพันธ์แบบนี้เอื้อให้เราเป็นฝ่าย active ไม่ใช่ passive เพราะมีพื้นที่ให้เราคิด ตัดสินใจ ลงมือทำ ขณะที่ความสัมพันธ์แบบเอาแต่ให้คำสั่ง บอกให้ทำ ห้ามไม่ให้ทำ ดุด่า แบบนั้นย่อมทำให้เราอยู่ในสภาพรอคำสั่ง หวาดกลัว ตัวหด เศร้าใจ เป็นทุกข์และเก็บกด
...
3
น้อยครั้งที่เราจะได้สัมพันธ์กันแบบ 'แชร์อำนาจ' โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ในระนาบต่างกันทางวัฒนธรรม ใครได้พบสัมพันธ์แบบนี้นับว่าโชคดี ไม่ว่าจะกับคนในครอบครัว สามี-ภรรยา แฟน ครู-ศิษย์ เจ้านาย-ลูกน้อง หรืออื่นๆ ก็ตาม ยังไม่ต้องพูดไปถึงสิ่งที่คาดหวังได้ยากอย่างคนมีอำนาจในสังคมว่าจะเปิดรับฟังและแบ่งอำนาจให้ประชาชนทั้งหลาย
การใช้ชีวิตอยู่ใน 'วัฒนธรรมใช้อำนาจข่ม' ส่งผลกับเราในระดับลึก ผู้ด้อยกว่ากลายเป็นคนขี้กลัว โกรธเกรี้ยวอยู่ภายใน (พร้อมใช้อำนาจข่มกับคนที่ด้อยกว่าเช่นกัน) เป็นคนไม่กล้าคิด รู้สึกตัวเองด้อยค่า อาจนำไปสู่อาการเจ็บป่วยทางจิตตามมา
ส่วนผู้ที่มีอำนาจมากกว่าก็กลายเป็นคนบ้าอำนาจ เครียดและกดดันเพราะแบกความรับผิดชอบทั้งหมดไว้ (ซึ่งคิดไปเอง) ขาดความคิดสร้างสรรค์ (เพราะไม่เคยฟังใคร) ขาดทักษะการฟัง ขาดความเข้าใจคนอื่น มีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่กับคนที่สัมพันธ์ด้วย (กลายเป็นคนน่ากลัว) ใช้ชีวิตด้วยความเครียด อยากบังคับให้คนอื่นเป็นอย่างใจ แล้วก็ใจสลายเมื่อเขาไม่เป็นอย่างนั้น
'วัฒนธรรม Power Over' จึงทำร้ายทุกคน ไม่ว่าจะอำนาจมากกว่าหรือด้อยกว่า เพราะมันทำให้ทุกฝ่ายมีสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อฝ่ายหนึ่งก็เอาแต่สั่ง อีกฝ่ายก็ได้แต่ทำตาม ความสัมพันธ์แบบนี้ไม่มีวันเข้าใจกัน
...
4
สิ่งที่เราไม่ค่อยรู้ตัวก็คือที่เราเป็นแบบนั้น (ทั้งคนข่มและคนถูกข่ม) ก็เพราะวัฒนธรรมหล่อหลอมให้เราเป็นแบบนั้น เราได้ยินมาว่าต้องเป็นแบบนั้น สื่อบอกเราผ่านข่าว ละครทีวี นิยาย เราเห็นมันในครอบครัว ในโรงเรียน เราเห็นผ่านการเมืองและองค์กรที่เราสังกัด สิ่งเหล่านี้ซึมเข้ามาในตัวเราเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้ตัวอีกทีเราก็กลายเป็นคนที่ชอบใช้อำนาจข่มคนอื่นไปแล้วเรียบร้อย รู้ตัวอีกทีเราก็กลายเป็นคนยอมให้คนอื่นข่มไปแล้วเรียบร้อย
เราตกเป็นเหยื่อของวัฒนธรรม Power Over และไม่รู้วิธีสัมพันธ์กับผู้คนแบบ Power Sharing กระทั่งอาจไม่เคยมีความคิดแบ่งปันอำนาจอยู่ในหัวเลยด้วยซ้ำ
หลายคนจึงกลายเป็นคนที่ไม่ชอบตัวเอง ไม่ชอบที่ตะโกนด่าว่าลูก ทุบตีเมีย บังคับขู่เข็ญทุกคนรอบตัวอันนำมาซึ่งความทุกข์ใจ ไม่มีอะไรถูกใจสักอย่าง หลายคนไม่รู้วิธีฟังคนอื่น อดไม่ได้ที่จะสั่งสอน ออกคำสั่ง ตัดสินพิพากษา
ขณะเดียวกันหลายคนก็มีชีวิตที่ตัวเองไม่ชอบ เป็นลูกที่ถูกพ่อตวาดตลอดเวลา ถูกแม่บังคับให้เรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากเรียน เป็นศิษย์ที่ครูสั่งงานที่ไม่อยากทำ เป็นแฟนที่ทะเลาะกันตลอด เป็นภรรยาที่ถูกสามีทำร้าย เป็นคนในองค์กรที่ไม่มีสิทธิมีเสียง ฯลฯ อีกมากมาย
เราต่างตกเป็นเหยื่อของวัฒนธรรมนี้ โดยไม่มีใครมีความสุขกับมันเลย
...
5
วิธีเปลี่ยนการใช้อำนาจจาก Power Over ไปเป็น Power Sharing อาจต้องเปลี่ยนหลายระดับ ตั้งแต่...
***ความรู้***
คือรู้ในระดับข้อมูลความรู้ว่าเราตกเป็นเหยื่อของวัฒนธรรมแห่งอำนาจนี้อยู่ อาจศึกษาเพื่อเข้าใจมันมากขึ้นว่าอะไรที่หล่อหลอมตัวเราและคนในสังคมให้กลายเป็นแบบนี้
***ความคิด***
เมื่อรู้แล้วเราอาจค่อยๆ เปลี่ยนวิธีคิดของตัวเองว่าไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจข่มหรือตกเป็นฝ่ายรองรับอำนาจนั้น หากความคิดเปลี่ยนก็จะค่อยๆ นำไปสู่ทางแก้ปัญหาต่อไป
***พฤติกรรม***
การเปลี่ยนพฤติกรรมอาศัย 'สติ' หรือความรู้ตัวก่อนที่จะเผลอตกร่องเดิมของการใช้อำนาจหรือรองรับอำนาจนั้น เป็นการทำงานกับตัวเองไม่ให้เผลอไปใช้อำนาจข่มอีก อาจเริ่มที่ตัวเองก่อน
***ความสัมพันธ์***
เมื่ออยากเปลี่ยนแปลงทั้งตัวเองและคนที่สัมพันธ์ด้วย เราอาจเรียนรู้วิธีสื่อสารเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเขา ขั้นตอนนี้ไม่ง่าย ใช้เวลา แต่คุ้มค่าที่จะทำ วิธีการบอกกล่าวกันสำคัญมาก ถ้าใช้วิธีผิดก็อาจนำไปสู่ความรุนแรงได้อีก
***วัฒนธรรม***
เราเองเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่หล่อเลี้ยงพฤติกรรมนี้อยู่ หากเราสามารถเปลี่ยนส่วนของตัวเองได้ก็อาจค่อยๆ แผ่ขยายไปสู่คนในวงรอบตัว เช่น ถ้าคนเห็นใครสักคนเปลี่ยนตัวเองจากพ่อที่ชอบบังคับขู่เข็ญลูกไปเป็นพ่อที่รับฟังและถามไถ่ความคิดลูกก็อาจจุดประกายให้คนอื่นเปลี่ยนตาม นอกจากนั้นก็อาจช่วยกันขบคิดได้ว่าเราจะเปลี่ยนให้สังคมเป็นสังคมที่มีลักษณะ Power Sharing หรือแบ่งปันอำนาจกันมากกว่าที่เป็นอยู่ได้ยังไงบ้าง เรื่องใหญ่แบบนี้คงต้องช่วยกันหลายหัว
...
6
ผมรับฟังเรื่อง 'อำนาจ' และฟังประสบการณ์จากชีวิตจริงของเพื่อนร่วมคลาสด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและสงสารตัวเอง สงสารเพื่อนๆ ในสังคมทั้งคนที่ใช้อำนาจข่มและคนที่ถูกกดข่มด้วยอำนาจ มันเริ่มตั้งแต่ในบ้านลามไปถึงสเกลใหญ่ ทุกคนล้วนน่าสงสารที่ตกเป็นเหยื่อของวัฒนธรรมที่หล่อหลอมเราขึ้นมา
เราเติบโตมากับความรุนแรง การทำร้ายทางกาย วาจา ใจ จึงไม่แปลกที่บรรยากาศในสังคมจะเต็มไปด้วยความโกรธเกลียด ก่นด่า ไม่รับฟังคนอื่น ตัดสิน พิพากษา ล้อเลียน เสียดสีกัน เพราะเราหายใจเข้าออกเป็นสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่เด็กจนโต
เราใช้อำนาจข่มและถูกใช้อำนาจข่มมาตลอดชีวิต วิธีการ Power Over มันจึงถูกส่งต่อกันเป็นลูกโซ่ไม่รู้จบ
มีคำเปรียบว่า "ถ้าเราเป็นปลาที่อยู่ในน้ำจะมองไม่เห็นน้ำ" วิธีที่จะกระโดดออกไปจากน้ำได้คือต้องรู้ก่อนว่าเราแหวกว่ายอยู่ในน้ำแห่งการใช้อำนาจข่มนี้ แล้วจึงรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องอยู่ในบรรยากาศแบบนี้แม้แต่น้อย
เมื่อเห็น 'น้ำ' ที่ตัวเองแหวกว่ายอยู่ว่ามันเน่าเพียงใด
เราจะเริ่มคิดหาวิธีกระโดด
และถ้าเป็น Power Sharing, เราจะโดดไปด้วยกัน
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過1萬的網紅Miuda Style,也在其Youtube影片中提到,แม้เราจะโดนห้ามไม่ให้ออกจากบ้านเพราะ Covid แต่เราก็ต้องมีจริตความสวยงามดูผู้ดี หน้าผ่องอยู่บ้านนะคะ เพราะไม่รู้เลยว่า เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน แฟน แฟนเก...
「เจ้านาย แฟน」的推薦目錄:
- 關於เจ้านาย แฟน 在 Roundfinger Facebook 的最佳貼文
- 關於เจ้านาย แฟน 在 Pop Siwapat Facebook 的最佳貼文
- 關於เจ้านาย แฟน 在 อ.นันท์ ผ่ากรรม สื่อวิญญาณ Facebook 的最佳解答
- 關於เจ้านาย แฟน 在 Miuda Style Youtube 的精選貼文
- 關於เจ้านาย แฟน 在 "จูเน่" ยินดี "เจ้านาย" เปิดตัวแฟน | ประเด็นร้อน2022 - YouTube 的評價
- 關於เจ้านาย แฟน 在 “จูเน่” ยินดี! “เจ้านาย” เปิดตัวแฟน ยันเพิ่งรู้พร้อมทุกคน l ... 的評價
- 關於เจ้านาย แฟน 在 เจ้านายรับบทแฟนให้คนขับรถ! - Yeeyee 的評價
- 關於เจ้านาย แฟน 在 ไอเดีย รูปเจ้านาย 26 รายการ - Pinterest 的評價
เจ้านาย แฟน 在 Pop Siwapat Facebook 的最佳貼文
เป็นเรื่องน่ายินดีเมื่อคนบอกว่า “คุณเปลี่ยนไป”
คนส่วนใหญ่คาดหวังว่าคน ๆ หนึ่งต้องเหมือนเดิมเสมอ
ต้องทำอะไรเดิม แสดงออกแบบเดิม ๆ อย่าเปลี่ยนแปลง
การตั้งความหวังแบบนั้นไม่ต่างกับการ “กักขัง” บุคคลให้อยู่กับความพึงพอใจกับตัวเอง และที่มันน่าตลกคือ “คนมากมายยอมจะถูกกักขังเพราะไม่อยากจะสูญเสียบางสิ่งไปเสียด้วย”
บางคนไม่กล้าเปลี่ยนแปลงเพื่อกลับมาเป็นตัวเองเพราะกลัวเสียคนรัก
บางคนจงใจจมอยู่กับที่เพราะกลัวเสียการงาน
เราสมัครใจเป็นทาสค่านิยมและความหวังของคนอื่น
จนลืมว่า “จริง ๆ ฉันต้องการอะไร? จริง ๆ เราเป็นใคร?”
ผมเริ่มมีตัวตนในวงการด้วยการเป็นนักเขียนแฟนตาซี
หลายปีต่อมาผมกลายเป็นนักพูด
ต่อมาผมเขียนนิยายตลกร้าย
ต่อมาผมเขียนนิยายเน้นปรัชญาชีวิต
ต่อมาผมเขียนหนังสือฮาวทู
ก่อนหน้านี้ผมเป็นโค้ช NLP
ทุกวันนี้ผมเรียกตัวเองว่า “คนปกติคนหนึ่ง”
ผมไม่นิยมการเอายศตำแหน่งใด ๆ มาปักหน้าชื่อตัวเองแล้ว (พยายามเปลี่ยนชื่อเพจแล้ว แต่ท่านมาร์คไม่อนุญาต)
ผมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามสิ่งที่ผมเป็น ณ ปัจจุบัน ผมไม่แคร์ว่าผมเคยเป็นใคร หรือ กำลังจะเป็นใคร
ผมแคร์แค่ว่า “ตอนนี้ผมเป็นใคร”
เมื่อผมเปลี่ยนไปนักเรียนหรือคนใกล้ชิดผมก็เปลี่ยนแปลงด้วย
หลายคนอาจเห็นการเติบโตของผมมาตลอดหลายปี
หลายคนพูดว่าผมไม่เหมือนเดิมเลยแม้แต่ปีเดียว
อันที่จริง ผมไม่เหมือนเดิมเลยสักวัน
นั่นเป็นสาเหตุที่กลุ่มคนรอบกายผมจะไม่ซ้ำเดิมแม้แต่ช่วงเวลาใด คุณอาจเคยเห็นใครบางคนที่รักผมมาก วันนี้เขาอาจเกลียดผม และคุณจะได้เห็นคนที่เกลียดผม กลับมารักผม มีจำนวนหนึ่งที่เคยทั้งรักทั้งเกลียดทั้งหมั่นไส้และก็ยังอยู่กับผมได้ทุกวันนี้
ชีวิตคุณจะมีคนเข้าออกเสมอทุกวัน
และนั่นคือความจริงว่า “คุณไม่ได้เป็นเจ้าของใครเลย”
ทุกคนมีอิสระจากคุณและคุณก็มีอิสระจากทุกคน
คุณเป็นส่วนหนึ่งกับทุกสิ่งแต่คุณไม่ใช่เจ้าของเลยสักสิ่ง
หากคุณตระหนักความจริงนี้ได้ คุณจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรก็ได้ คุณจะมีอิสระ สนุก เบิกบาน และปล่อยใจให้ทะยานไปยังจุดไหนก็ได้ที่คุณอยากไป มันจะไม่มีคำว่ากลัวเสียเรตติ้ง ไม่มีคำว่ากลัวเสียฐานแฟน ไม่มีการกลัวเสียค่านิยม
คุณจะกล้าพูดสิ่งที่คุณอยากพูด
กล้าทำสิ่งที่คุณอยากทำ
ทุกวันนี้เราเสียสติกับตัวเลขผู้ติดตาม ตัวเลขแฟน ตัวเลข follower เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาพวกเขาไว้ เอาอกอกใจ หลายครั้งเรายอมเฟคตัวเองเพื่อให้คนอื่นพอใจ
คำถามคือ “คุณพอใจตัวเองหรือเปล่า? คุณเป็นตัวเองเต็มที่ไหม?”
คุณกำลังสิ่งที่อยากทำจริง ๆ หรือทำสิ่งนี้เพื่อเอาใจใครไหม?
คุณอยากเป็นแบบนี้จริง ๆ หรือเป็นเพื่อให้ได้ความรักจากใคร?
คุณทนกับชีวิตตอนนี้เพราะมันเป็นคุณจริง ๆ หรือคุณไม่กล้าจะเปลี่ยนตัวเองเพราะจะเสียบางคนไป?
ท้ายที่สุดเราไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรทั้งนั้น
เงินทอง ชื่อเสียง ผู้ติดตาม ครอบครัว
พ่อแม่ พี่น้อง แฟน สามี ภรรยา
นักเรียน อาจารย์ เจ้านาย ลูกน้อง
ไม่มีอะไรเป็นของเรา
ตื่นแล้วตระหนักตรงนี้ให้ได้คุณจะมีชีวิตแบบที่อยากมีเสียที
ไม่ต้องกลัวหรอกว่าคุณจะโดดเดี่ยวเดียวดายกับสิ่งที่คุณเลือก
คุณเป็นส่วนหนึ่งกับทุกสิ่งแต่ไม่เคยเป็นเจ้าของอะไรอยู่แล้ว
❤
#MasterPop #Siwapat #TheWhiteRoad
Ig : www.instagram.com/SiwapatLife
Line : https://line.me/R/ti/p/%40masterpopworld
เจ้านาย แฟน 在 อ.นันท์ ผ่ากรรม สื่อวิญญาณ Facebook 的最佳解答
การทำทาน ต้องตั้งจิตอธิษฐานตอนเราทำด้วย
ใครที่บริวารไม่ดี เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย สามี ภรรยา แฟน ลูก พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง (เจ้ากรรมนายเวรปัจจุบัน)
มีปากเสียง ทุกข์ใจ ลองอธิษฐานตามนี้ดูนะคะ
อธิษฐาน " ข้าพเจ้าขออุทิศทานนี้ ที่ทำวันนี้ ให้กับบริวารของข้าพเจ้า
#อ.นันท์ ผ่ากรรม สื่อวิญญาณ
เจ้านาย แฟน 在 Miuda Style Youtube 的精選貼文
แม้เราจะโดนห้ามไม่ให้ออกจากบ้านเพราะ Covid แต่เราก็ต้องมีจริตความสวยงามดูผู้ดี หน้าผ่องอยู่บ้านนะคะ
เพราะไม่รู้เลยว่า เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน แฟน แฟนเก่า แฟนใหม่ กิ๊ก หรือเพื่อนฝูงจะ VDO Call มาหาเราตอนไหน อย่าปล่อยให้เค้าตกใจค่ะ 5555
เรามาแต่งหน้า Work From Home ให้จิตใจมันชุ่มชื้น หายเครียดกันดีกว่า!!!
ฮายสาวๆทุกคน ช่วงนี้สบายดีกันมั้ยคะ
หมิวอะ ไม่ค่อยสบายเลย เพราะอดไปเที่ยว อดไปแต๊ดแต๋ข้างนอก
ทำงานก็ได้แต่ทำที่บ้าน ต้อง Work From Home หน้ามันเมือกอยู่บ้าน เฮ้ออออ ไม่สบายทางใจอย่างมากกกก
แต่เราห้ามค่ะ ห้าม!! จะปล่อยให้ตัวเองนั่งหน้ามัน หน้าสดอยู่บ้านไม่ได้
เรามาแต่งหน้า Work From Home กันดีกว่า ให้ใจมันหายเครียดซะหน่อยยย
เริ่ม!!
1. รองพื้น : [ Snowgirl Matte Cushion ]
วันนี้หมิวขอนำเหนอ รองพื้นแบบคุชชั่นที่กลายร่างเป็นแป้งได้ ของ Snowgirl Matte Cushion !!
ตกใจกันละสิ้!!??!!
ในวันขี้เกียจๆแบบนี้ ใครมันจะมีอารมณ์ไปค่อยๆเกลี่ยรองพื้นละคะคู้นนน ต้องนี่ๆ Snowgirl Matte Cushion
เนื้อของเค้าจะคล้ายๆครีม สีออกโทนขาวอมเหลือง เหมาะกับสาวๆบ้านเรา ทาด้วยนิ้วมือได้เลย ไม่ต้องพึ่งฟองน้ำ หรือแปรงใดๆ
หลังเกลี่ยให้เนียน ก็จะกลายเป็นเนื้อแป้ง
เมื่อทาลงไปบนผิวหน้า จากครีม ก็จะค่อยๆกลายเป็นแป้ง ให้เนื้อแบบแมทท์ ไม่มัน กันน้ำ รูขุมขนที่เคยบานๆ ก็ดูเล็กลงหลังทาทันที
ใครที่ไม่ค่อยมีปัญหาสิวมาก ก็ใช้ตัวนี้ ตัวเดียวจบ ไม่ต้องพึ่งคอนซีลเลอร์เรยย
มี SPF 45 PA+++
มี Silica ช่วยดูดซับความมันบนใบหน้า
มี สารสกัดจากกาแฟ ใครผิวหมองๆ คือจะบอกว่าต้องมี!! แถมกาแฟยังมีคุณสมบัติช่วยในการขับสารพิษด้วย
2. คอนซีลเลอร์ : [ NYX ] HD Studio Photogenic สี CW04
3. คิ้ว : [ Heavy Rotation ] สี 03 Ash Brown
4. มาสคาร่าคิ้ว : [ Heavy Rotation ] Coloring Eyebrow สี 04 Natural Brown
5. ตา : [ Etude House] Play Color Eyes สี Peach Farm
6. มาสคาร่า : [ Kingdom ] Two-step Mascara สี Brown
7. อายไลเนอร์ : [ CANMAKE ] Creamy Touch Liner สี 04
8. คอนทัวร์ : [ CEZANNE ] Contour Powder
9. แก้ม : [ Innisfree ] Blush สี 11
10. ไฮไลท์ : [ BECCA ] Highlight สี Champagne Pop
11. ลิปสติก : [ Holika Holika ] สี 04
เป็นยังไงบ้างเอ่ย ทีนี้ก็จะได้ Work From Home แบบสวยๆแล้ว รู้สึกมันสบายใจ หายเครียดไปได้หน่อยนึงเนาะ ทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน
เพราะผู้หญิงอะ พอปล่อยปะละเลยนิดนึง ใจเราก็จะห่อเหี่ยวไม่รู้ตัว
ขอให้ทุกคนมีความสุขในช่วงเหตุการณ์แบบนี้ และอย่าลืมดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ ทั้งภายนอก และก็ภายในเลยนะ
ใครที่สนใจ Snowgirl Matte Cushion ก็ไปตำกันได้ที่ 7Eleven (เซเว่น), โลตัส , Jiffy , Beautrium และ PT maxmart นะคะ
ราคา 49 บาทเท่านั้น ปริมาณ 9 กรัม
ทาวนไป ราคาสบายกระเป๋า หน้าหมองเมื่อไหร่ก็หยิบขึ้นมาเล้ยย
**Link เสื้อเชิร์ตลายหัวใจที่หมิวใส่**
http://shein.top/mhlzetg
xoxo
Miuda Style
เจ้านาย แฟน 在 “จูเน่” ยินดี! “เจ้านาย” เปิดตัวแฟน ยันเพิ่งรู้พร้อมทุกคน l ... 的推薦與評價
ก่อนหน้านี้ แฟนๆ เชียร์ให้คู่จิ้น ระหว่างสาว “จูเน่ เพลินพิชญา” และ “เจ้านาย จินเจษฎ์” ให้เป็นคู่จริงกันสักที เพราะ ... ... <看更多>
เจ้านาย แฟน 在 เจ้านายรับบทแฟนให้คนขับรถ! - Yeeyee 的推薦與評價
เจ้านาย รับบทแฟนให้คนขับรถ! #หนังสั้น #ละคร #ซีรีส์. ... <看更多>
เจ้านาย แฟน 在 "จูเน่" ยินดี "เจ้านาย" เปิดตัวแฟน | ประเด็นร้อน2022 - YouTube 的推薦與評價
จูเน่เพลินพิชญา ยินดี #เจ้านายจินเจษฎ์ เปิดตัวแฟนสาว ขอโทษแฟนคลับวอนจิ้นแค่เรื่องงาน ย้ำสถานะ #บิวกิ้นพุฒิพงศ์ #พีชพชร #สกายวงศ์รวี ... ... <看更多>