บิดาแห่ง Antivaxxers - นักวิจัยผู้บิดเบือนผลการทดลองวัคซีนเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
โรคหัดเคยเป็นโรคหนึ่งที่คร่าชีวิตเด็กทั่วโลกไปกว่าปีละ 2.6 ล้านคน จนกระทั่งเริ่มมีการผลิตวัคซีน MMR หรือ หัด คางทูม หัดเยอรมัน ขึ้นมาในปี 1971 โดยใช้ไวรัสมีชีวิตจากไวรัสที่ทำให้ก่อโรคทั้งสาม ทำให้อ่อนกำลังลง ปัจจุบัน วัคซีน MMR นี้เป็นวัคซีนหลักที่กว่า 100 ประเทศทั่วโลกฉีดให้เด็กกว่า 100 ล้านคนทุกปี ส่งผลทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงเหลือเพียง 122,000 คน ในปี 2012 ซึ่งส่วนมากเกิดขึ้นในประเทศด้อยพัฒนา
แต่ในปี 1998 งานวิจัยที่นำโดย Andrew Wakefield ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสาร The Lancet พร้อมทั้งได้ออกแถลงข่าวผลงานวิจัย ที่ได้ศึกษาเด็ก 12 คนที่มีอาการของ autism และได้ตรวจพบอาการใหม่ในเด็ก 8 จาก 12 คน ที่เรียกว่า “autistic enterocolitis” ที่ทีมนักวิจัยอ้างว่าเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน และมีความเชื่อมโยงระหว่างโรคในระบบทางเดินอาหารที่พบกับการพัฒนาการที่นำไปสู่โรคออทิซึ่ม ในการแถลงข่าวนี้ Wakefield จึงได้เรียกร้องให้มีการหยุดให้ MMR vaccine โดยสิ้นเชิง จนกว่าผลกระทบจะได้รับการศึกษาอย่างถี่ถ้วน และทดแทนด้วยการฉีดวัคซีนแยกชนิดกันแทน
ซึ่งผลของงานวิจัยนี้แน่นอนว่าสร้างความสะท้านไปทั่วโลก เนื่องจากวัคซีน MMR เป็นวัคซีนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากไปแล้วในปัจจุบัน และการค้นพบความเชื่อมโยงของผลเสียของวัคซีนต่อพัฒนาการของเด็ก ที่นำไปสู่โรคออทิซึ่มนั่น แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากต่อสื่อทั่วโลก
แต่… ในเวลาที่ตามมา ความไม่ชอบมาพากลหลายๆ อย่างเกี่ยวกับ “งานวิจัย” นี้ ก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาให้เห็น นักข่าว Brian Deer ได้ไปขุดพบเอกสารที่บ่งชี้ว่า Wakefield ได้มีการยื่นขอสิทธิบัตรในการทำวัคซีนแยกเข็มเดี่ยว ก่อนที่จะมีการทำงานวิจัยที่เรียกร้องให้มีการยกเลิกเข็มรวมไปแยกเป็นเข็มเดี่ยว รวมไปถึงแผนที่จะหากำไรจากการผลิตเครื่องตรวจออทิซึ่มที่อาจทำเงินได้ถึง $43 ล้านต่อปี มีการเปิดเผยให้เห็นว่าก่อนจะเกิดการทดลองนี้ขึ้น ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 12 คนนี้กำลังติดต่อกับทนายความเพื่อที่จะดำเนินคดีต่อผู้ผลิตวัคซีน และได้มอบเงิน 55,000 ปอนด์แก่รพ. เพื่อทำงานวิจัยชิ้นนี้ นอกจากนี้ตัว Wakefield เองยังได้รับเงินกว่า 400,000 ปอนด์จากเหล่าทนายที่กำลังเตรียมคดีฟ้องผู้ผลิตวัคซีน MMR ซึ่งในกรณีนี้ในทางวิชาการนั้นจัดว่าเข้าข่าย “มีผลประโยชน์ทับซ้อน” (Conflict of Interest) ที่ Wakefield ไม่ได้แจ้งไว้แต่ในภายแรก
แม้ว่าจะไม่ถึงกับห้ามทำงานวิจัยเมื่อมีผลประโยชน์ทับซ้อนเสียทีเดียว แต่การไม่แจ้ง Conflict of Interest นั้นนับเป็น Research Misconduct ที่ค่อนข้างร้ายแรง แน่นอนว่าการมีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้นส่งผลเป็นอย่างยิ่งต่อความเป็นกลางของผู้ทำการทดลอง ซึ่งหากผู้รีวิวได้รับรู้ถึง Conflict of Interest ล่วงหน้า และเป็นที่แน่ชัดว่าผู้ทำวิจัยนั้นได้รับผลประโยชน์บางอย่างหากผลงานวิจัยจะออกไปในทางใดทางหนึ่ง เจตนารมณ์และความเป็นกลางของผู้วิจัยย่อมจะต้องถูกนำมาตั้งคำถาม และตัวงานวิจัยจะต้องถูกพิจารณาอย่างถี่ถ้วนยิ่งขึ้น เช่นเดียวกัน ในโลกปัจจุบันผู้ผลิตวัคซีนแต่ละชนิดนั้นเป็นผู้ที่จะต้องทำงานวิจัยเพื่อยืนยันผลด้วยตัวเอง ซึ่งฝ่าย reviewer ก็จะคาดหวังมาตรฐานที่สูงกว่าเพื่อแสดงให้เห็นว่าในทุกขั้นตอนการวิจัยนั้นไม่ได้มีการ “ตุกติก” หรือแก้ผลเพื่อให้เป็นไปตามที่ต้องการ
สำหรับวารสาร Lancet นั้น ตัว editor-in-chief เองก็ได้ออกมาบอกในภายหลังว่า งานวิจัยของ Wakefield นั้นมีจุดบกพร่องเป็นอย่างมาก และหากเหล่า peer reviewer ได้แจ้งถึง Conflict of Interest อย่างชัดเจนแต่แรกแล้ว น่าจะไม่มีทางที่งานวิจัยนี้จะได้รับการรับรองแต่แรก
นอกไปจากนี้ Wakefield ได้ทำการเปิดแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ตั้งแต่ก่อนที่งานวิจัยจะได้รับการตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ ซึ่งในทางการวิจัยแล้วจัดเป็น “Science by press conference” (การทำงานวิจัยผ่านการแถลงข่าว) ซึ่งขัดต่อหลักการงานวิจัยที่ควรจะเป็น นั่นคือนักวิจัยควรจะมีหน้าที่ได้รับการยอมรับและติติงและยืนยันผลจากนักวิจัยด้วยกันก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน เพราะงานวิจัยนั้นควรจะทำไปเพื่อหาความจริง ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียง และเมื่อพิจารณาจาก Conflict of Interest ของ Wakefield ที่กล่าวเอาไว้ล่วงหน้าแล้วนั้นก็ยิ่งทำให้อดตั้งคำถามถึงแรงจูงใจที่แท้จริงของผู้วิจัยไม่ได้
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ งานวิจัยที่ผู้อื่นพยายามทำต่อมาในเบื้องหลังนั้น ไม่ได้ค้นพบผลที่ยืนยันการค้นพบเดิมของ Wakefield แต่อย่างใด ในปี 2005 BBC ได้อ้างอิงถึงงานวิจัยหนึ่งที่ได้ทดลองตรวจเลือดเด็กที่มีอาการออทิซึ่ม 100 คน และ 200 คนที่ไม่มีอาการ และพบว่ากว่า 99% นั้นไม่ได้มีเชื้อโรคหัดเท่าๆ กันทั้งสองกลุ่ม Institute of Medicine (IOM), United States National Academy of Sciences, CDC, UK National Health Service ต่างก็ไม่พบความเชื่อมโยงใดๆ ทั้งสิ้นระหว่างโรคออทิซึ่มและ MMR ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีการฉีดวัคซีนสามอย่างนี้แยกจากกัน ก็ไม่ได้พบว่ามีอัตราการเกิดออทิซึ่มแตกต่างจากประเทศอื่นที่ใช้ MMR รวมกันแต่อย่างใด นอกไปจากนี้ รีวิวต่างๆ ในวารสารงานวิจัยทางการแพทย์ก็ไม่เคยพบความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนกับออทิซึ่ม หรือแม้กระทั่งโรคระบบทางเดินอาหาร และก็ไม่เคยมีใครค้นพบ “autistic enterocolitis” ที่ Wakefield อ้างอิงถึงในงานวิจัยแต่อย่างใด
ผลสุดท้าย UK General Medical Council (แพทยสภาของอังกฤษ) ก็ได้เปิดการไต่สวน และได้ตัดสินว่า Andrew Wakefield ได้ทำความผิดร้ายแรง ฐานไม่สุจริต 4 กระทง ใช้ประโยชน์จากเด็กที่มีพัฒนาการต่ำ 12 กระทง ทำการทดลองที่ไม่จำเป็นและไร้ความรับผิดชอบต่อเด็กในการทดลอง การทดลองไม่ได้ผ่านบอร์ดคณะกรรมการจริยธรรม และไม่ยอมเปิดเผยถึงผลประโยชน์ทับซ้อน และ GMC ได้ระบุว่า Wakefield นั้น “ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงต่อความรับผิดชอบในหน้าที่ของแพทย์ผู้ให้คำปรึกษา” จึงได้ถอด Andrew Wakefield ออกจากทะเบียนแพทย์ และยึดใบประกอบโรคศิลป์ในประเทศอังกฤษ
ส่วนตัววารสาร Lancet เองก็ได้ยื่น full retraction ถอดถอนงานวิจัยนี้ออกไป โดยตัว co author 10 จาก 12 คนในงานวิจัยนี้ก็ได้ออกมายื่นขอ retract เช่นเดียวกัน โดยกล่าวว่าแม้การค้นพบจะตั้งคำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน แต่ตัวงานวิจัยนั้นไม่สามารถยืนยันถึงความเชื่อมโยงระหว่างปัจจัยทั้งสองได้แต่อย่างใด
แต่แม้ว่างานวิจัยจะถูกถอดถอน ผู้ทำวิจัยจะถูกปลดจากวิชาชีพไปแล้ว แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากงานวิจัยลวงโลกนี้ก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว มีการประเมินว่างานวิจัยที่ตีพิมพ์โดย Lancet นี้ อาจจะเป็น “ข่าวลวงโลกที่ร้ายแรงที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20” เพราะนับแต่นั้นมา ทั้งในอังกฤษและไอร์แลนด์ต่างก็พบว่ามีผู้ปกครองที่ปฏิเสธวัคซีนเพิ่มมากขึ้น จนโรคหัดและคางทูมเริ่มกลับมาระบาดอีกครั้งหนึ่งในหมู่ผู้ที่ปฏิเสธวัคซีน และกระแส Anti-vaccine หรือที่เราเรียกกันว่า “Antivaxxers” ก็เริ่มจุดติดนับแต่นั้นเป็นต้นมา และหนึ่งในข้อกล่าวอ้างของผู้ที่ปฏิเสธวัคซีนที่แพร่หลายมากที่สุดก็คือ “วัคซีนทำให้เกิดโรคออทิซึ่ม” ซึ่งก็เริ่มต้นมาจากงานวิจัยลวงโลกของ Andrew Wakefield นี้นั่นเอง จนในทุกวันนี้ ชาวอเมริกันจำนวนมากที่สามารถเข้าถึงวัคซีน mRNA ใหม่ที่ป้องกันโควิด-19 กลับปฏิเสธที่จะรับวัคซีนฟรีจากความกลัววัคซีน ที่ Andrew Wakefield เป็นผู้ก่อ
ส่วนเจ้าตัวก่อเรื่องเองนั้น… แน่นอนว่าเขาก็ยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยยังยืนยันผลเดิมว่าวัคซีนทำให้เกิดโรคออทิซึ่ม และเขาเองนั้นไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ทั้งสิ้น แต่เขาต้องเป็นจำเลยของสังคม เขามีปากเสียงกับ Brian Deer นักข่าวผู้เปิดโปงและแฉเขาอยู่บ่อยๆ ซึ่ง Deer ก็ได้ออกมาตอบโต้ว่า “ถ้าคิดว่าไม่จริงก็ฟ้องมาสิ มาพิสูจน์กันเลย แล้วถ้าผมโกหกคุณก็จะกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในอเมริกา” ซึ่งที่ผ่านมา Wakefield ก็ได้ถอนการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทไปทุกกรณี และ Brian Deer ก็ได้รับรางวัลเป็น UK's specialist journalist of the year ใน the British Press Awards จากกรณีเปิดโปง Wakefield นี้
ปัจจุบัน Andrew Wakefield ได้ย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าสาวก Antivaxxer อยู่จนถึงทุกวันนี้ เป็นหนึ่งในแกนนำที่คอยเรียกร้องต่อต้านกม. ที่จะบังคับให้คนฉีดวัคซีนอยู่เสมอ รวมไปถึงเป็นผู้กำกับภาพยนต์สารคดีลวงโลกเรื่อง Vaxxed: From Cover-Up to Catastrophe และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ได้รับจากความโด่งดังอันเกิดจากงานวิจัยลวงโลกเช่นนี้อยู่ต่อไป
หมายเหตุ: ปัจจุบันไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ทั้งสิ้น ที่สามารถเชื่อมโยงการเกิดโรคออทิซึ่ม กับการฉีดวัคซีน
อ้างอิง/อ่านเพิ่มเติม:
[1] https://en.wikipedia.org/wiki/MMR_vaccine
[2] https://en.wikipedia.org/wiki/Lancet_MMR_autism_fraud
[3] https://en.wikipedia.org/wiki/Andrew_Wakefield
同時也有4部Youtube影片,追蹤數超過5,140的網紅Ghost Island Media 鬼島之音,也在其Youtube影片中提到,Kent Feng (馮世寬) is a top-gun and twice-appointed Taiwan cabinet minister. He was the Minister of National Defense from 2016-2018 and is currently the ...
「national research council」的推薦目錄:
- 關於national research council 在 มติพล ตั้งมติธรรม Facebook 的最讚貼文
- 關於national research council 在 Khairy Jamaluddin Facebook 的最佳貼文
- 關於national research council 在 Khairy Jamaluddin Facebook 的精選貼文
- 關於national research council 在 Ghost Island Media 鬼島之音 Youtube 的最讚貼文
- 關於national research council 在 Ghost Island Media 鬼島之音 Youtube 的最佳解答
- 關於national research council 在 Cooking with Dog Youtube 的精選貼文
national research council 在 Khairy Jamaluddin Facebook 的最佳貼文
MAJLIS HIGH TECH NATION KETENGAHKAN TEKNOLOGI MASA HADAPAN
Semalam saya telah mempengerusikan Mesyuarat Majlis High-Tech Nation yang bertujuan merangka hala tuju teknologi sedia ada dan masa hadapan yang berpotensi untuk dibangunkan di Malaysia. Majlis ini juga akan melaporkan sebarang perkembangan secara terus kepada Majlis Sains Negara yang dipengerusikan oleh Perdana Menteri.
Program dan dasar yang akan dibentuk di bawah majlis ini adalah berpandukan kepada kerangka MySTIE 10-10 serta Dasar Sains, Teknologi dan Inovasi (DSTIN) 2021-2030 yang telah saya lancarkan minggu lalu. Sebanyak 30 bidang keutamaan telah dikenal pasti menerusi rangka kerja ini dan majlis ini akan merapatkan jurang yang wujud bagi memastikan ia dapat memberi kesan maksimum kepada setiap bidang keutamaan.
Majlis ini juga akan mengambil peranan secara proaktif dalam mengetengahkan teknologi masa hadapan yang akan melonjakkan kedudukan negara sebagai peneraju teknologi.
Saya juga telah memilih untuk mengutamakan beberapa program, hala tuju dan dasar agar sesuai dengan keperluan masa kini yang mendesak.
Antara cadangan yang telah dibentangkan semalam adalah berkenaan perubatan kepersisan (precision medicine) daripada Kementerian Kesihatan Malaysia (KKM). Perubatan kepersisan berasaskan teknologi data raya ini berupaya mendiagnos serta merancang perubatan yang berkualiti dan terjamin bagi seseorang pesakit.
Selain itu, Institut Penyelidikan Hidraulik Kebangsaan Malaysia (NAHRIM) juga telah membentangkan Hala Tuju Inovasi Air Negara yang akan menjamin keselamatan air. Menerusi hala tuju ini, sebanyak lima program telah dikenal pasti iaitu sungai yang bersih, rizab margin air, sistem air pintar, pengurangan risiko bencana dan pembiayaan air.
Kementerian Sains, Teknologi dan Inovasi (MOSTI) pula telah membentangkan 9 hala tuju yang sedang dibangunkan oleh agensi-agensi di bawah kementerian. Kesemua hala tuju yang akan dibentangkan pada pertengahan 2021 ini akan memacu kerajaan untuk merangka pelaburan serta memformulasi dasar terbaik dalam pembangunan teknologi-teknologi tersebut. Pelan itu antara lain akan merangkumi: blok rantai (blockchain); nanoteknologi; robotik; hidrogen; kecerdasan buatan (AI); litar bersepadu dan bahan termaju (advanced materials)
Akademi Sains Malaysia telah membentangkan cadangan untuk menginstitusikan sebuah badan pemecut pengkomersialan teknologi (Tech-Commercialisation Accelerator) bagi mengetuai dan mengkoordinasi usaha-usaha penyelidikan beradasarkan perniagaan serta ekonomi. Penyelidikan dan pembangunan (R&D) serta sistem penyampaian ini akan dibuat berasaskan permintaan serta keperluan pasaran untuk inovasi-inovasi penganggu (disruptive innovations). Saya akan mengumumkan lebih lanjut mengenai perkara ini sedikit masa lagi.
Institut Penyelidikan Keselamatan Jalan Raya Malaysia (MIROS) telah membentangkan kertas kerja ‘Teknologi Motosikal: Penyelesaian Kepada Dilema Kemajuan Ekonomi-Keselamatan’ dan menjelaskan bahawa 66 peratus daripada kematian di jalan raya melibatkan kemalangan motosikal. Kami berharap untuk memberi insentif dalam pembangunan, pengaplikasian dan penggunaan teknologi sedia ada serta akan datang bagi memperbaiki kebolehcapaian kesemua aspek keselamatan jalan raya. Bidang yang berpotensi untuk dibangunkan termasuklah teknologi pengujian serta verifikasi, teknologi penghindaran kemalangan, teknologi mengurangkan kecederaan (dalam kemalangan), teknologi pemaduan kembali sosial (social reintegration technology-merujuk kepada teknologi respons pintar awal dan pemulihan) serta teknologi pengurusan dan perancangan strategik.
Kementerian Alam Sekitar dan Air pula telah membentangkan Hala Tuju Inovasi Teknologi Hijau Kebangsaan yang mensasarkan penggunaan teknologi hijau menjelang 2030 bagi memastikan kemampanan alam sekitar negara. Inovasi-inovasi sektoral di bawah pelan ini termasuk perolehan hijau kerajaan, teknologi grid pintar, proses perindustrian hijau, pengawasan sungai melalui Internet Segala Benda (IoT), skim Waste to Energy (WTE) and wealth, pengaplikasian bangunan hijau dan pintar, kenderaan cekap tenaga dan kenderaan elektrik, pertanian bandar serta IoT pengawasan hutan.
Akhir sekali, dalam kita mengadaptasi perubahan tingkah laku akibat COVID-19, saya telah meminta MOSTI menyediakan satu kertas kerja mengenai Inisiatif Infrastruktur dan Ekonomi Sentuhan Rendah. Ini memerlukan anjakan paradigma bukan sahaja dalam cara kita berinteraksi sesama sendiri, malahan dengan dunia secara keseluruhan. Antaranya termasuklah penggosok lantai berautonomi, robot pembantu (membawa barangan) dan sistem pengurusan sisa pintar di pasar-pasar awam. MOSTI juga telah melancarkan penggunaan robot di hospital dengan kerjasama KKM serta memulakan modul robotik, dron serta AI di ladang-ladang bersama FELDA. Beberapa inisiatif ini akan direalisasikan di bawah Sandbox Teknologi dan Inovasi Nasional (NTIS).
Kebanyakan progam, hala tuju dan dasar sedia ada selama ini telah dimajukan secara berasingan atau bersendirian oleh pelbagai kementerian dan agensi. Majlis High Tech Nation adalah permulaan baharu kepada cara kita membangun dan mengaplikasi teknologi dalam negara bagi memastikan segalanya selaras dan koheren dengan keperluan nasional.
KHAIRY JAMALUDDIN
MENTERI SAINS, TEKNOLOGI DAN INOVASI
18 DECEMBER 2020
-----------------------------------------------------------------
HIGH-TECH NATION COUNCIL WILL CHAMPION UPCOMING TECHNOLOGIES
Yesterday, I chaired the first High-Tech Nation Council meeting, which aims to give strategic direction regarding existing and upcoming technology that has the potential to be developed in Malaysia. The High-Tech Nation Council will report directly to the National Science Council, which is chaired by the Prime Minister.
The programmes, roadmaps and policies under the High-Tech Nation Council are driven by the mySTIE 10-10 and National Science, Technology and Innovation Policy 2021-2030 that I launched last week. 30 niche areas were identified under this framework, and the High-Tech Nation Council will aim to fill in any gaps we have identified to make sure that there is maximum impact in these areas.
This Council will be proactive and champion upcoming technologies that we need to embark on as a nation to position us at the forefront of what is current and what is cutting-edge.
I have chosen to prioritise some of the programmes, roadmaps and policies in line with pressing national needs.
Some of the papers presented yesterday include the Ministry of Health’s paper on precision medicine, which takes a personalised, predictive, preventive and participatory approach to medicine. This will be layered together with big-data analytics to give personalised recommendations to each person.
National Hydraulic Research Institute of Malaysia (NAHRIM) presented on the National Water Innovation Roadmap, to guarantee national water security. This involves five programmes; Clean River, Reserve Margin, Smart Water, Disaster Risk Reduction, and Water Financing.
The Ministry of Science, Technology and Innovation presented nine roadmaps that are currently being developed under our agencies. All of these roadmaps will be unveiled by the middle of 2021. These roadmaps will guide our investments and policy direction in rolling out these technologies. They will cover: blockchain, nanotechnology, robotics, hydrogen, artificial intelligence, integrated circuits and advanced materials among others.
The Academy of Sciences presented on institutionalising a Tech-Commercialisation Accelerator, to spearhead and coordinate economic-oriented research in the form of demand-driven R&D and market-driven delivery systems for disruptive innovations. I will be announcing this in due course.
The Malaysian Institute of Road Safety Research (MIROS) also presented on Motorcycle Technology: Solving a Dilemma between Economic Development and Safety. 66% of the fatalities on the road involve motorcycles. We hope to incentive the development, application and deployment of existing and future technologies to improve accessibility and all aspects of road safety. Potential areas we are looking at include testing and verification technology, crash avoidance technology, injury mitigation technology (in event of crash), social reintegration technology (which refers to smart first response and rehabilitation technology), and management and strategic planning technology.
The Ministry of Environment and Water presented the National Green Technology Innovation Roadmap, which aims to leverage green technology innovation for an environmentally sustainable Malaysia by 2030. Sectoral innovations under this roadmap include government green procurement, smart grid technology, green industrial process, IoT river monitoring, Waste to Energy and Wealth schemes, application of smart and green buildings, energy efficiency vehicles & electric vehicles, vertical & urban farming, and IoT forest monitoring.
Lastly, but not least, in line with behavioural changes due to COVID-19, I asked MOSTI to prepare a paper on Low-Touch Infrastructure and Economic Initiatives. These will require a paradigm shift in how we look interact both with each other and the world around us. Some of the low-touch initiatives we have quickly identified include autonomous floor scrubbers, autonomous power assist robots (to carry your goods) and smart waste management systems in public markets. We’ve also launched robotics in hospitals together with MOH, and robotics, drones and artificial intelligence modules in plantations together with FELDA. Some of these initiatives will be realised via the National Technology & Innovation Sandbox.
Many of these programmes, roadmaps, and policies have existed and been implemented in silos by different ministries and agencies. This is just the start of how we relook at the development and application of technology in this country, to ensure everything is in line with our national needs and part of a coherent whole.
KHAIRY JAMALUDDIN
MINISTER OF SCIENCE, TECHNOLOGY AND INNOVATION
18 DECEMBER 2020
national research council 在 Khairy Jamaluddin Facebook 的精選貼文
PRESS STATEMENT (IN REPLY TO RONNIE LIU)
I refer to the press statement from the State Assemblyman of Sungai Pelek, titled “Muhyiddin must come clean on the COVID-19 vaccine.” The State Assemblyman has claimed several inaccuracies, allegations, and misrepresentations that require answering in this statement.
I will answer them one by one.
1. The State Assemblyman has alleged that the mRNA vaccine will alter the DNA of a person. He has also questioned whether it will be approved by JAKIM based on the same premise.
Briefly, in our cells, mRNAs (messenger RNAs) are temporary molecules that are made from our genomic DNA before it is translated to make a protein. It is essentially a short-term, temporary message.
In this case, the temporary message instructs the body to produce one of the proteins on the surface of the coronavirus. The immune system will then learn to recognise the virus protein and produce antibodies against it. That’s all the mRNA vaccine does. It does not alter your DNA.
In response to State Assemblyman’s query if JAKIM will approve the vaccine since “it is capable of altering the DNA of a person?” The DNA issue has been addressed above. In addition, I have already stated that JAKIM is part of the Jawatankuasa Khas Jaminan Akses Bekalan Vaksin COVID-19 (JKJAV) which assesses COVID-19 vaccines. Furthermore, Minister in the Prime Minister's Department (Religious Affairs) YB Datuk Seri Dr Zulkifli Mohamad Al-Bakri clarified in Parliament, the Muzakarah (Conference) of the National Fatwa Council will study and deliberate on the matter.
2. The State Assemblyman has also questioned who will be paying for the vaccine. If he read beyond the headlines of the announcement, he would have seen that the Prime Minister has pledged that the Government will fund the public COVID-19 vaccination programme for Malaysians with an initial target of 70% of our population to reach herd immunity. The Malaysian Government has set aside at least RM 3 billion solely for this purpose.
3. The pricing of the Pfizer vaccine is covered by a non-disclosure agreement as each country negotiates directly with the pharmaceutical company. Suffice it to say we are satisfied with the terms and pricing that we have agreed upon. The terms we have reached protect Malaysia’s interests both financially and with regards to the safety of the vaccine.
I can categorically confirm that it is definitely less than the RM100 per dose as assumed by the State Assemblyman.
4. The State Assemblyman also claimed that we are rushing to sign deals with vaccine manufacturers. I can categorically say that this is false. We have been negotiating with vaccine manufacturers since April 2020 when we announced our Science Diplomacy strategy. We are considering all data provided by the companies we are negotiating with in order to make the best, most informed decision. This is just the first of many deals that we are considering. Negotiations are ongoing including with vaccine manufacturers from China (including the manufacturer which the State Assemblyman strongly champions). I would like to emphasise that the vaccines must be deemed safe and efficacious by the National Pharmaceutical Regulatory Agency (NPRA) under MOH before we execute the agreements and begin the vaccination process.
It is important to note that not any one pharmaceutical company will be able to supply vaccines for the entire Malaysian population. This is why the multi-pronged approach to procure a portfolio of vaccines is significant in order to obtain enough doses to meet our herd immunity target of 70% of the population.
5. With regards to the ultra-cold supply chain required; the shipment will be handled and delivered by Pfizer directly.
As for ultra-cold storage, we have ultra-low temperature freezers in universities and research institutes in the country which can be redeployed, if necessary. Pfizer has also shown that the vaccines are stable at 2-8 degree Celsius for five days.
We are also not getting the 12.8 million doses in one shot. They will be staggered throughout the year. Our planning for storage will take the delivery schedule into consideration.
6. MOH’s efforts during the crisis have not only been domestically praised but also internationally recognised. They have been working constantly and consistently to ensure that Malaysians have among the best standards of healthcare in the world. All of us will help where we can.
We are taking a whole-of-government approach to the COVID-19 crisis. It is all hands-on deck. Every one of my Cabinet colleagues is involved in this effort to get us through this pandemic.
On the question as to why I am involved, I co-chair the JKJAV with Health Minister, YB Dato’ Seri Dr Adham Baba. MOSTI is also involved in vaccine negotiations as the ministry in charge of biotechnology. The Malaysia Genome Institute under MOSTI is producing whole genome sequencing and bioinformatics analysis to detect mutations in the genome from COVID-19 samples.
MOSTI is also in the midst of developing a National Vaccine Roadmap. The National Institutes of Biotechnology (NIBM), Malaysia under MOSTI is collaborating with multiple foreign research institutes in vaccine development R&D as well.
I continue to welcome questions and queries on this important national endeavour.
KHAIRY JAMALUDDIN
30 NOVEMBER 2020
https://www.khairykj.com/statements/press-statement-in-reply-to-ronnie-liu
national research council 在 Ghost Island Media 鬼島之音 Youtube 的最讚貼文
Kent Feng (馮世寬) is a top-gun and twice-appointed Taiwan cabinet minister. He was the Minister of National Defense from 2016-2018 and is currently the Minister of the Veterans Affairs Council. In this holiday special, Feng shares stories of his life and his times. It offers rare insights, in English, from this retired three-star general of the ROC Air Force.
Today’s episode is hosted by J.R. Wu - Chief of the Secretariat for INDSR (Institute for National Defense and Security Research) in Taiwan, where Feng was the inaugural chairman. Wu is a former journalist with nearly two decades of media experience in the US and Asia. She has led news bureaus for Reuters and Dow Jones.
Follow us on Twitter @ghostislandme
Add to our tip jar at Patreon (www.patreon.com/Taiwan)
SHOW CREDIT
Host - J.R. Wu
Producer / Editor - Emily Y. Wu (Twitter @emilyywu)
Researchers - Yu-Chen Lai (Twitter @@aGuavaEmoji) and Sam Robbins (Twitter @helloitissam)
Brand Design - Thomas Lee
Production Company - Ghost Island Media
MB019AZ0IEO3KAX
https://ghostisland.media
national research council 在 Ghost Island Media 鬼島之音 Youtube 的最佳解答
When it comes to US and China trade disputes, perhaps no country is feeling the effects quite as acutely as Taiwan. Amidst the uncertainty, how can players trapped in the middle make the most out of the situation they now find themselves in? These are global issues. And this is The Taiwan Take.
Our guest is Rupert Hammond-Chambers - president of the US-Taiwan Business Council. We discuss the on-going trade war and its effect on Taiwan. We walk talk high tech, which makes up a large part of the Taiwanese economy, and the difficult decisions this sector is making to adapt to the new business landscape.
Today’s episode is hosted by J.R. Wu - Chief of the Secretariat for INDSR (Institute for National Defense and Security Research) in Taiwan. Wu is a former journalist with nearly two decades of media experience in the US and Asia. She has led news bureaus for Reuters and Dow Jones.
Follow us on Twitter @ghostislandme
Contributing to our tip jar at Patreon (www.patreon.com/Taiwan)
SHOW CREDIT
Host - J.R. Wu
Producer / Editor - Emily Y. Wu (Twitter @emilyywu)
Researchers - Sam Robbins (Twitter @helloitissam), Yu-Chen Lai
Today’s Guest - Rupert Hammond-Chambers (Twitter @RJHCUSTBC)
Brand Design - Thomas Lee
Production Company - Ghost Island Media
MB01NOFXITMLQIY
https://ghostisland.media
national research council 在 Cooking with Dog Youtube 的精選貼文
An Introduction to Japanese Meals
The first episode – Let’s Eat a Proper Breakfast!-
Francis, the emcee of Cooking with Dog leaves the kitchen to start an adventure to introduce the Japanese food culture. This time he will talk about what people in Japan have for breakfast, lunch, and dinner. Francis learns a lot by talking to a notable teacher on a variety of topics, from the meal habits of modern Japanese people to the lunches served at a famous space research and development center.
服部栄養専門学校 / Hattori Nutrition College
http://www.hattori.ac.jp/
早寝早起き朝ごはん全国協議会 / "Sleep Early, Wake Early, Eat Breakfast" National Council
http://www.hayanehayaoki.jp/
JAXA 宇宙航空開発機構(JAXA相模原キャンパス) / Japan Aerospace Exploration Agency(JAXA Sagamihara Campus)
http://www.jaxa.jp/
相模原キャンパス見学案内
http://www.isas.jaxa.jp/j/inspection/
Starring Francis and Chef
Narrator Cyrus Nozomu Sethna
Production Collaborators
Hattori Nutrition College
HayaneHayaokiAsagohan Zenkoku Kyougikai
("Sleep Early, Wake Early, Eat Breakfast" National Council)
Japan Aerospace Exploration Agency
niebana
Illustrations Joanna Zhou
Graphics Nahoko Hara
Puppet Maker Bonzo Mama
MA Ryuichi Kajie(EION-KUKAN)
Director Sanae Kikuchi
Producer Hanami Oka
in cooperation with Tastemade
Production FOODIES TV