#SNNP #หุ้นไอพีโอ #ศรีนานาพร
ถ้าพูดถึง บมจ. ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP หลายคนอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าพูดถึงแบรนด์ เจเล่ เบนโตะ โลตัส เมจิกฟาร์ม AQUA-VITZ เกือบทุกคนต้องร้อง อ๋อออออ...หลายคนเคยกินมาตั้งแต่เด็ก ๆ สินค้าของ SNNP นอกจากจะเป็นผู้นำในไทยแล้วยังได้รับความนิยมใน CLMV ด้วยนะ
ความนิยมในสินค้าไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย แต่เพราะ SNNP ได้วางกลยุทธ์ไว้หมดแล้ว ทั้งในแง่ของแบรนด์ การผลิต การจัดจำหน่าย รวมถึงการเติบโตในต่างประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย "เป็นผู้นำด้านเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวในระดับอาเซียน”
โดย SNNP เปิดจองซื้อในราคา 9.20 บาท และจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 20 ก.ค. นี้แล้ว
ไปดูกันว่า SNNP เตรียมความพร้อมอะไรก่อนเข้าตลาดหุ้นไว้ให้นักลงทุนบ้าง :)
--------------------------
Disclaimer : การ์ตูนตอนนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ในธุรกิจเท่านั้น ผู้จัดทำมิได้ให้ข้อมูลเรื่องมูลค่าหลักทรัพย์และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนแต่ประการใด ผู้จัดทำมิได้ให้คำแนะนำในการเสนอซื้อหรือขาย หรือส่งเสริมให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ รวมทั้งการซื้อขายกับผู้จัดทำ ข้อมูลที่ปรากฏในการ์ตูนนำมาจากงบการเงินและเว็บไซต์ของบริษัทที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนแล้วทั้งสิ้น การลงทุนมีความเสี่ยง ราคาหลักทรัพย์เมื่อเข้าซื้อขายในตลาดรองเป็นไปตามอุปสงค์และอุปทานของตลาดฯ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม คำนวณราคาหลักทรัพย์และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนด้วยตนเองก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
ศรีนานาพร 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
ศรีนานาพร บริษัทขนมและเครื่องดื่มที่เราคุ้นเคย กำลังจะ IPO
ศรีนานาพร X ลงทุนแมน
หากพูดถึง เจเล่ เบนโตะ หรือ ขนมขาไก่ตราโลตัส เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักกันดี
เพราะนี่คือขนมในวัยเด็กที่หลาย ๆ คนชอบซื้อทานเป็นประจำ
โดยเจ้าของ 3 แบรนด์นี้ก็คือบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)
ที่ปัจจุบันมีตราสินค้าอยู่ในมือมากกว่า 10 แบรนด์ ที่ไม่ได้ทำตลาดเฉพาะในเมืองไทย
แต่ยังขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศ CLMV อย่าง กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดก็คือ บริษัทแห่งนี้ เตรียมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ
ด้วยการยื่นหนังสือต่อ ก.ล.ต. เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก
จำนวนไม่เกิน 240 ล้านหุ้น ในช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น 8.70 – 9.20 บาทต่อหุ้น
แล้วบริษัทแห่งนี้มีวิธีการดำเนินธุรกิจอย่างไรให้เติบโตจนกลายเป็นบริษัท “มหาชน”
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
รู้หรือไม่ว่า จุดเริ่มต้นของบริษัท ศรีนานาพร คือการเป็น ยี่ปั๊ว กระจายสินค้าไปยังร้านค้าต่าง ๆ
แต่ด้วยธรรมชาติของธุรกิจนี้มีกำไรบางเฉียบ ก็เลยผันตัวเองเป็นผู้ผลิตสินค้า
ทำให้ปี พ.ศ. 2520 บริษัทฯ ตัดสินใจเช่าตึกแถวเล็ก ๆ ย่านบางแคผลิต “เมล็ดแตงโม” ขาย
จากนั้นก็เริ่มผลิตสินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ
โดยสินค้าประเภทเครื่องดื่ม ก็จะมีแบรนด์ เจเล่, ไดยาโมโตะ, เมจิกฟาร์มเฟรช, อควาวิตซ์วิตามิน มิเนอรัลวอเตอร์ ฯลฯ
ประเภทขนมขบเคี้ยวก็จะมีปลาหมึกแผ่น เบนโตะ, ทาโกะ, ขนมขาไก่ตราโลตัส, ช๊อคกี้, เบเกอรี่เฮาส์ และดอกบัว
ที่น่าสนใจคือ แต่ละแบรนด์ก็จะถูกวางคาแรคเตอร์ไว้อย่างชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น เจเล่ แม้อยู่ในตลาดมานาน 20 ปี แต่เรากลับรู้สึกว่า แบรนด์นี้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย
ก็ยังดูเป็นสาววัยรุ่นสมัยใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ และดูเข้าถึงง่าย
หรือจะเป็น เบนโตะ ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เราก็รู้สึกว่านี่คือแบรนด์ปลาหมึกที่ดูทันสมัย
มีรสชาติเผ็ดจัดจ้าน แต่ทานเล่นอร่อยไม่รู้จักเบื่อ
ที่น่าสนใจ หากแบรนด์ไหนประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย
ก็จะถูกนำมาต่อยอดไปสู่สินค้าอื่น ๆ อย่างล่าสุดก็คือการใช้แบรนด์ เจเล่
ต่อยอดไปธุรกิจน้ำดื่มผสมวิตามินที่ชื่อว่า “เจเล่ อควาวิตซ์วิตามิน มิเนอรัลวอเตอร์”
หรือแม้แต่ เบนโตะ ที่เริ่มต้นคือปลาหมึกแผ่นอบกรอบ
ก็ถูกต่อยอดเป็น ปลาเส้นเบนโตะ จนถึงอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ชื่อว่า “เบนโตะ เอ็กซ์ตร้าลอง”
จะเห็นได้ว่าจากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน บริษัทแห่งนี้ผลิตสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว
ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน พร้อมกับสร้างแบรนด์ให้รู้สึกว่าใกล้ชิดกับตัวเรา
ทั้งยังพัฒนาแบรนด์ให้มีความหลากหลาย
เรื่องสุดท้ายก็คือ การกำหนดราคาขายที่เข้าถึงง่าย
นับเป็นวิธีการสร้างอัตราความถี่ให้ผู้บริโภคซื้อซ้ำเรื่อย ๆ ได้ดีเลยทีเดียว
พอเป็นแบบนี้ ก็ทำให้รายได้และกำไรของบริษัทฯ เติบโตต่อเนื่อง
จากในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ บริษัท ศรีนานาพร มีรายได้แค่หลักสิบล้านบาท
แต่ในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทแห่งนี้มีรายได้ 4,393 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 74 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามการเติบโตตรงนี้ คงไม่ใช่แค่การสร้างสินค้าที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเข้าถึงง่าย
เพราะคำว่า “ใกล้ตัว” ก็คือ “ต้องหาซื้อได้ทุกที่ และทุกเวลา”
โดยบริษัทแห่งนี้มีทีมกระจายสินค้าที่เก่งกาจระดับต้น ๆ ของประเทศไทย
ที่สามารถกระจายสินค้าของบริษัทฯ ผ่านช่องทางการจำหน่ายแบบร้านค้าสมัยใหม่ (Modern Trade)
ช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ผ่านระบบอี-คอมเมอร์ส (E-commerce)
และผ่านเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ (Vending Machines) ที่มีกระจายอยู่ประมาณ 16,500 จุดทั่วประเทศ
หลายคนอาจคิดว่าเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะสร้างยอดขายได้มหาศาล
แต่รู้หรือไม่ว่า ศรีนานาพร ยังถือหุ้นอยู่ 50.01% ในบริษัท สิริ โปร จำกัด
ซึ่งเป็นบริษัทที่ร่วมทุนกับทางบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด และผู้บริหารของบริษัท สิริ โปร จำกัด
โดยธุรกิจหลักคือการกระจายสินค้าทั้งร้านค้าปลีกและค้าส่งทั่วประเทศ
ปัจจุบันมีศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ถึง 11 แห่งเลยทีเดียว
นอกจากนี้ สิริโปร ยังมีทีมหน่วยรถเงินสดประมาณ 170 คัน
ซึ่งจะทำให้สิริโปรมีความสามารถในการจำหน่ายสินค้าในร้านค้าปลีกได้ประมาณ 70,000 ร้านค้า
เพื่อรองรับร้านค้าส่งประมาณ 3,600 ร้านค้า ในช่องทางค้าปลีกดั้งเดิม
นั่นแปลว่า ต่อจากนี้สินค้าทั้งหมดของบริษัท ศรีนานาพร
ก็จะมียอดขายเพิ่มมากขึ้น ตามช่องทางการขายที่เพิ่มขึ้น นั่นเอง
โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ นับเป็นอะไรที่น่าจับตามอง
เพราะศรีนานาพรต้องการเป็นบริษัทเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวที่ยืนแถวหน้าในภูมิภาคอาเซียน
และก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น โฟกัสแรกคือต้องประสบความสำเร็จ
ในกลุ่มประเทศ CLMV อย่างกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เสียก่อน
โดยข้อมูลจากแนวโน้มของประชากรโลก 2560, สหประชาชาติ (UN) เผยว่ากลุ่มประเทศเหล่านี้
ทั้งรายได้ประชากรและกำลังซื้อเติบโตทุก ๆ ปี
ขณะเดียวกันวิถีชีวิตความเป็นเมืองก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ไลฟ์สไตล์ต้องเร่งรีบ
ดังนั้นการทานอาหารและเครื่องดื่มแบบพร้อมรับประทาน จึงกลายเป็นเทรนด์นิยมในเวลานี้
แน่นอนว่านี่คือโอกาสในการทำธุรกิจที่เปิดกว้างให้บริษัท ศรีนานาพร
สร้างยอดขายเติบโตในตลาด CLMV
ตรงนี้เองที่น่าจะเป็นเหตุผลในการระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
ที่เงินส่วนหนึ่งจะนำไปลงทุนในบริษัทย่อย เพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม
อีกส่วนหนึ่งจะนำไปชำระเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน
และส่วนสุดท้ายก็จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่าการเติบโตของ ศรีนานาพร เป็นอะไรที่เกินคาด
เพราะจากจุดเริ่มต้นธุรกิจที่เป็น ยี่ปั๊ว รายเล็ก ๆ พร้อมกับฝันอยากมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง
มาวันนี้ บริษัท ศรีนานาพร เดินมาไกลกว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้
เมื่อหลาย ๆ แบรนด์ที่สร้างมาประสบความสำเร็จด้านยอดขาย ที่ไม่ใช่เฉพาะแค่ในประเทศ
แต่กำลังวางรากฐานไปยังตลาดต่างประเทศ
เป็นเส้นทางธุรกิจที่กำลังเดินทางไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนนั่นเอง...
ศรีนานาพร 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
เจาะกลยุทธ์และผลการดำเนินงานของ “ศรีนานาพร” ผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวในประเทศไทย
SNNP x ลงทุนแมน
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภคภายในประเทศ (FMCG) เติบโตขึ้นทุกปี
จากรายงานของฟรอส์ท แอนด์ ซัลลิวัน (Frost & Sullivan) ได้ออกมาคาดการณ์ไว้ว่าธุรกิจจำหน่าย FMCG ภายในประเทศจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการขยายตัวของธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค จากมูลค่าประมาณ 594,000 ล้านบาท ในปี 2563 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 790,000 ล้านบาท ในปี 2568 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี ในระหว่างปี 2563 – 2568 อยู่ที่ร้อยละ 5.9
โดยยอดขายค้าปลีกในตลาดอุตสาหกรรมภายในประเทศของเยลลี่พร้อมดื่มจะเติบโตต่อเนื่อง คาดการณ์ไว้ว่ามีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 9.6 และยอดขายค้าปลีกในตลาดของว่างจากอาหารทะเลที่มีส่วนประกอบของปลาหมึกจะเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ในอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 12.6 ในระหว่างปี 2563 ถึง 2568
ทำให้ธุรกิจดังกล่าวมีการแข่งขันค่อนข้างสูง
แต่มีอยู่บริษัทหนึ่งที่สามารถพาธุรกิจเติบโตในไทยและทะยานสู่กลุ่มประเทศใน CLMV ได้
ซึ่งมีแบรนด์สินค้าที่โดดเด่น อย่าง “เจเล่” กับ “เบนโตะ”
บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้านี้เป็นใคร และมีวิธีการขับเคลื่อนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ทำความรู้จักกับ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวที่หลายคนรู้จักกันดี ไม่ว่าจะเป็น เยลลี่พร้อมดื่มตราเจเล่บิวตี้ ปลาหมึกแผ่นเบนโตะ ขนมขาไก่ตราโลตัส เครื่องดื่มเมจิกฟาร์มเฟรช และน้ำดื่มผสมวิตามิน เจเล่ อควาวิตซ์วิตามิน มิเนอรัลวอเตอร์ ฯลฯ
แต่รู้หรือไม่ว่าการที่บริษัทฯ จะเติบโตมาถึงทุกวันนี้ได้ ศรีนานาพร มีเรื่องราวฝ่ามรสุมที่เป็นกรณีน่าศึกษา
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2518 จากจุดเริ่มต้นของร้านค้าส่งขนมย่านมหานาค ภายใต้ชื่อร้าน “ตั้งกิมเฮง” และเริ่มเห็นโอกาสในการออกสินค้าของตัวเอง จึงได้เริ่มเช่าโรงงาน และเริ่มผันตัวเองเป็นผู้ผลิต โดยทำแบรนด์สินค้าของตัวเองขึ้นมา จากการคลุกคลีในธุรกิจค้าส่งขนมอย่างยาวนาน
ประกอบกับได้มีโอกาสเดินทางไปดูงานที่ในต่างประเทศ ซึ่งได้เห็นนวัตกรรมในการผลิตสินค้าและบรรจุภัณฑ์ ทำให้ตนเองเล็งเห็นโอกาสและเกิดไอเดียในการทำธุรกิจใหม่ ๆ ทำให้ศรีนานาพรได้นำมาปรับใช้กับธุรกิจตนเอง ที่สนใจสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเนื้อปลาหมึกแบบแผ่น จึงเกิดเป็นเบนโตะ รสชาติจัดจ้าน ถูกปากผู้บริโภค และเจเล่บิวตี้ที่นำเยลลี่มาบรรจุในซองที่ดูทันสมัยและสะดวกต่อการบริโภค
ซึ่งเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดเปลี่ยนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว จากการเป็นบริษัทมหาชน ภายใต้ชื่อ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) โดยมีคุณวิวรรธ์ ไกรพิสิทธิ์กุล เป็นประธานกรรมการบริหาร
โดยมีผลิตภัณฑ์ยอดนิยมอย่าง “เจเล่” ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ในกลุ่มเยลลี่พร้อมดื่มแบบซอง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 66.3 ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2564
รวมถึงขนมขบเคี้ยวอย่าง “เบนโตะ” ที่ได้รับความนิยมสูงสุดด้วยเช่นกัน ในกลุ่มสินค้าประเภทปลาหมึกอบ ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวที่มีส่วนประกอบของปลาหมึก คิดเป็นร้อยละ 68.0 ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2564 ที่หลายคนคงจดจำได้ดี อีกทั้งเบนโตะยังเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมติดอันดับ 1 ใน 5 Top of mind brand จากนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทย
ส่งผลให้ศรีนานาพรเป็นผู้นำเทรนด์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมมาปรับใช้ในการผลิตสินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการกินได้สะดวกสบาย ในทุกช่วงเวลา
ด้วยแนวคิดการสร้างวัฒนธรรมในองค์กรของศรีนานาพรยังเป็นปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้มองเห็นวิธีการทำงานระหว่างความเป็นเถ้าแก่กับการเป็น CEO โดยความเป็นเถ้าแก่ที่เกิดจากการก่อตั้งธุรกิจด้วยตนเอง มีความโดดเด่นด้วยสัญชาตญาณในการมองหาโอกาสทางการขายอย่างเฉียบแหลม ส่วน CEO มีความเป็นมืออาชีพในการบริหารสเกลธุรกิจขนาดใหญ่ มีการระดมสมองจากหลายฝ่าย ซึ่งทีมผู้บริหารนับว่ามี DNA ในการพัฒนาตราสินค้าให้มีความเป็นเอกลักษณ์ และตรงตามความต้องการของผู้บริโภคซึ่งเป็นเรื่องที่ศรีนานาพรให้ความใส่ใจ
ด้วยส่วนผสมทางการตลาดที่ลงตัวจากแนวคิดของทีมผู้บริหารและทีมงานที่มีประสบการณ์มายาวนานในธุรกิจ FMCG ที่มีความเป็นมืออาชีพที่ผ่านการต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ นานา ทำให้ศรีนานาพรมีแต้มต่อพร้อมกำลังผลักดันธุรกิจให้เติบโตไปได้ไกลในระดับภูมิภาคและเป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศ
ไม่ใช่แค่ประสบการณ์ของผู้บริหารที่อยู่ในวงการมายาวนานกว่า 30 ปี จะทำให้เข้าใจตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค ซึ่งสานต่อวิสัยทัศน์ กลยุทธ์และแผนงาน เสริมสร้างประสบการณ์จากเจ้าของธุรกิจ ที่สามารถจับทิศทางการบริโภคของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด ควบคู่ไปกับการทำสิ่งดี ๆ ให้ผู้บริโภค และเพื่อสังคม
นอกเหนือจากการเดินหน้าทำธุรกิจเพื่อให้ตรงกับเป้าหมายที่วางไว้ ยังมีเรื่องของการเผชิญกับความท้าทายของปัญหา เช่น โรคระบาดโควิด 19 ซึ่งก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่บริษัทฯ ได้หาวิธีเพื่อรับมือจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เพื่อรักษาจุดเด่นและจุดมุ่งหมายของบริษัทฯ ที่ว่า
“บริษัทมุ่งเน้นความเป็นเลิศเพื่อการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวที่ดี ทั้งในด้านคุณภาพและการบริการ รวมทั้งการสร้างตราสินค้าของบริษัทฯ ให้อยู่ใน Top of Mind ของผู้บริโภคในทุกเพศ ทุกวัย”
ซึ่งนับว่าบริษัทฯ สามารถนำพาธุรกิจให้สามารถเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค เช่นเดียวกับการสำรวจความต้องการของผู้บริโภค ที่มีความชื่นชอบเรื่องเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ทำให้ศรีนานาพรปรับเปลี่ยนสูตรการผลิตและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ด้วยวิถีชีวิตของผู้บริโภคในยุคนี้ที่มีความเร่งรีบเป็นตัวขับเคลื่อน
คนที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาในการเดินทางที่ค่อนข้างยาวนาน ส่งผลให้ผู้คนมีเวลาน้อยลงในเรื่องการดูแลปากท้อง
ศรีนานาพรเล็งเห็นความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ จึงเป็นที่มาในการทำการตลาดและออกผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองในทุกช่วงเวลาของการบริโภค ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเลือกที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ ที่นอกเหนือจากเวลาอาหารตามปกติ อย่างช่วงเวลาดึกที่ผู้บริโภคจะเลือกซื้อเครื่องดื่มหรือผลิตภัณฑ์ที่ทดแทนการกินอาหารแบบปกติได้
ซึ่งผลิตภัณฑ์ของศรีนานาพร ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคตรงนี้ได้เป็นอย่างดี
ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าของทางศรีนานาพรมีจุดเริ่มต้นจากการกระจายสินค้าให้แก่ร้านค้าซึ่งทำให้มีความใกล้ชิดกับผู้บริโภคมาแต่เดิม และบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับ Consumer Insight ผลิตสินค้าเป็นแบรนด์ของตัวเอง
ปัจจุบันศรีนานาพร มีช่องทางจัดจำหน่ายที่ทั้งสะดวกและรวดเร็ว เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค ทั้งผ่านรูปแบบช่องทางโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) เช่น ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และร้านแฟมิลี่มาร์ท รวมถึงช่องทางจำหน่ายด้วยเครื่อง Vending Machine (เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ) และช่องทางการค้าดั้งเดิม (Traditional Trade) แบบค้าส่ง และค้าปลีก
ควบคู่กับการทำการตลาดเชิงรุก กระจายสินค้าไปยังตลาด CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ในสัดส่วนร้อยละ 65.7 ของรายได้รวมจากการขายต่างประเทศ ณ งวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 สอดคล้องกับการนำเสนอข้อมูลของ World Economic ที่ระบุว่า ตลาดอาเซียนจะเดินหน้าต่อไปในฐานะการอุปโภค บริโภคที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในโลก
การผลิตสินค้าให้เท่าทันกับความต้องการของผู้บริโภค ศรีนานาพรได้จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าในกัมพูชา รวมถึงสร้างโรงงานการผลิตสินค้าในเวียดนาม และการจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศจีนและฟิลิปปินส์
ทำให้บริษัทฯ มีข้อได้เปรียบในการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และออกสินค้าใหม่ ๆ ที่ตรงกับความต้องการของคนในท้องถิ่นนั้น ๆ รวมถึงการควบคุมต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่อง
ความพร้อมในด้านฐานการผลิตและการกระจายสินค้า ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ศรีนานาพรมีทีมงานที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการที่บริษัทฯ ร่วมกันจัดตั้งบริษัท สิริโปร จำกัด ขึ้นมาในปี 2562 และล่าสุดในช่วงไตรมาส 1/2564 ที่ผ่านมา ก็ได้บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด เข้ามาร่วมทุนเป็นพันธมิตรในบริษัท สิริ โปร จำกัด
ล่าสุด สิริโปรมีศูนย์กระจายสินค้าทั้งสิ้น 11 แห่ง และมี Cash van หรือรถเงินสด ที่พร้อมสนับสนุนการกระจายสินค้าให้แก่ศรีนานาพรไปยังช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิม โดยกระจายสินค้าผ่านร้านค้าปลีกที่ครอบคลุมประมาณ 70,000 แห่ง และร้านค้าส่งประมาณ 3,600 ร้านค้า ทั่วประเทศ
น่าติดตามต่อไปว่า ทิศทางในอนาคตของศรีนานาพรจากการดำเนินธุรกิจครั้งนี้ จะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวจากการสร้างตราสินค้าให้เป็นที่ยอมรับแก่พันธมิตรและผู้บริโภค มากน้อยแค่ไหน
รวมถึงการมุ่งหน้าเป็นหนึ่งในผู้นำของสินค้าทั้งเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ที่มีความน่าเชื่อถือ ในภูมิภาคอาเซียนจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ
นอกเหนือจากนั้นคือการพัฒนาบริษัทฯ ในเรื่องของวัฒนธรรมภายในองค์กรที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุข นำไปสู่การขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างมีศักยภาพในการแข่งขันในภาคอุตสาหกรรม
รวมไปถึงการหยิบนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ ทำให้สามารถบริหารจัดการ และดำเนินธุรกิจ จากกรอบแนวคิดและวิธีการบริหารงานด้วยความคล่องแคล่ว ว่องไว
และด้วย Resilience ที่มีความคล่องตัวในการบริหาร ที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม ทั้งโควิด 19 และวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อผ่านพ้นไปได้ ก็จะทำให้กลายเป็นองค์กรที่มีประสบการณ์ที่เรียนรู้จากปัญหา และก้าวข้ามขีดความสามารถไปได้อีกขั้น
พร้อมมองหาโอกาสผนึกกำลังกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อเสริมจุดแข็ง สร้างโอกาสขยายธุรกิจในน่านน้ำใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดความสำเร็จของบริษัทฯ ต่อไปได้ในอนาคต…
References
-ร่างหนังสือชี้ชวนแบบ Filing
-https://marketeeronline.co/archives/175020
-https://brandinside.asia/snnp-distribution-siri-pro/
-https://www.businesstoday.co/world/11/08/2020/47236/
ศรีนานาพร 在 ลงทุนแมน - “ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง” จากร้านยี่ปั๊ว... | Facebook 的推薦與評價
ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง” จากร้านยี่ปั๊ว สู่ธุรกิจขนม หมื่นล้าน /โดย ลงทุนแมน รู้ไหมว่าเบนโตะ เจเล่บิวตี้ โลตัสหนังไก่กรอบ เครื่องดื่มตราเมจิกฟาร์ม... ... <看更多>
ศรีนานาพร 在 ศรีนานาพร เจ้าของเบนโตะและเจเล่ จากยี่ปั๊วสู่มหาชน - YouTube 的推薦與評價
เปิดเส้นทางชีวิตและมุมคิดของ วิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ผู้ก่อตั้ง ศรีนานาพร ธุรกิจขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มชั้นนำเบื้องหลังแบรนด์ดัง เบนโตะและเจเล่ ตั้งแต่การเป็นยี่ปั๊วเร่ขายสินค้าทั่วประเทศ ... ... <看更多>