ทำไม KTBSTMR REIT คือช่องทางลงทุนอสังหาฯ ที่ดี ในช่วงเวลานี้
ถ้าพูดถึงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเวลานี้
ต้องยอมรับว่า หลายคนเลือกที่จะมองข้ามไป
เพราะกลัวขาดทุน กลัวความเสี่ยง และกลัวว่าลงทุนแล้วจะไม่เติบโต
รู้หรือไม่ว่า.. ความกลัวเหล่านี้จะหายไป
หากเราเลือกลงทุนในกอง REIT ที่ดี
มีการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง
และยังมีแผนการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินกอง REIT
จาก 3,015 ล้านบาท ไปสู่ 20,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า
แล้วช่วงนี้ยังถือเป็นจังหวะที่ดีที่จะลงทุนกอง REIT เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ต เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุนอีกด้วย
กอง REIT ที่ว่านี้ คืออะไร ?
แล้วเราจะลงทุนในกอง REIT นี้ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
อย่างที่ทราบกันว่า..
การรักษาเงินต้น การกระจายความเสี่ยง และการสร้างการเติบโต
คือ หลักการพื้นฐานในโลกการลงทุน
แม้จะฟังดูง่าย แต่กลับยากเมื่อลงมือปฏิบัติจริง
หลายคนจึงเลือกลงทุนทรัพย์สินที่ตนเองสนใจ
ในรูปแบบที่จะมีผู้เชี่ยวชาญในทรัพย์สินนั้น ๆ คอยดูแลบริหารการลงทุนให้
อย่างเช่นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ผ่านรูปแบบของกอง REIT
REIT ย่อมาจาก Real Estate Investment Trust
หรือก็คือ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่าง ๆ
เช่น สิทธิการเช่าศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โกดังคลังสินค้า
หนึ่งในกอง REIT ที่น่าสนใจในขณะนี้..
ก็คือ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เคทีบีเอสที มิกซ์
หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า KTBSTMR REIT
แล้ว KTBSTMR REIT น่าสนใจอย่างไร ?
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เคทีบีเอสที มิกซ์
หรือ KTBSTMR REIT เป็นกอง REIT อิสระกองแรกในประเทศไทย
ที่มีการลงทุนในสิทธิการเช่าระยะยาว 30 ปี ใน 3 ประเภทอสังหาริมทรัพย์
แถมยังมีการจดจำนองหลักประกันซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง นั่นคือ
1. ประเภทคลังสินค้า/โรงงาน 64.53% ของสินทรัพย์รวม
มีพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 121,619.67 ตารางเมตร อัตราการเช่าเฉลี่ยของทั้ง 3 โครงการอยู่ที่ 85%
ประกอบด้วย
-อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 1 โครงการ คือ Rich Asset
ที่มีอัตราการเช่า 90% คือมีผู้เช่าแล้ว 38 จากทั้งหมด 41 คลังสินค้า/โรงงาน
พร้อมรองรับผู้เช่า SME ขนาดเล็ก-กลาง ที่ต้องการเก็บสินค้า
และผู้ผลิตขนาดเล็ก ตอบรับเทรนด์ธุรกิจ E-commerce ในอนาคต
-อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ 1 โครงการ
คือ เอสที บางบ่อ ที่มีอัตราการเช่า 63% คือมีผู้เช่าแล้ว 6 จากทั้งหมด 9 คลังสินค้า/โรงงาน
พร้อมรองรับกลุ่มผู้เช่าขนาดกลาง กลุ่มผู้ผลิต และส่งออกอะไหล่ขนาดกลาง ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2564 มีผู้เช่าหมดสัญญา จากนั้นมีผู้เช่าเข้ามาเพิ่มเติม ทำให้โครงการ ST Bang Bo มีอัตราการเช่า ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ขึ้นมาอยู่ที่ 80%
-อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1 โครงการ
คือ เอสที บางปะอิน ที่มีอัตราการเช่า 100% จากผู้เช่ารายใหญ่รายเดียว
คือ LF Logistics ตัวแทนขนส่งสินค้าตามจุดสาขาทั่วประเทศ
ให้กับธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น ธุรกิจอาหาร เสื้อผ้า เครื่องดื่ม ให้กับบริษัทชั้นนำ
และมีการจดทะเบียนสิทธิการเช่าถึงธันวาคม 2573 (สัญญาเช่าเหลืออีกประมาณ 10 ปี)
ที่น่าสนใจคือ ทั้ง 3 โครงการ ล้วนเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เหมาะแก่การเป็นศูนย์การกระจายสินค้าที่ดี
นอกจากนี้ ยังตั้งอยู่บนทำเลที่จะมีเส้นทางสัญจรใหม่ ๆ เกิดขึ้น อาทิ
-ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองถนนมอเตอร์เวย์ หมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ได้เปิดให้ประชาชนทดลองใช้เดินทาง
-ถนนวงแหวนรอบนอก ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ
ทั้งหมดนี้ หากมีการเปิดใช้เต็มรูปแบบ ย่อมส่งเสริมให้การคมนาคมของโครงการคลังสินค้า/โรงงานทั้งหมดของ KTBSTMR REIT สะดวกสบายมากขึ้นได้
2. ประเภทอาคารสำนักงาน 13.85% ของสินทรัพย์รวม
คือ อาคาร Summer Hub อยู่ติดกับ BTS สถานีพระโขนง
รองรับกลุ่มธุรกิจไทยและต่างชาติ ขนาดเล็ก-กลาง
ด้วยพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 5,147 ตารางเมตร
และมีอัตราการเช่า 93.3% โดยมีจำนวนผู้เช่า 15 ยูนิตจากทั้งหมด 17 ยูนิต
ที่น่าสนใจคือ ย่านพระโขนง ถือว่าเป็น New CBD ที่ค่อย ๆ ได้รับการพัฒนา
และ Summer Hub ยังเป็นโครงการที่มีคู่แข่งในอนาคตต่ำ
เพราะเป็นอาคารสำนักงานใหม่แห่งเดียว (อายุเพียง 2 ปี) ที่อยู่ติดกับ BTS สถานีพระโขนง
3. ประเภทอาคารศูนย์การค้า 21.62% ของสินทรัพย์รวม
คือ อาคาร Summer Hill อยู่ติดกับ BTS สถานีพระโขนง
แวดล้อมไปด้วยคอนโดมิเนียม 14 โครงการ ในระยะ 1 กิโลเมตร
พร้อมรองรับกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่มีศักยภาพการจับจ่ายระดับกลาง-บน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ด้วยพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 5,138 ตารางเมตร
และมีอัตราการเช่า 93.9% โดยมีจำนวนผู้เช่า 16 ยูนิตจากทั้งหมด 18 ยูนิต
โดยขณะนี้ Summer Hill มีผู้เช่ารายใหญ่ทั้งหมด 3 แบรนด์ ประกอบด้วย
-Regus ในนามสเปซเซส ซัมเมอร์ ฮิลล์ ให้บริการพื้นที่ทำงานแบบ Co-working Space
พื้นที่เช่า 37.35% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด
-Fitness24Seven ฟิตเนสเปิด 24 ชั่วโมง พื้นที่เช่า 18.44% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด
-Tops Daily พื้นที่เช่า 5.06% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด
ที่น่าสนใจคือ โครงการ Summer Hill มียูนิตไม่มาก
ทำให้หาผู้เช่าเต็มพื้นที่ได้ไม่ยาก จึงมีโอกาสรับรายได้จากการเช่าแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยนั่นเอง
จะเห็นได้ว่า KTBSTMR REIT มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี
ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งได้
ทั้งในแง่ของประเภทอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มผู้เช่า และทำเลที่ตั้ง
จึงช่วยให้มีโอกาส “จ่ายเงินปันผล” อย่างสม่ำเสมอได้
ที่น่าสนใจคือ KTBSTMR REIT ยังมีการรับประกันรายได้ปีแรก จากเจ้าของทรัพย์สินที่มีความน่าเชื่อถือ
นั่นคือ
-บริษัท เอสที พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ โลจิสติกส์ จำกัด (STPL) ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และให้บริการเกี่ยวกับงานโลจิสติกส์ เป็นบริษัทในกลุ่ม STPI และ STEC
-กลุ่มบริษัท ริช แอสเซ็ท ผู้มีประสบการณ์ด้านการดูแลสินทรัพย์ประเภทโรงงานและคลังสินค้าในพื้นที่บางพลี มากว่า 20 ปี และได้พัฒนาโครงการมาแล้วกว่า 200,000 ตารางเมตร รวม 81 แห่ง
และยังเป็นผู้บริหารทรัพย์สินในส่วนของตนให้กับกองทรัสต์อีกด้วย
จึงมั่นใจได้ว่า การบริหารจัดการทรัพย์สินจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
จุดนี้เองที่ทำให้ KTBSTMR REIT คาดว่าจะสามารถจ่ายอัตราผลตอบแทนแก่นักลงทุนได้ 7.02% ในปีแรก
ขณะที่ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนตลาด อยู่ที่ 5.47%
นอกจาก “การกระจายความเสี่ยงที่ดี” และ “การรับประกันรายได้ปีแรก”
จะทำให้ KTBSTMR REIT มีอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจแล้ว
รู้หรือไม่ว่า KTBSTMR REIT ยังเรียกจดจำนองหลักประกันทรัพย์สิน
ซึ่งมีมูลค่ารวมสูงกว่ามูลค่าสิทธิการเช่า 30 ปี อีกด้วย
พูดง่าย ๆ ว่า หากทรัพย์สินข้างต้น ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับกอง REIT ในระยะเวลาใดเวลาหนึ่งระหว่างอายุสัญญาเช่า และส่งผลให้ REIT ไม่สามารถจัดหาประโยชน์บนทรัพย์สินที่เช่าได้ครบ 30 ปี
เจ้าของทรัพย์สินจะต้องคืนเงินค่าเช่าตามมูลค่าสิทธิการเช่าคงเหลือ ณ ขณะนั้น
ซึ่งจะคำนวณตามวิธีเส้นตรง ให้แก่กอง REIT
หากไม่ชำระ กอง REIT สามารถบังคับหลักประกัน และบังคับขายสินทรัพย์
ซึ่งมูลค่าของหลักประกันจะครอบคลุมมูลค่าสิทธิการเช่า (คงเหลือ) ตลอดอายุการลงทุน
จึงสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ว่า..
การลงทุน KTBSTMR REIT ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์เลวร้ายใดก็ตาม
นักลงทุนจะได้รับ “เงินค่าเช่าตามมูลค่าสิทธิการเช่าคงเหลือ” อย่างแน่นอน
แล้วการเติบโตของ KTBSTMR REIT ในอนาคตเป็นอย่างไร ?
สำหรับทรัพย์สินประเภทคลังสินค้าและโรงงาน
ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ปกติแล้วจะมีการปรับขึ้นค่าเช่าเฉลี่ย 5-10% ต่อรอบสัญญาทุก ๆ 3 ปี
ทำให้ผลตอบแทนของกอง REIT มีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต
ขณะเดียวกัน ทรัพย์สินประเภทอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า
ที่ตั้งอยู่ติดกับ BTS สถานีพระโขนง ก็ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก
จากการขยายตัวของความเจริญจากสุขุมวิท
และแปลงที่ดินที่มีจำกัด ยากจะขึ้นโครงการใหม่ ๆ
ประกอบกับราคาค่าเช่าที่ต่ำกว่าราคาตลาด ทำให้มีโอกาสที่ค่าเช่าในอนาคตจะปรับตัวสูงขึ้นได้
ที่น่าสนใจคือ KTBSTMR REIT ยังมีอิสระในการเลือกลงทุนทรัพย์สินใหม่ ๆ
เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคตได้ ไม่จำกัดว่าต้องเลือกทรัพย์สินจากเจ้าของเจ้าใดเจ้าหนึ่ง
ซึ่งภายใน 5 ปีนับจากนี้..
KTBSTMR REIT มีแผนจะสร้างการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินกอง REIT
จาก 3,015 ล้านบาท ไปสู่ 20,000 ล้านบาท
โดยมีการศึกษาโครงการต่าง ๆ มากกว่า 40 โครงการ
เพื่อคัดสรรทรัพย์สินที่เหมาะสมที่สุด มาอยู่ในกอง REIT อีกด้วย
มาถึงตรงนี้ คงเห็นแล้วว่า..
ภายใต้ช่วงเวลาวิกฤติ ก็สามารถเป็นโอกาสในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ดีได้
หากการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นั้น.. ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
เช่นเดียวกัน KTBSTMR REIT ที่ถูกออกแบบเพื่อรองรับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์
ที่สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน ครบทั้ง 3 ประการ นั่นคือ
-มีหลักประกันเป็นการจดจำนอง
-ลดความเสี่ยง สร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ ด้วยการกระจายการลงทุนอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ
-เป็นการลงทุนที่มีการเติบโตในอนาคต
KTBSTMR REIT จึงกลายเป็นหนึ่งโอกาสลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ดี ภายใต้วิกฤติโควิด 19 นี้ นั่นเอง..
สำหรับใครที่สนใจลงทุนในกอง KTBSTMR REIT
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ktbstmr.com หรือ www.ktbstreit.co.th
โดยจะเปิดให้จองซื้อในวันที่ 19-29 ตุลาคม 2564 นี้ สามารถติดต่อจองซื้อได้ที่ 02-351-1800 กด 5 หรือสามารถลงทะเบียนจองซื้อ KTBSTMR ได้ที่ http://bit.ly/3bSk1oy
ที่สำคัญ เปิดพอร์ตกับบริษัทหลักทรัพย์ใดก็สามารถจองซื้อได้ แต่หากยังไม่มีพอร์ตสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ ยืนยันตัวตนด้วย NDID กับ KTBST SEC ได้เลย
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน
ที่มา: หนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยทรัสต์ เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เคทีบีเอสที มิกซ์ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2564
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過63萬的網紅DroidSans,也在其Youtube影片中提到,แนะนำวิธีเปิดบัญชีออนไลน์ผ่านแอปโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ⭐ ไม่ต้องออกจากบ้านไปธนาคารให้เสียเวลา ⭐ ไม่ต้องมีเงินฝากแรกเข้า ⭐ ไม่เสียค่าธรรมเนี...
ndid 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
รู้จัก Single Form ก้าวแรกสู่โลกการลงทุน ยุคดิจิทัล
ก.ล.ต. x ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่า 4 เดือนแรกของปี 2564
ตลาดหุ้นไทยมีผู้ลงทุนหน้าใหม่แบบไม่นับซ้ำ หรือพูดง่าย ๆ คือคนที่ไม่เคยเปิดบัญชีลงทุนมาก่อน เพิ่มขึ้น 22%
ขณะเดียวกัน จำนวนบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ก็เพิ่มขึ้นถึง 25%
สัดส่วนที่เพิ่มขึ้นไม่เท่ากัน เป็นเพราะว่าผู้ลงทุน 1 คน สามารถเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หรือโบรกเกอร์ได้หลายแห่งไม่จำกัดจำนวน
แต่การลงทุนในตลาดทุน ก็ไม่ได้มีแค่หุ้นเพียงอย่างเดียว
หากต้องการลงทุนกองทุนรวม ก็ต้องไปติดต่อ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนาคาร หรือ โบรกเกอร์ เพื่อเปิดบัญชีซื้อขายกองทุนก่อน
ความยุ่งยากที่ต้องติดต่อหลายที่และความไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลนี้เอง
จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาฟอร์มสมัครเปิดบัญชีลงทุนที่เรียกว่า Single Form
ว่าแต่ Single Form คืออะไร ?
และจะสร้างความสะดวกสบายในการลงทุนในตลาดทุนได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ปกติแล้ว ฟอร์มเปิดบัญชีลงทุนของแต่ละโบรกเกอร์ มักจะมีชุดข้อมูลที่มีเนื้อหาและรูปแบบต่างกันบ้าง
แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ การกรอกข้อมูลพื้นฐานที่มีจำนวนไม่น้อย
อาทิ ข้อมูลพื้นฐานส่วนบุคคล ข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของบัญชีลงทุน
รวมทั้งการตอบแบบประเมินความเหมาะสมในการลงทุน
เดิมที ขั้นตอนของการเปิดบัญชีลงทุน ที่ว่านี้
ส่วนใหญ่ผู้ลงทุน มักจะต้องเดินทางไปที่โบรกเกอร์ บลจ. หรือธนาคารนั้น ๆ
เพื่อทำการกรอกข้อมูลลงในใบสมัครเปิดบัญชีลงทุน ส่งเอกสารประกอบการเปิดบัญชีลงทุน
รวมทั้งขั้นตอนการทำความรู้จักลูกค้า (Know Your Client: KYC) ตามที่ผู้ให้บริการจะผู้กำหนด
ซึ่งรายละเอียดที่มากมาย และความซับซ้อน ที่ต้องกรอกข้อมูลเดิมซ้ำทุกครั้งในการเปิดบัญชีนี้เอง
ที่เป็นเรื่องกวนใจผู้ลงทุนหน้าใหม่ อยู่ไม่น้อย
ด้วยเหตุนี้ Single Form คือ ตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้การเปิดบัญชีลงทุนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
โดย Single Form จะเป็นแบบชุดข้อมูลเปิดบัญชีลงทุนที่มีชุดข้อมูลเดียวกัน
เพียงกรอกข้อมูลครั้งเดียว สามารถเปิดบัญชีลงทุนได้ทุกโบรกเกอร์ ทุก บลจ. และทุกธนาคาร
และทุกผลิตภัณฑ์ของตลาดทุน เช่น หุ้น หุ้นกู้ และกองทุนรวม
ที่น่าสนใจคือ Single Form จะมีทั้งรูปแบบที่ให้กรอกในกระดาษ และกรอกผ่านระบบออนไลน์
ทำให้ผู้ลงทุนสามารถกรอกข้อมูลเปิดบัญชีลงทุนได้ ทุกที่ ทุกเวลา
พูดง่าย ๆ ว่า Single Form กำลังทำให้การเปิดบัญชีลงทุนเป็นเรื่องไร้ขีดจำกัด
ที่สามารถสมัครเปิดบัญชีลงทุนได้กับทุกผู้ให้บริการ และทุกประเภทการลงทุน
แล้ววิธีการใช้งาน Single Form เป็นอย่างไร ?
1. กรณีเปิดบัญชีลงทุนใหม่ครั้งแรก
เมื่อกรอกข้อมูลลงใน Single Form พร้อมรับรองความถูกต้องของข้อมูล
และแนบเอกสารประกอบการเปิดบัญชี เรียบร้อยแล้ว
ข้อมูลทั้งหมดนี้ จะถูกส่งไปยังผู้ให้บริการนั้น ๆ เพื่อเข้าสู่กระบวนการเปิดบัญชีลงทุนตามปกติ
ซึ่งหนึ่งในขั้นตอนที่มักจะใช้เวลานาน ก่อนจะอนุมัติเปิดบัญชี
ก็คือ กระบวนการทำความรู้จักลูกค้าที่เรียกว่า Know Your Client (KYC)
ก.ล.ต. จึงได้สนับสนุนให้เกิด e-KYC หรือกระบวนการทำความรู้จักลูกค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อช่วยให้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
นอกจากนี้ หากผู้ให้บริการรายดังกล่าวเป็นสมาชิกของระบบ National Digital ID (NDID)
หรือเป็นสมาชิกของระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล
ยิ่งจะช่วยให้การตรวจสอบตัวตนของผู้ลงทุนง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และรวดเร็วขึ้น อีกด้วย
เมื่อทำ KYC และอนุมัติการเปิดบัญชี เรียบร้อยแล้ว
ผู้ลงทุน ก็จะสามารถลงทุนในตลาดทุนได้ นั่นเอง
2. กรณีมีบัญชีลงทุนแล้ว และต้องการเปิดบัญชีลงทุนใหม่
หากผู้ลงทุนมีบัญชีลงทุนอยู่ก่อนแล้ว
แต่เมื่อใดก็ตามที่ผู้ลงทุนต้องการเปิดบัญชีลงทุนใหม่
ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการรายอื่น ๆ หรือผลิตภัณฑ์ลงทุนอื่น ๆ
ก็สามารถเปิดบัญชีลงทุนใหม่ได้ง่ายขึ้นได้
โดยผู้ลงทุนสามารถขอ Single Form จากผู้ให้บริการที่เคยเปิดบัญชีไว้ก่อนหน้า
จากนั้น เพียงแค่อัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน หรือให้ข้อมูลเพิ่มตามที่โบรกเกอร์ บลจ. หรือ ธนาคารแห่งใหม่ขอพร้อมกับรับรองความถูกต้อง
ด้วยลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-signature) หรือลายเซ็นจริง
จากนั้น ก็สามารถส่ง Single Form เพื่อเปิดบัญชีลงทุนใหม่ได้อย่างง่ายดาย
ก่อนหน้านี้ ต้องยอมรับว่า การเริ่มต้นสิ่งใหม่ สิ่งที่ยากที่สุดก็คือ ก้าวแรก..
แต่สำหรับการลงทุนในตลาดทุน เมื่อมี Single Form
ก้าวแรกของผู้ลงทุนหน้าใหม่ในตลาดทุน ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
เพราะ Single Form สามารถเปิดบัญชีลงทุนได้ทุกผู้ให้บริการ และทุกประเภทการลงทุน
และก้าวต่อไป.. เมื่อผู้ลงทุนต้องการลงทุนกับผู้ให้บริการต่างราย หรือต่างผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน
ก็ยังกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ เพียงแค่อัปเดตข้อมูล Single Form ให้เป็นปัจจุบัน หรืออาจเพิ่มเติมข้อมูลบางส่วน
ท้ายนี้ Single Form จะเริ่มใช้งานจริงในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ “สายด่วนศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต.” โทร. 1207
References
-เอกสารประชาสัมพันธ์ Single Form
-https://www.set.or.th/th/market/securities_company_statistics63.html
-https://portal.set.or.th/th/market/securities_company_statistics64.html
ndid 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
ไทยกำลังจะมี Single Form กรอกครั้งเดียว เปิดได้ทุกพอร์ตการลงทุน
ก.ล.ต. x ลงทุนแมน
ยุคดิจิทัล ทำให้การเข้าถึงโลกการลงทุนเป็นเรื่องง่ายขึ้น
ผู้ลงทุนต่างนึกถึง แอปพลิเคชัน Streaming ในสมาร์ตโฟน
เมื่อต้องการซื้อขายหุ้น หรือ ต้องการทราบราคาหุ้นแบบ realtime
หรือแม้กระทั่ง email ก็ยังเป็นช่องทางหลักในการรับข่าวสารและข้อมูลบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์
แต่ทำไมขั้นตอนการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ หรือกองทุน กลับไม่เป็นเช่นนั้น..
ยิ่งถ้าผู้ลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเภท หรือต่างโบรกเกอร์
ก็ต้องกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มการสมัครใหม่อีกครั้ง เป็นจำนวนหลายหน้า
ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นแล้ว ในยุคดิจิทัล เช่นนี้
แล้วโจทย์นี้ จะถูกแก้ไขได้อย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เข้าถึงได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว
คือ แนวทางใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ลงทุนไทยเปิดบัญชีลงทุนได้ง่ายขึ้นในยุคดิจิทัล
ในช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต. จึงได้กลับไปทำการบ้านครั้งใหญ่
ร่วมกับคณะทำงานที่มีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนทุกภาคส่วน
เกิดเป็นผลลัพธ์ที่เรียกว่า Single Form
Single Form คือ แบบฟอร์มเปิดบัญชีลงทุนที่มีข้อมูลรูปแบบเดียวกัน
เพียงกรอกข้อมูลครั้งเดียว สามารถเปิดบัญชีลงทุนได้ทุกโบรกเกอร์
และทุกผลิตภัณฑ์ของตลาดทุน เช่น หุ้น หุ้นกู้ และกองทุนรวม (ยกเว้น Unit-Linked)
ที่น่าสนใจ คือ Single Form ยังสอดคล้องกับยุคดิจิทัล
เพราะเปิดบัญชีด้วย Single Form นี้ ส่วนใหญ่ทำได้ทั้งที่สาขา และ ระบบออนไลน์ ที่ผู้ลงทุนสามารถทำได้ ทุกที่ ทุกเวลา
รองรับการเปิดบัญชีลงทุน ทั้งประเภทบุคคลธรรมดา และประเภทนิติบุคคล
แล้ว นักลงทุน ต้องกรอกข้อมูลใด ลงใน Single Form บ้าง ?
Single Form จะประกอบด้วยข้อมูล 4 ส่วนสำคัญ นั่นคือ
ส่วนที่ 1 ข้อมูลประกอบการเปิดบัญชี
จะเป็นข้อมูลพื้นฐานส่วนบุคคล
เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่การติดต่อ แหล่งรายได้ วัตถุประสงค์การลงทุน
ส่วนที่ 2 ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้บริการ
จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของบัญชีลงทุน
เช่น ประเภทบัญชี เงื่อนไขการลงทุน ชื่อบัญชีเพื่อหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ
ชื่อบัญชีสำหรับการรับเงินจากการขายหลักทรัพย์ ดอกเบี้ย เงินปันผล
ส่วนที่ 3 แบบประเมินความเหมาะสมในการลงทุน
จะเป็นคำถามปัจจัยด้านต่าง ๆ เพื่อประเมินความเหมาะสมในการลงทุน
เช่น สถานภาพทางการเงิน ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ประสบการณ์การลงทุน
ส่วนที่ 4 สำหรับเจ้าหน้าที่
จะเป็นเกณฑ์ประเมินความเหมาะสมในการลงทุนเพื่อจัดประเภทผู้ลงทุน
มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า รายละเอียดข้อมูลใน Single Form
ไม่ต่างไปจากการกรอกข้อมูลเปิดบัญชีลงทุนของโบรกเกอร์ทั่วไป
ที่น่าสนใจ คือ เพียงกรอกข้อมูล Single Form ครั้งเดียว
นอกจากจะช่วย “ลดการทำซ้ำ” ในการกรอกข้อมูลชุดเดิม เมื่อจะเปิดบัญชีลงทุนต่างประเภท ต่างโบรกเกอร์แล้ว
ยังสามารถใช้ในการเปิดบัญชีลงทุนได้ “ทุกผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน” ทั้งหุ้น หุ้นกู้ และกองทุนรวม
และยังสามารถ “อัปเดตข้อมูล” ให้เป็นปัจจุบันทางออนไลน์ได้อีกด้วย
แล้วการใช้งาน Single Form เป็นอย่างไร ?
เมื่อผู้ลงทุนกรอกข้อมูล Single Form พร้อมรับรองความถูกต้องของข้อมูล
รวมทั้ง แนบเอกสารประกอบการเปิดบัญชี เรียบร้อยแล้ว
ข้อมูลทั้งหมดนี้ จะถูกส่งไปเข้ากระบวนการเปิดบัญชีลงทุนของโบรกเกอร์นั้น ๆ ตามปกติ
เช่น กระบวนการทำความรู้จักลูกค้าที่เรียกว่า Know Your Client (KYC)
เพื่อแสดงได้ว่า ผู้ลงทุนรายนั้น มีตัวตนจริง และไม่ถูกแอบอ้าง
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้สนับสนุนให้มีการตรวจสอบ และทำความรู้จักลูกค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือที่เรียกว่า e-KYC อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือของการตรวจสอบให้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ผู้ลงทุนสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องเดินทางมาที่สาขาผู้ให้บริการ และลดเวลาในการเปิดบัญชีได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากผู้ให้บริการเป็นสมาชิกของระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล หรือ National Digital ID (NDID) ก็จะยิ่งทำให้การตรวจสอบตัวตนของผู้ลงทุนง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และรวดเร็วขึ้น
เมื่อโบรกเกอร์ทำ KYC และอนุมัติการเปิดบัญชี เรียบร้อยแล้ว
ผู้ลงทุน ก็จะสามารถลงทุนในตลาดทุนได้ นั่นเอง
หากผู้ลงทุนต้องการเปิดบัญชีใหม่กับผู้ให้บริการรายอื่นอีก ก็ทำได้ง่าย โดยผู้ลงทุนสามารถขอ Single Form ของตนเองจากผู้ให้บริการที่เคยเปิดบัญชี ไว้ก่อนหน้า และปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน พร้อมกับรับรองความถูกต้องด้วยลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-signature) หรือลายเซ็นจริง หรือหากผู้ลงทุนต้องการเปิดบัญชีในผลิตภัณฑ์ใหม่ ก็เพียงขอ Single Form เดิมและเพิ่มเติมข้อมูลที่จำเป็นเฉพาะส่วนกับผู้ให้บริการรายใหม่
มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า Single Form
กำลังช่วยให้การเปิดบัญชีลงทุน กลายเป็นของง่าย
จะสมัครเปิดบัญชีลงทุนกับผู้ให้บริการเพิ่มอีก ก็สะดวก
แล้วยังสามารถใช้ Single Form สมัครเปิดบัญชีลงทุน ได้ทุกผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน อีกด้วย
ท้ายนี้ Single Form จะเริ่มใช้งานจริงในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ “สายด่วนศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต.” โทร. 1207
Reference
-เอกสารประชาสัมพันธ์ Single Form
ndid 在 DroidSans Youtube 的最佳解答
แนะนำวิธีเปิดบัญชีออนไลน์ผ่านแอปโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ
⭐ ไม่ต้องออกจากบ้านไปธนาคารให้เสียเวลา
⭐ ไม่ต้องมีเงินฝากแรกเข้า
⭐ ไม่เสียค่าธรรมเนียม
⭐ ได้ส่วนลด shopee ฟรี 100 บาท เมื่อทำรายการโอน/เติม/จ่าย ครั้งแรก 500 บาท ( 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 64 เท่านั้นนะ)
ทำได้ง่ายๆที่บ้าน แค่โหลดแอปโมบายแบงก์กิ้งของธนาคารกรุงเทพ แล้วทำการสมัครตามวิธีในคลิปได้เลยครับ
.
แต่สำหรับใครที่ ยังไม่เคยยืนยันตัวตนแบบ NDID ในแอปมีวิธียืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน Be My ID เราก็เลือกวิธีนี้แล้วนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตนที่ ธนาคารกรุงเทพทุกสาขา หรือ ร้าน Kerry ทั่วประเทศก็ได้ครับ
เพียงเท่านี้ก็สามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้แล้ว รายละเอียดเพิ่มเติมชมได้ในคลิปเลยครับผม ส่วนลิงก์ดาวน์โหลดแอป และรายละเอียดบัญชีเงินฝาก อยู่ด้านล่างนี้เลย
.
Android : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.bbl.mobilebanking
iOS : https://apps.apple.com/us/app/bualuang-mbanking/id660238716
รายละเอียดบัญชี บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ e-Savings (bangkokbank.com)
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/MvJ5K9P3Mw4/hqdefault.jpg)
ndid 在 Ceemeagain Youtube 的精選貼文
คนไทยขึ้นชื่อเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียและอินเทอร์เน็ตติดอันดับโลก
แต่เราจะเอาจุดแข็งตรงนี้มาต่อยอดอย่างไรให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจยุคดิจิทัล นี่คือโจทย์สำคัญของ ETDA ที่จะผลักดัน E-commerce อย่างไรให้ไทยเป็นคนขายมากกว่าคนซื้อ
Please Subscribe:
http://Youtube.com/chatpawee
http://Facebook.com/chatpawee
http://Twitter.com/ceemeagain
ติดต่อโฆษณากับรายการ : Sociallab.co.ltd 091-819-7925
--------------------------------------------------
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/WYaj0n73Nto/hqdefault.jpg)