#ทะเลสาบไบคาล
ไบคาล หนึ่งในทะเลสาบยอดฮิตของนักท่องเที่ยวเมื่อหลายปีก่อน(โควิด) ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่และลึกที่สุดในโลกถูกล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาไซบีเรีย ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานและน่าสนใจที่คุณๆอาจคาดไม่ถึง วันนี้ผมเลยขอหยิบเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังครับ
...
ทะเลสาบไบคาลจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากกว่า 500,000 คนต่อปี จากประสบการณ์บอกเล่าทั้งจากโลกจริงและโลกเสมือน ซึ่งผมการันตีความสวยงามหนึ่งคนในนั้นครับ
จากข้อมูลพบว่าทะเลสาบไบคาลเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีอายุมากที่สุดในโลก คาดว่าอายุอย่างน้อย 25 ล้านปี จากการค้นพบซากพืชและสัตว์โบราณอายุหลายล้านปี ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศรัสเซียใกล้กับชายแดนของประเทศมองโกเลีย เมืองเอียร์คุส ที่เกิดจากการแตกแยกและการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกทำให้ความกว้างและความลึกเพิ่มมากขึ้นทุกๆปีจากแรงสั่นสะเทอนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ข้อมูลที่พิพิธภัณฑ์ไบคาลแจ้งว่าทะเลสาบไบคาลมีความลึกกว่า 1,632 เมตร กว้างกว่า 72 กิโลเมตร นอกจากนั้นระดับน้ำในทะเลสาบก็เพิ่มขึ้นทุกปีจากการละลายของธารน้ำแข็งจากภูเขาไซบีเรีย(Siberian mountains) ซึ่งเป็นเทือกเขาที่อยู่ติดทะเลสาบไบคาลนั่นเอง
.
ทะเลสาบไบคาลเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์และพืชกว่า 1,700-1,800 สปีชีย์ ซึ่งถือเป็น 20% ของสิ่งมีชีวิตทั่วโลก มีปลามากกว่า 50 สปีชีย์ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบ หนึ่งในนั้น คือ ปลาโอมูล ปลาท้องถิ่นที่สามารถพบเจอได้ที่นี่เท่านั้น ซึ่งชาวบ้านนิยมนำมาใช้ประกอบอาหาร แต่ปัจจุบันจัดเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธ์ที่หากมีโอกาสไปที่นั่นก็มักได้กินซุปปลาโอมูลที่บอกได้เลยครับว่า สดใหม่และอูมามิมากๆ อีกทั้งยังค้นพบสิ่งมีชีวิตมากกว่า 3,700 สปีชีย์ในพื้นที่รอบๆทะเลสาบไบคาล
.
รวมไปถึงน้องแมวน้ำเนียร์ปาร แมวน้ำสายพันธ์น้ำจืดสายพันธุ์เดียวที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ซึ่งเชื่อว่าเคยดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ติดมากับธารน้ำแข็งจากทะเลสาบก็จะมาออกลูกออกหลานกัน ซึ่งสำหรับการไปชมแมวน้ำสามารถชมได้ในช่วงฤดูร้อน เราก็จะพบเห็นน้องแมวน้ำขึ้นมาอาบแดดกันอย่างสบายใจ นอกจากนั้นต้นไม้บริเวณทะเลสาบบางต้นมีอายุกว่า 800 ปี อีกทั้งพืชท้องถิ่นอย่างต้นสนแองการา(Angara pine tree) ซึ่งเป็นต้นไม้ท้องถิ่นของบริเวณทะเลสาบแห่งนี้เท่านั้น
.
ทะเลสาบไบคาลสามารถไปเที่ยวได้ทั้งปี โดยอุณหภูมิของน้ำโดยเฉลี่ยของทะเลสาบจะอยู่ที่ 4 องศาตลอดปี แต่ในช่วงฤดูหนาวที่อุณหภูมิอาจติดลบสูงจนเป็นน้ำแข็งหนาเป็นเมตร ซึ่งหนาพอที่จะจัดเป็นลานสเก็ต เส้นทางคมนาคมหลัก รอบๆทะเลสาบยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอย่างเกาะโอคอล เกาะโอกอย ที่ผมแนะนำว่าควรไปสักครั้งในชีวิตครับ
#หมอๆตะลุยโลก #Baikal #Russia
หมอๆตะลุยโลก 在 หมอๆ ตะลุยโลก Facebook 的最佳貼文
หมู่บ้านชาวประมง แห่ง หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten)
สถานที่สุดท้ายที่ผมได้เดินทางไปก่อนที่โควิดจะมาเยือนโลกเราคือ หมู่เกาะโลโฟเทน ก่อนจะได้มีโอกาสเดินทางไป ผมยังจำความรู้สึกตอนเห็นภาพหมู่บ้านนี้ครั้งแรกในสารคดีท่องเที่ยวรายการหนึ่งสมัยหนุ่มๆได้ดี (ตอนนั้นความหนุ่มมันเหลือเยอะกว่าตอนนี้ครับ 55) หมู่บ้านสีแดงสดตัดกับสีฟ้าน้ำทะเลและมีภูเขาเป็นฉากหลัง ภาพนั้นติดตาไปทั่วโลก หมู่เกาะนั้นมีชื่อว่า โลโฟเทน (Lofoten) มาทความรู้จักไปพร้อมๆกันครับ
.
หมู่เกาะโลโฟเทนอยู่ตรงไหน???
.
หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten Archipelago) ตั้งอยู่ใน มณฑลนูร์ลันด์ (Nordland) ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ ประกอบขึ้นจากเกาะน้อยใหญ่ต่างๆหลักๆมีประมาณ 5 เกาะ ได้แก่ Austvågøy, Gimsøya, Vestvågøy, Flakstadøya, และ Moskenesøya ที่ถูกเชื่อมด้วยถนนสายหลักอย่าง E10 (European route E10) ชื่อแต่ละเกาะจะอ่านออกเสียงยากมาก ไม่ต้องแปลกใจครับ ให้ท่องอีกหลายรอบก็ยังจำไม่ได้ 555+ ผมมีเขียนชื่อคำอ่านไว้ในด้านล่างๆของบทความนี้ ถ้าลองมองแผนที่ของประเทศนอร์เวย์จะพบว่าหมู่เกาะโลโฟเทน ก็คือส่วนของแผ่นดินที่ยื่นออกมาในตอนเหนือของนอร์เวย์นั่นเอง
.
โลโฟเทนมีสภาพภูมิประเทศอันเป็นเอกลักษณ์ลักษณะเป็นภูเขาหินแกรนิตสลับซับซ้อนเรียงตัวตามชายฝั่งทะเล มีหมู่บ้านเล็กๆสีสันสดใสโดยเฉพาะสีแดงอยู่เบื้องหน้ากระจายอยู่ทั่วทั้งเกาะ ซึ่งด้วยความที่เป็นภูเขาหินแกรนิตที่มีรูปร่างแปลกตาทั้งเกาะ ที่นี่เลยเป็นจุดเด่นที่ทำให้โลโฟเทนโด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะในยามที่มีแสงเหนือปรากฎให้เห็นเหนือภูเขาเหล่านี้
.
อาชีพหลักของผู้คนบนหมู่เกาะโลโฟเทนยังคงทำการประมงโดยเฉพาะ ปลาค็อด (Cod) โดยเฉพาะปลาค็อดตากแห้งสินค้าที่มีชื่อเสียงของเกาะแห่งนี้ ที่เราจะเห็นราวตากผ้าที่เอาไว้ตากปลาอยู่ทั่วทั้งเกาะ แค่นึกกลิ่นก็ลอยมาแล้วครับ สินค้าที่มีชื่อเสียงอื่นๆก็คงหนีไม่พ้นจะเป็น น้ำมันตับปลาจากปลาค็อด (Cod Liver Oil) และฟาร์มเลี้ยงปลาแซลมอน (Salmon) สายพันธุ์สายพันธุ์แอตแลนติก ที่เลี้ยงในทะเลเพื่อให้ใกล้เคียงกับสภาพตามธรรมชาติที่สุด จนเรียกได้ว่านอร์เวย์เป็นประเทศที่ผลิตปลาแซลมอนรายใหญ่และส่งออกแซลมอนคุณภาพดีไปทั่วโลก!!!
.
หมู่บ้านชาวประมงที่นี่ ส่วนใหญ่จะมีสีแดงทุกหลัง เพราะว่าอะไร
.
บ้านแบบดั้งเดิมสีสันสดใสคนที่นี่เรียกกันว่า โรบูเอ้อ Rorbuer ซึ่งสีแดงที่ใช้ในการทาบ้านนั้นทำมาจากดินสีเหลืองผสมกับน้ำมันจากสัตว์หรือน้ำมันพืช ซึ่งเป็นวัสดุที่ราคาไม่แพงและหาได้ง่ายในท้องถิ่น สีแดงจึงเป็นสีที่นิยมมากที่สุด แต่หลายคนก็ยังแอบเห็นบ้านสีอื่นๆทั้งสีเหลือง เขียว และขาว ซึ่งสีบ้านบ่งบอกฐานะทางสังคมในอดีตด้วยครับ (มุมมองของคนเมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้ว)
ใช่ครับ ชาวประมงที่มีฐานะปานกลางมักจะทาสีบ้านด้วยสีเหลือง ซึ่งได้มาจากการผสมดินสีเหลืองกับน้ำมันตับปลาค็อคที่ราคาสูงกว่า ส่วนบ้านที่ฐานะดีร่ำรวยมักจะทาสีบ้านด้วยสีขาว ซึ่งเป็นสีที่ได้จากการผสมใช้แร่สังกะสี (zinc) ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ราคาแพงในยุคหลายร้อยปีที่ผ่านมา
.
สำหรับใครที่ถ้าจะเที่ยวโลโฟเทน ก็บินมาลงที่ออสโลก่อนได้แล้ว แล้วต่อเครื่องบินในประเทศมาลงที่เมือง Leknes ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Vestvågøy แล้วก็เช่ารถได้ครับ ซึ่งแนะนำมากๆ เพราะถนนในโลโฟเทนเหมาะกับการเช่ารถขับเที่ยวอย่างมาก จากนั้นเราขับรถลงใต้ไปยังเกาะ Flakstadøya และเกาะ Moskenesøya เลยครับ ซึ่งคือจุดรวมสถานที่ชื่อดังทั้งหมด (เขียนแบบนี้ดูเหมือนระยะทางไกล แต่จริงๆ ระยะทางจุดต่อจุดในโลโฟเทนคือหลักกิโลเมตรหรือสิบเท่านั้นครับ ใกล้ๆ)
.
เกาะ Flakstadøya จะมีหมู่บ้านนัสฟยอร์ด (Nusfjord)หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ที่สุด มีบ้านสีสันสดใสทั้งสีแดง เหลือง และขาว ทำให้หมู่บ้านนี้ดูแตกต่างจากหมู่บ้านชาวประมงอื่นในหมู่เกาะโลโฟเทนที่ส่วนมากจะเป็นบ้านสีแดง
เกาะ Moskenesøya เกาะนี้เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านน่ารักๆอย่างหมู่บ้านออ (Å Village), หมู่บ้านไรเนอ (Reine) ที่ได้รับการยกย่องจากนิตรสารชื่อดังของนอร์เวย์ให้เป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในหมู่เกาะโลโฟเทน , หมู่บ้านซากริซอย (Sakrisoy) , หมู่บ้านฮัมนอย (Hannoy) ที่เป็นภาพติดตาในโปสการ์ดครับ ภาพเดียวกับที่ทุกท่านกำลังเห็นอยู่ของโพสต์นี้
.
ปิดท้ายด้วยทำเลของประเทศนอร์เวย์ตั้งอยู่เขตวงกลมอาร์กติก (Arctic Circle) ทำให้ที่นี่มีปรากฏการณ์ที่พระอาทิตย์ลอยอยู่เหนือขอบฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ปีละครั้งในช่วงฤดูร้อนของยุโรป ที่เราเรียกกันว่า “พระอาทิตย์เที่ยงคืน” ส่วนในช่วงฤดูหนาวยังเป็นช่วงเวลาจะได้ชมลีลาการโยกย้ายเต้นระบำของแสงสีที่พาดผ่านท้องฟ้า ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่มีคนกล่าวว่าโลโฟเทน หมู่เกาะในฝันที่ไปครั้งเดียวอาจยังไม่พอ…
.
#หมอๆตะลุยโลก #โลโฟเทน #นอร์เวย์ #เรื่องเล่ารอบโลก
หมอๆตะลุยโลก 在 หมอๆ ตะลุยโลก Facebook 的最讚貼文
เอาใจสายแฟนๆซีรี่ส์ และหนังดังอย่าง Game of Thrones, Star Trek (Into Darkness) และ Star Wars กันบ้าง
พาไปชมแนวชายหาดทรายสีดำขลับที่มีชื่อเสียงอย่าง Reynisfjara ประเทศไอซ์แลนด์ โดยชายหาดแห่งนี้ทอดยาวหลายกิโลเมตรตั้งแต่โขดหิน Dyrhóleay ที่ต้นหาดไปจนถึงหมู่บ้านเล็กๆ ในเมือง Vík ที่ National Geographic ยกให้เป็น 1 ใน 21 หาดทรายที่สวยที่สุดในโลกหรือหลายคนจัดให้เป็นสถานที่ที่ควรไปเยี่ยมชมสักครั้งก่อนตาย
.
ทำไมหาดทรายถึงมีสีดำ ?
สีดำของทรายเชื่อว่าเกิดมาจากการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟ Katla ที่อยู่ใกล้เคียงหาดเมื่อหลายพันปีก่อน การระเบิดครั้งนั้นนำพาเอาเถ้าถ่านภูเขาไฟและลาวาออกมาจำนวนมาก ลาวาที่ร้อนจัดเจอกับนำทะเลที่เย็นจัดหรือกล่าวคืออุณหภูมิแตกต่างกันมากทำให้เกิดการแข็งตัวแบบฉับพลัน วันเวลาผ่านไปลาวาที่แข็งตัวก็โดนทั้งน้ำทะเล ทั้งกระแสลมกัดเซาะจนขนาดเล็กลง รอยคมรอยแตกหักถูกตะไบด้วยธรรมชาติจนกลายเป็นหาดทรายสีดำในที่สุด
.
แต่เมื่อลองนำทรายมาตากให้แห้งจะพบว่าจริงๆแล้วมีสีเทาไม่ใช่สีดำ นั่นหมายถึงความชื้นส่งผลต่อสีของหาดทรายแห่งนี้ เนื่องด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตมรสุมที่มีฝนตกเกือบตลอดเวลาจึงทำให้ชายหาดแห่งนี้มีสีดำตลอดนั่นเอง
.
ชายหาดสีดำมีที่ไหนบ้าง??
หาดสีดำที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน คือ หาดปูนาลู (Punalu’u Beach) ในหมู่เกาะฮาวายเป็นหาดทรายจะมีสีดำตลอดทั้งปี สาเหตุที่ทรายบนหาดแห่งนี้มีสีดำก็เป็นผลมาจากการระเบิดของภูเขาไฟกับหาดทรายดำในไอซแลนด์ เพียงแต่ในฮาวายจะเป็นภูเขาไฟใต้น้ำที่ระเบิดขึ้นมาและและเมื่อลาวาที่ไหลทะลักออกมาเจอกับน้ำก็ทำให้เกิดการเย็นตัวอย่างรวดเร็วกลายเป็นหินบะซอลต์ ภายหลังจึงถูกคลื่นทะเลกัดเซาะและพัดเถ้าถ่าน เศษหินสีดำมาปกคลุมหาดในที่สุด
.
ชายหาดดำที่ Sausalito แคลิฟลอเนีย
ทางใต้ของแหลมมารินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติโกลเดนเกตซึ่งเกิดจากหินภูเขาไฟที่ถูกกัดเซาะเช่นเดียวกัน หรือพี่ไทยของเราเองก็มีหาดทรายดำเหมือนกัน ตั้งอยู่ที่หาดนางทอง บริเวณเขาหลัก จังหวัดพังงา สีดำจากหาดแห่งนี้ไม่ได้เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเหมือนต่างประเทศแต่เป็นผลพวงมาจากการทำเหมืองแร่ดีบุกในอดีต เมื่อกิจการเหมืองแร่เลิกกิจการไปแล้วก็ยังคงมีเศษซากลงเหลืออยู่และมากพอจนทำให้หาดนางทองกลายเป็นหาดทรายสีดำ
.
ตัวอย่างชายหาดดำอื่นๆทั่วโลกที่สวยไม่แพ้กัน ได้แก่ หาด Ureki จอร์เจีย, Albay ฟิลิปปินส์, Playa Roque Bermejo และ เกาะ Canary สเปน, Perissagreece ซานโตรินี กรีซ, Tangkokok Nature Reserve และ เกาะบาหลี อินโดนีเซีย, หาดKarekare และ หาดMuriwai นิวซีแลนด์, Tahiti เฟรนช์โปลินีเซีย, Playa Nega คอสตาริกา รวมทั้ง Dominica ทะเลแคริบเบียน สถานที่ใช้ในการถ่ายทำ "Pirates of the Caribbean"
.
เห็นแบบนี้แล้วอยากกลับไปดูหนังซ้ำ นอนกลิ้งบนเตียงแทนหาดทรายสักรอบสองรอบ
.
#เรื่องเล่ารอบโลก
#หมอๆตะลุยโลก #BlackBeach #BlackSand #Iceland #Reynisfjara
หมอๆตะลุยโลก 在 ก๊อดจิ ขอชวนเพื่อน ๆ ร่วมงานวันเด็ก ตะลุยโลกอนาคต INNOVERSE 的推薦與評價
น้องๆหนูๆห้ามพลาดกับประสบการณ์ตะลุยโลกอนาคตกับพี่ก๊อดจิแบบสุดมันส์กับเทคโนโลยี VR หรือ Virtual Reality การจำลองสถานที่ขึ้นมาเป็นโลกเสมือน และ AR ... ... <看更多>
หมอๆตะลุยโลก 在 หมอๆ ตะลุยโลก - Facebook 的推薦與評價
หมอๆ ตะลุยโลก. ถูกใจ 211910 คน · 14792 คนกำลังพูดถึงสิ่งนี้. Doctor, Travelers and Blogger. ... <看更多>