ทำไมประเทศญี่ปุ่น เต็มไปด้วย เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็จะได้พบเห็นเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
ซึ่งนอกจากเรื่องจำนวนเครื่องแล้ว ความหลากหลายและแปลกตา
ของประเภทสินค้าที่ขายผ่านเครื่องเหล่านั้น ก็สะดุดตาไม่แพ้กัน
เพราะมีสินค้าตั้งแต่น้ำผลไม้ ชา กาแฟ ขนม ซุปอุ่นร้อน อาหารพร้อมทาน บุหรี่ สาเก เบียร์
ไปจนถึงตั๋วรถไฟ หรือแม้แต่เครื่องสั่งอาหาร เช่น ราเม็ง ก็มีเป็นตู้อัตโนมัติ
ซึ่งถือว่าสร้างความตื่นตาตื่นใจและเป็นสีสันให้นักท่องเที่ยวได้มากทีเดียว
แล้วอะไรที่ทำให้เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
ได้รับความนิยมสูงในประเทศญี่ปุ่น ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จริง ๆ แล้ว เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 1 ในประเทศอียิปต์
โดยวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ชาวกรีกที่ชื่อว่า เฮโรแห่งอะเล็กซานเดรีย
เขาคนนี้ได้คิดค้นเครื่องอัตโนมัติ ที่รับชำระด้วยเหรียญ เพื่อใช้สำหรับขายน้ำมนต์ในวิหาร
แต่ถ้าเราพูดถึงเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติแบบที่เราคุ้นตาในยุคปัจจุบัน
มีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศอังกฤษ ในช่วงกลางทศวรรษ 1880s
โดยถูกนำไปใช้จำหน่ายโปสต์การ์ดและแสตมป์ ซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง
ในเวลาต่อมา เครื่องดังกล่าวก็ได้เริ่มนำมาใช้ขายสินค้าประเภทขนม
ปี 1888 บริษัทหมากฝรั่งสัญชาติอเมริกันที่ชื่อ Thomas Adams
เริ่มขายหมากฝรั่งด้วยเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติตามสถานีรถไฟในนิวยอร์ก
ปี 1893 โรงงานช็อกโกแลตสัญชาติเยอรมัน ที่ชื่อ Stollwerck
เริ่มขายช็อกโกแลตด้วยเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
แม้ว่าจะมีจุดเริ่มต้นจากอังกฤษ แต่ประเทศที่เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก กลับกลายเป็นประเทศที่อยู่ในอีกซีกโลกหนึ่ง
นั่นก็คือ “ประเทศญี่ปุ่น”
ในประเทศญี่ปุ่น เริ่มมีการใช้เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติหลังจากฝั่งตะวันตกได้ไม่นาน
โดยในช่วงทศวรรษ 1900s ได้ถูกเริ่มนำมาใช้ขายโปสต์การ์ด แสตมป์ และสาเก
ต่อมา เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติเริ่มใช้กันแพร่หลายมากขึ้น จากเป็นเครื่องขายขนม
ก็ได้กลายมาเป็นเครื่องขายน้ำผลไม้และเครื่องดื่มในช่วงปลายทศวรรษ 1950s
ภายหลังน้ำผลไม้และเครื่องดื่ม ก็ได้กลายมาเป็นสินค้าหลัก ที่ถูกนำมาวางขาย
ในตู้กดสินค้าอัตโนมัติและมีสัดส่วนเกินกว่าครึ่งหนึ่งของสินค้าทั้งหมด เลยทีเดียว
ปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่นมีเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติกว่า 4 ล้านเครื่อง
คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติทั่วโลก
ในขณะเดียวกัน เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ 1 เครื่อง
จะครอบคลุมประชากรญี่ปุ่นราว 30 คน
ซึ่งถือเป็นความหนาแน่นต่อประชากร ที่มากที่สุดในโลก
โดยสินค้าที่ขายผ่านเครื่องอัตโนมัติเหล่านี้
มียอดขายในญี่ปุ่นต่อปีกว่า 1.31 ล้านล้านบาท
แล้วอะไรกัน ที่ทำให้เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
ได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น ?
ถ้าเป็นเรื่องของความสะดวกสบาย หรือความรวดเร็วในการซื้อสินค้า
โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางสำนักงาน ซึ่งผู้คนต่างใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ
เหตุผลเหล่านี้ ก็ควรทำให้เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ ได้รับความนิยมสูงมากในหลายประเทศ
แต่ความนิยมในประเทศญี่ปุ่นนั้น เกิดขึ้นจาก “ปัจจัยเฉพาะตัว” ผสมเข้าไปด้วย
ปัจจัยแรก มีต้นทุนค่าแรงที่สูง
ประเทศญี่ปุ่นเผชิญกับการขาดแคลนแรงงาน
ทั้งจากอัตราการเกิดที่ต่ำ จนนำมาซึ่งสังคมผู้สูงอายุ
รวมถึงแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานในญี่ปุ่น ยังมีไม่เยอะเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
แรงงานที่ขาดแคลน จึงทำให้ต้นทุนค่าแรงแพงขึ้นตามไปด้วย
เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติเหล่านี้จึงตอบโจทย์ เพราะสามารถขายของได้แม้ไม่ต้องมีพนักงานขาย
ใช้เพียงพนักงานที่นำสินค้าไปเติม และเก็บเงินออกจากตู้เท่านั้น
ปัจจัยที่สอง ประชากรกระจุกตัวอยู่ในเมือง และอสังหาริมทรัพย์มีราคาแพง
ญี่ปุ่น ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหนาแน่นของจำนวนประชากรต่อขนาดพื้นที่มากที่สุดในโลก
และประชากรกว่า 90% ของประเทศ กระจุกตัวอาศัยอยู่ในเมือง
จึงทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่นมีราคาสูง
ผู้ประกอบการ ทั้งร้านค้าปลีกรวมถึงเจ้าของสินค้า จึงเลือกขายสินค้าผ่านเครื่องอัตโนมัติ มากกว่าการเปิดร้านค้า เพราะเมื่อเทียบรายได้จากการขายที่เท่ากัน การขายผ่านเครื่องอัตโนมัติ ใช้พื้นที่น้อยกว่าร้านค้า จึงทำให้มีต้นทุนถูกกว่า
ปัจจัยที่สาม มีอัตราการขโมยของน้อยมาก
ประเทศญี่ปุ่น มีอัตราการขโมยของต่ำมาก เกือบจะน้อยที่สุดในโลก
และอัตราการทำลายทรัพย์สินสาธารณะก็น้อยมากเช่นกัน
การติดตั้งเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติในพื้นที่สาธารณะ จึงทำได้อย่างสบายใจ
และปัจจัยสุดท้าย คนญี่ปุ่นยังคงใช้เงินสดเป็นหลัก
ประเทศญี่ปุ่น มีสัดส่วนการชำระเงินโดยไม่ใช้เงินสดอยู่เพียง 20%
ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
เทียบกับสัดส่วนในประเทศเกาหลีใต้ที่ 96% และจีนที่ 66%
ซึ่งเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ ที่ส่วนใหญ่ยังคงรับชำระด้วยเหรียญเป็นหลัก
จึงยังคงได้รับความนิยม แม้มีบางเครื่องจะเริ่มใช้บัตรเติมเงินที่ใช้แทนเงินสดได้
อย่างเช่น IC Card มาตั้งแต่ปี 2001 แล้ว แต่ยังถือเป็นสัดส่วนที่น้อย
ถึงแม้ว่าปัจจัยทั้งหมดนี้ จะทำให้ประเทศญี่ปุ่นอุดมไปด้วยเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ
แต่อนาคตของเครื่องเหล่านี้ กลับกำลังเผชิญความท้าทาย..
เพราะในประเทศญี่ปุ่น ที่บอกว่ามีเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติกว่า 4 ล้านเครื่อง
แต่จำนวนดังกล่าว ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 5.6 ล้านเครื่องเมื่อปี 2000 หรือหายไปกว่า 1 ใน 4
ซึ่งผู้ที่มาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดไปก็คือ “ร้านสะดวกซื้อ”
โดยเฉพาะกับสินค้าอย่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และกาแฟกระป๋อง
ที่ยอดขายลดลงอย่างมีนัย นั่นก็เป็นเพราะว่า
ปี 1995 ญี่ปุ่นเลิกขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านเครื่องอัตโนมัติ เพื่อป้องกันผู้ซื้อที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์
ปี 2008 ญี่ปุ่นเริ่มให้ผู้ซื้อบุหรี่ต้องยืนยันอายุก่อนซื้อ การซื้อโดยตรงจากร้านสะดวกซื้อจึงสะดวกกว่า
ปี 2011 เหล่าเชนร้านสะดวกซื้อ เริ่มมีเครื่องชงกาแฟดริปให้บริการในราคาไม่ต่างจากกาแฟกระป๋อง จึงทำให้คนหันมาซื้อกาแฟชงสดจากร้านสะดวกซื้อแทน
และต่อเนื่องมาจนถึงปี 2020 ที่ผลจากโควิด 19 ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติเหล่านี้
เพราะสามารถซื้อสินค้าจากตู้ได้โดยตรง ไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนขาย
แต่ปัญหาก็คือว่า เมื่อคนส่วนมากทำงานที่บ้าน
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาตามท้องถนนจึงลดลงและถึงต่อให้เดินผ่าน
ก็คงหลีกเลี่ยงการสัมผัสตู้สาธารณะเหล่านี้โดยไม่จำเป็น
กลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติเป็นประจำจึงหายไป
ส่งผลให้ยอดขายผ่านช่องทางนี้ลดลงกว่า 30%
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ขายต่างก็หันไปผลักดันช่องทางออนไลน์มากขึ้นแทน
ซึ่งก็สอดคล้องกับความต้องการของผู้ซื้อที่เลือกพึ่งพาช่องทางออนไลน์มากขึ้นเช่นกัน
ซึ่งเรื่องนี้ก็สะท้อนได้จากข้อมูลการสมัครบัตรเครดิตใหม่
ที่แม้ว่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะยังคงเป็นสัดส่วนน้อยนิดเมื่อเทียบกับเงิดสด
แต่ก็เริ่มเร่งตัวขึ้นได้ในปีโควิด หลังจากที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมมานาน แต่ไม่เป็นผล
และนี่ก็คงเป็นอีกเรื่องที่น่าจับตาว่า พฤติกรรมผู้บริโภค
ที่เปลี่ยนแปลงไปจากวิกฤติโควิด 19 จะกลายเป็นปัจจัยเร่ง
ให้เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติในประเทศญี่ปุ่น เลือนหายไปเร็วขึ้นหรือไม่..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.businessinsider.com/why-so-many-vending-machines-in-japan-2017-1
-https://www.abc.net.au/news/2018-01-18/the-first-vending-machine-dispensed-holy-water-not-coke/9323380
-https://www.theguardian.com/world/2020/aug/24/japan-running-out-of-credit-card-numbers-amid-online-shopping-boom
-https://www.bloomberg.com/news/features/2020-10-13/japan-vending-machines-at-risk-of-becoming-retro-vintage-novelty
-https://www.nippon.com/en/features/h00258/
-https://www.statista.com/statistics/815611/japan-vending-machine-numbers/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Vending_machine
「online shopping statistics 2020」的推薦目錄:
online shopping statistics 2020 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
LINE เข้ามาเกี่ยวกับ ชีวิตคนไทย มากแค่ไหน ? /โดย ลงทุนแมน
เรารู้จัก LINE ในฐานะแอปแช็ตที่เป็นที่นิยมในไทย
อ้างอิงจากข้อมูลของ Nielsen Thailand
จำนวนผู้ใช้งาน LINE ต่อเดือนของคนไทย อยู่ที่ประมาณ 47 ล้านบัญชี
ถ้าคิดง่ายๆ ว่า 1 คนมีบัญชี LINE 1 บัญชี
ก็จะบอกได้ว่า 70% ของคนไทย คือคนที่ใช้งาน LINE
แล้วนอกจากการส่งข้อความหากัน
เราสามารถใช้ LINE ทำอะไรได้อีกบ้าง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เจ้าของ LINE ที่พวกเราทุกคนใช้กันอยู่นั้น คือ บริษัท LINE Corporation
ที่เป็นบริษัทลูกของ Naver Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเทคโนโลยีที่ให้บริการค้นหาข้อมูล (Search Engine) รายใหญ่สุดของเกาหลีใต้
จุดเปลี่ยนสำคัญ ที่เป็นต้นกำเนิดของแอปพลิเคชัน LINE
คือเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น ในเดือนมีนาคมปี 2554
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้การสื่อสารในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ถูกตัดขาด
ทำให้ในตอนนั้น ทีมวิศวกรของ NHN Japan (ชื่อบริษัทเดิมของ LINE Corporation)
ได้คิดค้นแอปพลิเคชันสำหรับสื่อสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ตขึ้น
โดยมุ่งหวังให้ผู้ประสบภัยจะสามารถใช้มันติดต่อกับครอบครัวได้
จากในตอนแรกที่มีผู้ใช้งานเพียงหลักหมื่นคน
มาในปี 2563 LINE มีผู้ใช้งาน สูงถึง 194 ล้านบัญชี ทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย LINE เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2554
ที่น่าสนใจคือ ในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี จำนวนผู้ใช้ LINE ในประเทศไทยนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จนทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีการใช้งานแอปพลิเคชัน LINE มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก
โดยประเทศที่มีการใช้แอปพลิเคชัน LINE มากที่สุด 4 อันดับแรก คือ
1. ญี่ปุ่น 86 ล้านบัญชี
2. ไทย 47 ล้านบัญชี
3. ไต้หวัน 21 ล้านบัญชี
4. อินโดนีเซีย 13 ล้านบัญชี
แล้วนอกจากใช้แช็ต ส่งข้อความ รูปภาพ วิดีโอหากันแล้ว LINE ทำอะไรได้อีกบ้าง?
ฟีเจอร์เด่นๆ ของ LINE ที่มีอยู่ทั้งในแอป LINE หรือเป็นแอปเดี่ยวๆ แยกออกมา อย่างเช่น
- LINEMAN บริการส่งอาหารและส่งของ รวมไปถึงบริการเรียกรถแท็กซี่
- LINETODAY แหล่งรวบรวมข้อมูล ข่าวสาร เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง
- LINETV เว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้งานสามารถไปรับชมเนื้อหาต่างๆ เช่น ละคร ซิตคอม ซีรีส์ ภาพยนตร์ เพลง
- WEBTOON แพลตฟอร์มการ์ตูนบนโลกออนไลน์ที่มีการ์ตูนให้เลือกอ่านมากมาย
- LINE SHOPPING แพลตฟอร์มสำหรับชอปปิงสินค้าบนโลกออนไลน์
LINE ยังร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ ในการสร้างบริการบนโลกออนไลน์
ยกตัวอย่างเช่น
LINE BK ที่ทาง LINE ไปจับมือกับ ธนาคารกสิกรไทย
พัฒนาบริการ Online Banking และชูจุดเด่นในเรื่องการขอสินเชื่อออนไลน์
Rabbit LINE Pay ที่ไปร่วมมือกับ บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด (บีเอสเอส) บริษัทในเครือ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS
เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มชำระเงินออนไลน์
ที่สำคัญคือ LINE ยังมีบริการ LINE OA หรือ LINE Official Account
ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยเข้าถึงลูกค้าของธุรกิจ ซึ่งเป็นที่นิยมไม่น้อย โดยเฉพาะธุรกิจในกลุ่ม SMEs
แล้ววันนี้รายได้ของ LINE ในประเทศไทยเป็นอย่างไร?
ผลประกอบการของ บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด
ปี 2560 รายได้ 951 ล้านบาท กำไร 78 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 2,331 ล้านบาท ขาดทุน 476 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 3,655 ล้านบาท กำไร 35 ล้านบาท
โดยในปัจจุบัน ผู้ใช้งานในประเทศไทย เป็นผู้ชาย 53% และเป็นผู้หญิง 47%
ขณะที่คนไทยในทุกๆ 100 คน ที่ใช้อินเทอร์เน็ต จะมี 84 คน ที่ใช้ LINE
ซึ่งก็ถือได้ว่า LINE มีฐานลูกค้าคนไทยอยู่แล้วจำนวนมาก
ก็ต้องมาติดตามกันต่อไป
ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จะเอาจุดแข็งเรื่องฐานผู้ใช้งานที่มีอยู่มาก
มาต่อยอดสร้างรายได้และกำไรให้เติบโตในอนาคตได้ดีแค่ไหน
แต่ก็ต้องยอมรับว่า LINE ในตอนนี้
ก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตใครหลายคนไปแล้ว
เราสามารถดูละคร ดูซีรีส์ ผ่าน LINE ได้
เราสามารถอ่านการ์ตูน ผ่าน LINE ได้
เราสามารถทำธุรกิจ ขายของ ผ่าน LINE ได้
แม้กระทั่ง อยากกู้เงิน เราก็กู้ผ่าน LINE ได้
ก็น่าสนใจว่า LINE จะมีบริการอะไรอีก ที่จะเข้ามาเกี่ยวกับชีวิตคนไทย ในอนาคต..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
- https://en.wikipedia.org/wiki/Line_(software)
- https://today.line.me/th/v2/article/w5mxBr
- https://www.twfdigital.com/blog/2020/04/line-user-stat-in-thailand-2020/
- https://www.businessofapps.com/data/line-statistics/#3
- https://www.sptmthailand.com/12009/
- https://www.lineofficialaccount.com/what_is_line_man.php
- https://www.lineofficialaccount.com/what_is_line_webtoon.php
- https://finance.yahoo.com/quote/LN?p=LN
- LINE Corporation | Stock Info
- https://lexiconthai.com/blog/the-line-phenomenon-in-thailand-by-the-numbers/