關於 music make you lose control ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

น้องสาวคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ก่อนทำงานประจำเธอเป็นคนชอบออกกำลังกายและรู้สึกดีที่ได้เข้าฟิตเนส แต่พอทำงานในบริษัทที่เข้างานสิบโมงเช้า เลิกงานสองทุ่มทำให้เวลาในการออกกำลังกายหายไป ซึ่งมีผลต่อจิตใจด้วย แต่ไม่รู้จะทำยังไงเพราะไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย

ผมแนะนำน้องเท่าที่คิดออก บอกให้ลองเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกายจากแบบเดิมที่อาจต้องเต็มรูปแบบ เข้าฟิตเนส อาจลองมาใช้ 'เวลาเล็กๆ' เท่าที่พอจะมีมาใช้ในการออกกำลังกายในแบบที่เป็นไปได้

เช่น ตอนเช้าอาจมาที่ออฟฟิศเร็วกว่าปกติเสียหน่อย สักครึ่งชั่วโมง แล้วใช้เวลาช่วงนี้ออกกำลังกายในแบบที่พอทำได้ ดัมเบล บอดี้เวท หรือจะเดินขึ้นออฟฟิศ กระทั่งเดินสักหนึ่งสถานีรถไฟฟ้าก็อาจเป็นทางเลือกได้เช่นกัน ถ้าผลลัพธ์ที่เราอยากได้คือการเคลื่อนไหวร่างกายให้หัวใจสูบฉีดเลือดลมสักหน่อย หรือตอนกลางวันจะลองเดินลงบันไดไปกินข้าวเที่ยง อะไรแบบนั้น

ผมคิดว่าบางครั้งเราตั้งโจทย์ยากกับตัวเอง เมื่อชีวิตเปลี่ยนแต่เรายังอยากได้ 'รูปแบบ' เดิม หรือ 'ปริมาณ' เดิมอยู่ ทำให้รู้สึกว่าทำไม่ได้ ไม่มีเวลา ไม่เฉพาะการออกกำลังกายเท่านั้น แต่สำหรับบางคนคือการได้อ่านหนังสือ วาดรูป เล่นดนตรี หรือฝึกทักษะอะไรที่ตัวเองสนใจ

พอมองว่าต้องมีเวลา 'ก้อนใหญ่' เราอาจหายาก แต่ถ้าเปลี่ยนโจทย์ว่าในเวลา 'ก้อนเล็กๆ' เราพอจะทำอะไรได้บ้าง เช่น อ่านหนังสือช่วงสั้นๆ สักสิบหน้าก็ดีกว่าไม่ได้อ่านเลย สิบหน้า x สิบวันก็ 100 หน้าแล้ว เดือนหนึ่งก็จบเล่ม

นอกจากนั้น เราอาจต้องใช้เวลาเสาร์-อาทิตย์ และก่อนหรือหลังเลิกงานให้มีคุณภาพมากขึ้น คือใช้มันไปกับสิ่งที่จำเป็นต่อจิตใจ เช่น ถ้าการออกกำลังกายสำคัญกับเราจริงๆ ก็ให้เวลากับมันจริงจัง ไม่เผลอไปกับสิ่งที่เราเคยชินแต่ไม่สำคัญ เช่น การเล่นมือถือ

...

อีกคำแนะนำที่คนจัดการเวลาเก่งๆ ใช้กันก็คือ ไม่เชื่อว่าไม่มีเวลา และไม่พยายาม 'หาเวลา' ให้กิจกรรมที่อยากทำด้วย แต่ 'สร้างเวลา' ขึ้นมาให้กิจกรรมนั้น

ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน มีคนที่ภาระหน้าที่มากกว่าเรามากมายในโลกนี้ ผู้บริหาร คนที่ต้องรับผิดชอบอะไรเยอะๆ คนเหล่านี้กลับสามารถที่จะทำนู่นนี่ได้มากมายเพราะเขา 'สร้างเวลา' ให้กับสิ่งจำเป็น

การสร้างเวลาคือการกำหนด 'ช่วงเวลาของฉัน' ขึ้นมา ไม่ให้คนอื่นกำหนด โดยใช้เวลาว่างที่ไม่ใช่เวลางานมาสร้างเวลานี้ เช่น ถ้าเข้างานสิบโมง นั่นแปลว่าตั้งแต่ตีห้าถึงสิบโมงเป็นเวลาที่เรากำหนดได้ เช่นกันกับหลังเลิกงาน หรือกระทั่งพักกลางวัน ในช่วงเวลาเหล่านี้ ถ้าจะมีใครชวนไปไหน นัดทำอะไร เราต้องมั่นคงกับตัวเองและยืนยันกับคนอื่นว่าไม่สามารถไปทำในสิ่งเหล่านั้นได้ เพราะมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ

งานอดิเรกบางอย่างนั้นสำคัญไม่แพ้การงาน ความฝัน การฝึกฝน หรือกระทั่งการพักผ่อน ถ้ามันสำคัญกับเราก็ต้อง 'กันเวลา' หรือ 'สร้างเวลา' ให้สิ่งนั้น เพราะสิ่งนี้อาจทำให้เรามีเรี่ยวแรง อยากตื่นมา อยากหายใจต่อไป

'กันเวลา' ให้ชัดๆ ยืนยันว่าช่วงเวลานี้จะไม่ให้คนอื่นมาดึงเวลาไป ผมเคยได้ยินนักวิ่งอัลตร้ามาราธอนระยะ 100 ไมล์ซึ่งทำงานออฟฟิศ ไม่มีเวลาซ้อม เขาใช้เวลาช่วงพักกลางวันไปเข้ายิมเพื่อเพาะกล้ามเนื้อให้พร้อมแข่ง เพราะสิ่งนี้คือคุณค่าของชีวิตเขา เขาอยากทำ ทำแล้วมีความสุข เมื่อเลือกแบบนี้ก็ทำให้เขา 'มีเวลา' สำหรับสิ่งที่ชอบ

...

ถ้าเราไม่สร้างเวลาให้สิ่งที่เราชอบ สุดท้ายแล้วชีวิตจะกลายเป็นตารางเวลาของคนอื่น ใครอยากให้เราทำอะไร ไปที่ไหน เรียกตัวเมื่อไหร่ก็ดูเหมือนได้ตลอดเวลา แล้วเราเองจะรู้สึกว่าทำไมฉันไม่มีเวลาทำในสิ่งที่อยากทำเลย นานเข้าจะรู้สึกเบื่อๆ เซ็งๆ กับชีวิตตัวเอง

การสร้างเวลาที่ว่านี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีเวลาให้เพื่อน คนรัก ครอบครัว หรือใครที่ขอความช่วยเหลือ เรายังคงมีให้ (อาจมากขึ้นด้วยซ้ำ) เพียงแค่มันอาจไม่ใช่เวลาที่เขาขอทุกครั้ง เพียงแค่พูดคุยต่อรองกันเพื่อ 'เปลี่ยนเวลา' เช่น เขาอาจขอเวลาเราตอนเช้า เราขอเปลี่ยนเป็นเย็นแทนได้ไหม ในหลายกรณีเปลี่ยนเวลาได้ ไม่มีอะไรเสียหาย แค่เราเอ่ยปากบอก แล้วก็บอกเขาตรงไปตรงมาได้ว่า พอดีเวลานี้เราต้องทำสิ่งที่สำคัญกับเรา ถ้าเขารู้จักเราดีพอ ถ้าเขารักเราก็ย่อมเข้าใจ

ผมนึกถึงคำถาม น้ำเสียง และแววตาของน้องผู้ชอบออกกำลังกายเจ้าของคำถามแล้วเห็นว่าเธอต้องรีบสร้างเวลาให้สิ่งสำคัญสำหรับจิตใจในเร็ววัน เพราะผมเองก็เคยผ่านช่วงเวลาที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบสะสมนานวันกระทั่งรู้สึกหมดเรี่ยวแรงพลังใจ

ไม่จำเป็นต้อง 'เต็มรูปแบบ' แต่ 'สะสมแต้ม' เล็กๆ น้อยๆ ก็ดีกว่าไม่ได้ทำเลย และ 'สร้างเวลา' ให้กับสิ่งสำคัญของหัวใจ

ถ้ามีสิ่งที่อยากทำ อย่า 'หาเวลา' ให้มัน เพราะอาจหาไม่เจอ แต่ลอง 'สร้างเวลา' ขึ้นมาให้สิ่งนั้น แล้วอาจพบว่าเราควบคุมชีวิตได้ดีขึ้นบางส่วน

เรามักจะรักชีวิตมากขึ้นเมื่อควบคุมมันได้

เรามักรักตัวเองเมื่อได้ทำในสิ่งที่รัก

--------------------------------------------------------

ป.ล. เพื่อนๆ อาจแนะนำวิธีออกกำลังกายง่ายๆ ใช้เวลาน้อยกันได้นะครับ ✌😊
One sister told me that before working full time, she was a workout and it felt good to get into fitness. But when working in a company that worked out at ten o'clock, I finished my workout time. It's affecting my mind, but I didn't know what to Because I don't have time to exercise

I recommend the younger sister, as you can think, try to change your exercise style from the same way that you need to be full. Fitness may try to use 'small time' as much as you can to exercise in the possible way.

Morning may come to the office a little earlier than usual for half an hour and spend these days exercising the same way you can. Dumbbell Bodyweight or walk up your office until one walk. The sky train station may also be optional if you want to take a result. All we need is a body movement, a heart pumping, a little wind, or a lunch time, to walk down the stairs to eat lunch.

I think sometimes we set our own hard work when life changes, but we still want the same ' pattern ' or ' quantity '. It feels like we don't have time, not only exercise, but for someone, it's reading, drawing, playing music, or practicing skills. What I care about.

When we think that we have ' big chunk ' time, we may be rare. But if we change the question that in a ' small chunk ' time, we can do something like reading a book for a short period of ten pages. It's better than not reading at all. Ten pages, x ten days x ten Face and one month is finished.

In addition, we may have to spend our Saturday-Sunday and before or after work to be more quality, spend it with mental essentials. If exercise really matters to us, give us some serious time. Not accidentally going to the things we're used to. It's not important like playing mobile phone.

...

Another advice that people who have good time and use is that they don't believe that they don't have time and don't try to ' find time ' for the event that they want to do with

Everyone has 24 hours. There are more obligations than many of us in this world. Executive, responsible for many things. These people are able to do a lot of things because they 'make time' for the essentials.

Making time is defining ' my moment ', not defining others by using free time, not working time. This means am to pm, it's time we can designate as well after work. Or even taking a lunch break during these times. If someone wants to go somewhere, make an appointment to do something, we have to be confident with ourselves and confirm to others that we can't do them because there is something more important to do.

Some hobbies are important not to lose to a job, dream, training or even resting. If it matters to us, we have to be ' time ' or ' make time ' for that because this may make us strong. We want to wake up and breathe.

' Time ' clearly confirms that this time won't allow other people to go. I've heard of ultra marathon runners 100 miles of office running, no time to practice. He takes lunch break to the gym to muscle. Be ready to compete because this is the value of his life. He wants to do it and be happy. When he chooses this, he makes him 'time' for his favorite things.

...

If we don't make time for what we like, eventually life will become someone else's schedule. Who wants us to do something, where we call ourselves, whenever we seem to be all the time. Why don't we have time to do what we want to do? It's been Bored and bored with my own life.

Making this time doesn't mean we don't have time for friends, lovers, family, or anyone who asks for help. We still have it (maybe even more). It may not be the time he asks for every time. Just negotiates to change the time ' like he may ask for time. In the morning, we can change to the evening. In many cases, we can change the time. There is nothing wrong. We say that we can tell and tell him that it's frank to us. We need to do what matters to us. If he knows us well, we will understand.

I thought of the question of the voice and eye of the exercise-lover of the question, and saw that she must make time for the important soul soon. Because I have been through the moment I didn't do the accumulated things for a long time, days when I felt lost energy. My heart.

It's not necessarily ' full ', but a little ' accumulation ' is better than not doing at all and ' making time ' for matters of heart.

If you have something you want to do, don't ' make time ' for it because you may not find it, but try ' make time ' for it. You may find that you have better control of life.

We always love life more when it's in control

We always love ourselves when we do what we love.

--------------------------------------------------------

P.O. L. L. Friends may suggest you to exercise easily. You can spend less time together. ✌😊Translated

Join the crew https://www.facebook.com/groups/2366734596727746/?ref=share

The Fifth Element(1997)
Director:Luc Besson
Cinematographer:Thierry Arbogast
2nd unit DOP:Nick Tebbet
Production Designer:Dan Weil
Key grip:Joe Celeste
Camera grip:Jean Pierre Mas
Stunt coordinator:Marc Boyle
Costume Designer:Jean-Paul Gaultier
Visual Effects supervisor:Mark Stetson
Creature Effects supervisor:Nick Dudman
Miniature Effects supervisor:Niels Nielsen
Visual Effects DOP:Bill Neil
Special Effects supervisor:Neil Corbould
Pyrotechnics supervisor:Thaine Morris

Luc Besson said he started writing the screenplay when he was 16, creating the vivid fantasy universes to combat the boredom he experienced living in rural France. But it didn't reach the screen until he was 38 years old; by that time, he felt he was old enough to actually have something to say about life.

According to costume designer Jean Paul Gaultier, the enfant terrible of the fashion world who once gave Madonna conical breasts, designed the futuristic costumes for The Fifth Element—more than 1000 of them. He didn't just design them, either For crowd scenes, where there might be hundreds of extras wearing his costume designs, he'd go around making adjustments to ensure everyone looked right before the cameras rolled.

According to Gaultier, Besson had lined up Mel Gibson, Julia Roberts, and Prince to play the leads in 1992, before financial problems delayed the project. (It's not clear whether any of them had officially signed on or were merely considering it.) Besson arranged for Gaultier to meet with Prince when the singer was in Paris so he could show him sketches of his designs. The meeting proved awkward (as one assumes many meetings with Prince are), and The Purple One later told Besson that he found the costumes "a bit too effeminate." It's entirely possible that the production delays would have prevented Prince from committing anyway, but it's fun to think about what Ruby Rhod would have been like in different hands. Gaultier had also unwittingly offended Prince with his description of one proposed outfit, a mesh suit with a padded, fringe-bedecked rear. Gaultier kept referring to this part of the suit as a "faux cul" ("fake ass"), but because of his thick accent, he said Prince misheard him as saying, "F-\-\- you!" Tucker has said he took inspiration from both Prince and Michael Jackson in crafting his performance as Ruby Rhod.

When filming began, the production decided to dye Milla Jovovich's hair from its natural brown color to her character's signature orange color. However, due to the fact that her hair had to be re-dyed regularly to maintain the bright color, Milla's hair quickly became too damaged and broken to withstand the dye. Eventually a wig was created to match the color and style of Leeloo's hair, and was used for the remainder of the production.

Luc Besson, an admitted comic book fan, had two famous French comic book artists in mind for this movie's visual style when he started writing the movie in high school, Jean Giraud (Moebius) and Jean-Claude Mézières. Both artists have long-standing comic book series in France. Moebius is best known for "Blueberry" and the (French) Magazine and (U.S.) movie Heavy Metal (1981). Mézières is best known for the "Valerian" series. Both series are still in production today. Moebius and Mezieres, who attended art school together but had never collaborated on a project until this movie, started renderings for this movie in the early 1990s and are responsible for the majority of the overall look of the movie, including the vehicles, spacecrafts, buildings, human characters, and aliens. However, only Giraud is credited, and even then, he wasn't even granted a premium when the movie was eventually produced.

Some of the most memorable moments from the film are views of a future New York, complete with flying cars and a mass of new and old skyscrapers. The film was one of Digital Domain’s huge miniature shows released that year – the others being Dante’s Peak and Titanic – while also heralding the fast-moving world of CGI in the movies. The New York scenes were created using a combination of CGI (for the flying cars), live action (the people), and scale models (the buildings). A crew of 80 on the production design team spent five months building dozens of city blocks at 1/24th scale.The visual effects for The Fifth Element were realized with a masterful combination of motion control miniatures, CG, digital compositing and effects simulations by Digital Domain. The flying traffic created by the visual Effects team allowed artists to create personalized license plates. Though never visible in the movie, the state slogan printed on all license plates reads "New York, The F***-You State."The people populating the roofs, decks, and windows during the visual effects sequences in New York City are the artists and employees at Digital Domain.
The text scrolling across a Times Square theater marquee as Korben dives down through traffic is actually an excerpt from an e-mail dispute between several artists at Digital Domain. Other signs on digital and practical, miniature buildings contain similar in-jokes and references and the large cylindrical tanker truck that Korben's cab almost hits at the end of his descent is decorated with the logo of a Venice, California, pizza parlor that was a favorite of Digital Domain artists.

‘You know, Mark, I don’t want to do these ‘fancy panning around and seeing the whole world shots’. I’d much rather set a camera looking down a street, having a cab rush towards me, and cut as it passes by, and then cut to a reverse of it passing by, and construct my film that way.’ – The Fifth Element visual effects supervisor Mark Stetson relates what director Luc Besson said to him about staging the film’s New York City shots.

This was Mark Stetson’s first visual effects supervisor role, this is what he had to say about it in a VFX blog article

Mark Stetson: I wasn’t afraid of the size of it. I didn’t think it was huge at the time. I mean, it was sort of standard tent pole-ish at the time and I was confident that I could do that, but it was my first one and there was a ton I had to learn, especially about digital visual effects. And I was very supported by Digital Domain. It was Digital Domain 1.0 back then, and they really gave me a great team. It was a great experience all around.

During the prep period, cinematographer Thierry Arbogast worked extensively with production designer Dan Weil to integrate various lighting units — primarily fluorescent and occasionally ultraviolet fixtures — within the sets themselves. More often than not, the futuristic spaces dictated the types of fixtures that could be used.
Arbogast had some challenges on the film he said this about the opera scene.
“Most of the lights you see in the opera house were already there. The difficulty was in lighting the people in the audience without illuminating the white facades of the balcony. Therefore, we used a lot of flags to focus our lighting precisely on the people.”

Gary Oldman played Zorg as a cross between then-Presidential candidate Ross Perot and Bugs Bunny.

In most shots of Gary Oldman, there is a circle around his head. In fact, a circle in the middle of the frame is a nearly constant motif in this movie. Bruce Willis, on the other hand, is more often framed by a rectangle or doorway behind him.

In keeping with the hands-on approach Besson established on Le Dernier Combat and has practiced on all of his successive films — Subway (1985), The Big Blue (1988), Atlantis (1990), La Femme Nikita (1991) and The Professional (1994) — the filmmaker operated the camera himself throughout the entire shoot. While such a working situation is rare for directors working within the Hollywood system, Besson prefers it because he can maintain better control of the onscreen action. "I create the frame and the movement within it," he explains. "Why lose time explaining everything to someone else? He's going to be slightly off, and then I'm going to freak out and say, 'No, this is not what we discussed. I want the camera here!' So it's better for everyone involved if I just do it myself.

"I write each action scene as if it is a ballet; the movements fit with the music. Generally, I'll shoot a fight sequence for 10 days using just one or two cameras and a very small crew. I've already written out the fight scene in my head, shot by shot. I do this for each and every sequence so that we can just shoot it, and then put the scene together in the editing room. At the same time, when you're on the set, you can have an idea at the last moment; you realize that from a different angle the light might be better, so you change the perspective [of the shot]. But I'll always write down and block out this [new] progression."

The explosion in the Fhloston main hall was the largest indoor explosion ever filmed. The resulting fire almost went beyond control. It took twenty-five minutes to put out.

At the time, it was the most expensive movie ever produced outside of Hollywood, most expensive French production history, and at $80 million USD, the visual effects budget of the movie was the highest of its time.

The wonder on Bruce Willis' face when the Diva sings is real. That was the first time he'd heard it and seen the actress in full make-up.

Bruce Willis, Milla Jovovich, Chris Tucker and Gary Oldman are all left-handed.

The director had been married to Maïwenn Le Besco, who plays the Diva Plavalaguna, since 1992 (when she was 16 and he was 33, but that's another story). She didn't want to be in the film, adhering to the old adage that married people shouldn't work together and co-workers shouldn't marry each other. But when the actress Besson had cast as the Diva dropped out, Le Besco took the part got painted blue and gave a memorable performance. Alas, Besson didn't share his wife's policy of not mixing work with relationships. He left her during the production for Milla Jovovich, whom he married at the end of 1997 and divorced two years later... then that happened

From Mental floss,vfx blog,ASCmag article,IMDb,YouTube visual element doc.

Morning Tip: กินกาแฟ / คาเฟอีน แล้วผอมจริงหรือ

ถามกันมามาก กับเรื่องกาแฟลดน้ำหนัก และ Fat Burner ก็เลยเอางานวิจัยมาแปลเป็นภาษาคนให้อ่านกัน สนุกแน่นอน ไม่เครียด
.
.
#บทความนี้ยาวหน่อยถ้าขี้เกียจอ่านเลื่อนลงไปข้างล่างมีสรุปสั้นๆให้

สารสำคัญๆที่ทำให้กาแฟ พิเศษ คือ คาเฟอีนครับ
ไม่พูดพล่ามทำเพลง ขอเริ่มเลยนะ

#งานวิจัยที่1 ให้คนมากินคาเฟอีน ปริมาณ 6mg ต่อน้ำหนักตัว 1kg แล้วให้ไปปั่นจักรยาน 1 ชั่วโมง (ถ้าเป็นผม หนัก 80kg ต้องกิน 480 mg = กาแฟ 9 แก้ว แต่พวกนี้ส่วนใหญ่ให้กินเป็นเม็ดครับ) ผลคือ กลุ่มที่กินคาเฟอีน มีอัตราการนำไขมันออกมาแตกตัวอยู่ในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กิน

#งานวิจัยที่2 ให้คนกินคาเฟอีนเพิ่ม 100-400mg ผลที่ได้คือ อัตราการเผาผลาญ เพิ่มขึ้นตามปริมาณที่กิน แต่ใน Dose ที่สูง ก็ทำให้ความดันขึ้นด้วย

#งานวิจัยที่3 พบว่าเมื่อกินคาเฟอีนปุป Insulin Sensitivity ต่ำลง (เดี๋ยวมาคุยกันโอกาสหน้า เรื่องนี้ยาว) เอาง่ายๆ คือทั้ง 3 งาน ชี้มาทางเดียวกันว่า มันช่วยเอาไขมันออกมาใช้ และช่วยเผาผลาญได้

#แต่ต้องใช้ในปริมาณที่เยอะพอสมควร คือตั้งแต่ 200-400mg
หมายความว่าถ้าจะกินจากกาแฟ คือต้องกิน 4 แก้ว - 8 แก้ว
กาแฟ 1 แก้ว มีคาเฟอีนประมาณ 50-60 mg

ปัญหาคือ กาแฟลดน้ำหนักบางตัว มีพลังงาน (เมื่อวานไปดูหลังกล่องมาแล้ว 1 แก้วมันมี 60 Kcal ถ้าต้องกิน 4-8 แก้ว จะได้รับพลังงาน 240-480 Kcal เพราะมันมีน้ำตาลกับไขมันปนๆมาด้วย

กลายเป็นว่าถ้ากินในปริมาณที่งานวิจัยบอกว่าจะได้ผล อาจจะอ้วนเพราะ Calorie ที่ดื่มเข้าได้ซะงั้น

แต่ถ้าจะกินกาแฟดำ ในปริมาณขนาดนั้น (ผมเคยกินมากสุด 16 ช้อนโต๊ะ ไม่ได้ชงเป็นแก้วนะ คืออัดใส่กระติกน้ำร้อน แล้วกินทั้งวัน)

ผลที่ได้คือ #ฟันเป็นคราบ
แต่ทางออกของผมคือ สั่ง Caffeine อัดเม็ดมาจากเมืองนอก (เม็ดนึง 200mg สะใจมาก กินทีนี่ตาถลน) ปัญหาคือ บ้านเราไม่มีขาย (จะมีในรูปแบบยาแก้ไมเกรน มี 100mg แต่... ผมไม่แนะนำให้กิน)

#ดังนั้นเราขอสรุปดังนี้

คาเฟอีนในปริมาณมากๆ ช่วยเผาผลาญไขมันพอได้ แต่ไม่ได้ถึงขนาด กินแล้วผอมเลย เพราะยังไงก็ต้องออกกำลังกายอยู่ดี
ปัญหาคือปริมาณคาเฟอีนที่ใช้ในงานวิจัยแล้วได้ผล มันเยอะกว่าที่คนทั่วไปกินกัน

ที่น่าเป็นห่วงคือในคนที่มีปัญหา ความเสี่ยงความดัน กินเข้าไปเยอะๆขนาดนั้น #แพทย์ไม่แนะนำ!

สรุป กินกาแฟ อย่างพอดีๆ ถ้าอยากหุ่นดี ออกกำลังไปด้วย คุมอาหารไปด้วย ได้ผลแน่นอน

เสริม: ในงานวิจัยแรก เค้าให้ปั่นจักรยานช้าๆ ที่ 65% ของ Max Effort (คือปั่นเกือบชิล) เป็นเวลา 1 ชั่วโมง... ใครอยากลดไขมันก็ไปลองปั่นตามเค้าได้ครับ
.
.
.
พรุ่งนี้เราอาจจะวนอยู่กับเรื่องกาแฟนี่แหละ แต่จะมาพูดถึงสรรพคุณอื่นๆ รออ่านกันนะครับ 6 โมงเช้าทาง Fitjunctions

อ่านแล้ว อย่าลืม SHARE ให้คนชอบดื่มกาแฟมาอ่านกันนะครับ

*********************
�#มาเรียนกับเรา สมัครเรียน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Line @fitjunctions (มีตัว @ นำหน้า)
หรือโทร 0918736066
�
#กินกับเรา สั่งอาหารลีน โปรตีนครบ รสชาติเน้นๆ
Line @foodjunctions (มีตัว @ นำหน้า)
.
.
.
.
.
.
.
.
.
References

http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/11815511
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/2333832
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/16886964
https://examine.com/supplements/caffeine/#hem-fat-oxidation
ปล. ไม่มีตัวเต็ม เลยต้องอ่านตัวสรุปจาก examine เอา และแปลมา

ใครอ่านถึงตรงนี้จบ และไปอ่านงานวิจัยซ้ำด้วยนี่ ยอมรับ ชื่นชม
Morning Tip: Drink Coffee / caffeine and get really slim?

I asked a lot about coffee, weight loss and fat burner. So I translated research into language. People to read. It's fun for sure. No stress.
.
.
#บทความนี้ยาวหน่อยถ้าขี้เกียจอ่านเลื่อนลงไปข้างล่างมีสรุปสั้นๆให้

The important substance that makes coffee special is caffeine.
Don't talk, make music. Let me start.

#The 1TH RESEARCH FOR PEOPLE TO EAT 6 MG PER BODY WEIGHT 1 KG. Let's go bike for 1 hours. (if it's me weighs 80 kg, I have to eat 480 mg = 9 Cups of coffee, but most of these give them to eat as pills). The result is that the group that eat caffeine has a rate of fat in the blood stream more than the group that didn't eat.

#2th research for people to eat caffeine 100-400 mg. The result is that metabolism rate increases according to the amount they eat, but in high dose also makes blood pressure up.

#The 3th research found that when eating caffeine, insulin sensitivity is lower (let's talk to each other. Next time, this is long). It's easy. All 3 jobs point out the same way that it helps remove fat and help burn. I can lose it.

#But it takes a lot of amount. It's from 200-400 mg.
It means if you drink from coffee, you need to drink 4 Cups-8 Cups.
1 Cups of coffee with about 50-60 mg of caffeine.

The problem is that some weight loss coffee has energy. (yesterday, I went to see the back of the box for 1 Cups. There are 60 kcal. If you have to take 4-8 cups, I will get 240-480 kcal energy because they have sugar and fat

Turns out, if i eat in the amount of research says it will work, it might be fat because of calorie who drank

But if you want to drink black coffee in that amount (I used to drink the most 16 tablespoons. I didn't make it in a glass. I put it in a flask of hot water

The result is #teeth are stain
But my solution is to order caffeine from abroad (one pill for 200 mg. So satisfying. Eat here). The problem is that our house is not for sale. (there will be 100 mg antidote. There are 100 mg but... I DON ' T Recommended to eat)

#ดังนั้นเราขอสรุปดังนี้

Caffeine in large quantities help burn fat. But not even if i eat it, I will be slim because I have to exercise anyway.
The problem is the amount of caffeine used in research works is better than people eat.

What I'm worried is that in people who have risk problems. I eat that much. #Doctor doesn't recommend!

In conclusion, drink coffee fit. If you want to have a good shape, exercise with food control. It will work for sure.

Add: in the first research, they give me a slow bike at 65 % of max effect (well, I ride almost chill) for 1 hours... if you want to lose fat, try to ride and follow me.
.
.
.
Tomorrow we may be around with coffee, but we will talk about other benefits. Let's wait to read. 6 am via fitjunctions.

Read and don't forget to share for those who like to drink coffee. Let's read.

*********************
#Come to study with us. Enroll for more information.
Line @Fitjunctions (with @ ahead)
Or call 0918736066
�
#Eat with us. Order food. Full of protein. Full of taste.
Line @Foodjunctions (with @ ahead)
.
.
.
.
.
.
.
.
.
References

http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/11815511
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/2333832
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/16886964
https://examine.com/supplements/caffeine/#hem-fat-oxidation
PS. I don't have a full body. I have to read the summary from examine. I took it and trans

Anyone who has finished reading this and read the research again. I accept it. I appreciate it.Translated

★ 「這群人」10週年紀念首張EP《共同記憶體》限量珍藏版，即日起開放預購★
#三個人 #展榮展瑞 #茵聲

〈實體EP將於8/31正式上架〉
● 《共同記憶體》EP👇

華納購物網
https://www.warnermusic.com.tw/products/tgop-our-memory-single

博客來
https://www.books.com.tw/products/0020218377

5大唱片
http://www.5music.com.tw/CDList-C.asp?cdno=441455678565

佳佳唱片
https://www.ccr.com.tw/goods/393558

光南大批發
https://www.pcstore.com.tw/kuangnan/M69644528.htm

玫瑰大眾購物網
https://www.g-music.com.tw/product.php?pid_for_show=253034

PChome
https://mall.pchome.com.tw/prod/QFBA29-A900ASPWB

誠品網路書店
http://www.eslite.com/product.aspx?pgid=1004116362863410


十年時間，回憶太重，情緒太濃，
原諒我們沒有出口成章的才華，
於是將近4000個日子裡的心情寫進歌裡，
讓旋律為我們說話。
如同存放在電腦的「共同記憶體」，裡面保存著我們的歌聲，也存放我們七個人的回憶。
期望拿到這份記憶體的你，都能與我們共享這十年的點滴。
願下一個十年，依然有你。


【音源在各大音源平台也上架啦!】
● 新歌馬上聽 ►https://wmt.lnk.to/OurMemory

【關於做到死】

「做到死」為 小賴-娘娘槍導演最新作品，mv呈現用展榮、展瑞喜歡從小就喜歡的恐怖片元素結合「群人式」幽默，演譯出各式各樣在生活中感到滿腹委屈卻難以伸張的瞬間。每個橋段都可能是你我曾有過的小劇場，「做到死」就是這樣一首盡情滿足我們心中想像的歌。

「做到死」從不侷限於某個角色，它代表的是一種心境，適用於人生各種面向。生活裡，我們總是扮演著各種角色，更多時候我們身不由己，更多時候，生活需要用很多力。偶爾，生活的壓抑、不平化作一聲微弱的感嘆:好啊!就這樣做到死啊! 我們都知道一走了之會很輕鬆，但我們總會期許自己，當個足以「承擔」的大人。

相信多年後的某天，我們依然會奔走在某個城市，我們還是用盡全力、偶爾力不從心；還是低聲下氣、偶爾沉不住氣；還是會胸懷滿志，還是會做到死!

#10週年首張EP #做到死 #這群人 .

【關於EP】

第一次萌生七個人發歌的想法，是在展榮、展瑞、茵聲三人的首張單曲「這是我」發行時。人生第一次有這樣子的機會，沈浸在美夢成真的激動歡愉，卻同時遺憾由於當時公司的規劃方向及每位團員心中的方向不同，最終少了四位熟悉的身影。下一個十年，或許很多事會改變，音樂卻能將屬於此刻的心情完整紀錄下來。這一次藉著十週年的機會，團長-展榮終於說服大家一起挑戰新領域，透過音樂展現以往未曾向觀眾展現過的這群人，於是這一次，沒有任何一個人會落下。

從決定投入歌曲製作，我們一路上對於作品概念有許多碰撞。首波主打「做到死」，特地請回曾製作過「夜式人生」的湘柏章老師為我們填詞，合作過的口一口擔任製作人，於是誕生了今天pop曲風的「做到死」。「十年的我」邀請蔡依林、王力宏、李玖哲等天王天后的御用作詞人-崔惟楷老師，製作人更邀請合作過張惠妹、孫燕姿、張韶涵等天王天后的深白色老師擔任，為的就是呈現最完美的作品。
十年，我們累過苦過，為業界開創很多先例，甚至創造許多別人眼中的「奇蹟」，其中的感動、成長、喜悅，是我們七個人傾注十年靈魂的結晶，也是你我共創的榮耀。

「共同記憶體」，致，我們最燦爛的10年，未來的每一天，我們也用盡全力做到死吧!

【做到死】

作詞者：湘柏章 Sider C / 許展榮 Keelong
作曲者：湘柏章 Sider C / 安眠巫師 WiFi

（群）
我只想要一直做到死
在你眼裡～做到死
Every day and night
就快要無法控制
我只想要一直做到死
用盡全力～做到死
Every day and night 只想和你做到死

（瑞）
做得太累 太陽出來才睡
行程排滿每一天
就別再熬夜 熬久了傷身體
夜式人生 的熊貓眼

像被關在動物園
想吃胡蘿蔔我拚命繞圈圈
心裡面那個她就要出現 （瑞木）
為了更好的表現 必須掙多點錢

（木）
我現在就想做
就快要lose control

（群）
我只想要一直做到死
在你眼裡～做到死
Every day and night
就快要無法控制
我只想要一直做到死
用盡全力～做到死
Every day and night 只想和你做到死

做 喔 喔 做 喔(董尼石)
像螞蟻們勤做工(董尼)
做 喔 喔 做 喔(董尼石)
X2

（茵）
先伸伸懶腰 我們一起學貓叫
然後洗個澡 感受幸福的味道
別再嫌我太囉嗦 得放輕鬆
每天家事實在太多 你都沒在做

誰才是你媽 每天追打 追趕跑跳蹦 生活隨時捕捉在我鏡頭下

一點一滴滴 又一臉想親親
讓我帶領你帶領你
穿越那挪威的森林

（木）
我現在就想做
就快要lose control

（群）
我只想要一直做到死
在你眼裡～做到死
Every day and night
就快要無法控制
我只想要一直做到死
用盡全力～做到死
Every day and night 只想和你做到死

（榮）
當時光倒轉回到從前
你還是個英雄少年
十年什麼歷練
什麼 讓我們改變

從無知好奇探索學習 受傷失敗絕望放棄
惡魔趁虛而入啃食我們的心
當你聽到這首哥哥就是要你想起
莫忘初衷找回你自己 你自己

做 喔 喔 做 喔(董尼石)
像螞蟻們勤做工(董尼)
做 喔 喔 做 喔(董尼石)
做到死做到死做到死我們做(榮）

做 喔 喔 做 喔(董尼石)
像螞蟻們勤做工(董尼)
做 喔 喔 做 喔(董尼石)
做到死（瑞）
做到死做到死（尼）

【音樂製作】

作詞者：湘柏章 Sider C / 許展榮 Keelong
作曲者：湘柏章 Sider C / 安眠巫師 WiFi

製作人 : 口一口 Coyico
編曲人：黃俊瑋 Sakinu
和聲編寫：黃信豪 HsinHao
配唱製作：口一口 Coyico
錄音師 : 口一口 Coyico
混音工程師：鄭平 Ping Cheng
母帶後製工程師：Double @Nerdyboy Production
母帶後製錄音室： Nerdyboy Space Capsule

【MV製作】

影像製作 : 柒柒娛樂影像製作
總監製 : 柒柒娛樂影像製作
導演 : 蘇尚珄
企劃：Keelong
技術監督 : 張佑維
助導/製片 : 張昱瑩
攝影師 : 莊竣瑋
攝大助 : 余書豪
攝影助理 : 江睿哲/賴建榮/吳宗憲
攝影實習 : 賴梓卉/張哲瑋
燈光師 : 游凱翔
燈光助理 : 林建志/許原毓/鄭智遠/羅煒/吳思賢/吳宗岳/陳信瑝
經紀 : 珍妮/東東/小呱/林振皓
執行製片 : 魏庸/郭沛鑫
製片助理 : 高珮倫/郭弋綸/洪卉君/田季禾
美術總監 : 姚國禎
執行美術 : 柯治旻
美術助理 : 蕭沛倫/褚庭勛/唐雅君/林羿均
剪接 : 蘇尚珄
特效 : 軒志/楊奇融
調色 : 時間軸影像製作 蘇佩
梳化 : Yumi/筱雯/Chen Hui Lin/彩色線條整體造型工作室
髮型 : Cubex-Rebecca/Van
服裝 : 林牧昕(木星)/Chance/黃書維Kris
服裝贊助 : Aliveu/冉冉ZanZan
動態側錄 : 郭瑋倫
場務器材 : 協明影視
特別演出 : 王中皇/JUDY CHOU 啾蒂俏/超直白
群演 : 冰孚娛樂/小羅家族/宮敬婷
舞監 : 玉琦
編舞 : TPD舞蹈製作團隊
TPD舞者：紫褲/恐龍/羅毅/CJ/小Y/Yuki
特別感謝：金色三麥/Miramar美麗華百樂園

【更多音樂】
這群人 TGOP –十年的我 Ten years of me
https://youtu.be/q55S3PA7mTI

這群人 TGOP – 做到死 Do it till we die
https://youtu.be/YD9aYOjc5y8

展榮.展瑞 K.R Bros 《夏夜晚風 Summer Breeze》
https://youtu.be/BhAWjvIljL0

展榮.展瑞 K.R Bros《十分鐘的戀愛 Ten Minutes of Love》
https://youtu.be/uK8wzj7JLMY

展榮展瑞K.R Bros - 安靜了太久Not Anymore
https://youtu.be/uv85oswcER4

展榮展瑞 K.R BROS - 夜式人生 Night Owls
https://youtu.be/o_rJEXm49H0

展榮展瑞 K.R BROS - 閃退 Flash Back
https://youtu.be/tKAbO3hd_3U

展榮展瑞KR Bros - 愛瘋狂Mad Love
https://youtu.be/sYIQss3sjco

展榮展瑞 K.R Bros - 乾脆放手 Just Let It Go
https://youtu.be/ho5mQ4ql8Og

展榮展瑞K.R Bros - 掌控對決Control
https://youtu.be/BSQnRMXluPs

鄭茵聲 Alina Cheng -《暗戀萬歲 Secret Crush》
https://youtu.be/TOhSlurldCc

鄭茵聲 Alina Cheng -《陽光燦爛的原因 You Make the Sun Shine》
https://youtu.be/Mz7LIqDrYqY

鄭茵聲 Alina Cheng -《預告幸福 Happiness Awaits》
https://youtu.be/QJpLJsfsop0

鄭茵聲 Alina Cheng - 愛情日期 Love Date
https://youtu.be/BDRPxuLLmhs

三個人 Three People - 這是我 THIS IS ME
https://youtu.be/71uHBFo87C8

三個人 Three People - 卡關 Stuck
https://youtu.be/XBxWutVD8tY

三個人 Three People - 皮在癢 Naughty
https://youtu.be/P76Du-xHIM8

展榮展瑞 K.R Bros - 我的愛Westlife - My Love cover
https://youtu.be/dXOhAZtBuTg

鄭茵聲 Alina Cheng -《預告幸福 Happiness Awaits》
https://youtu.be/QJpLJsfsop0

三個人 Three People - 這是我 THIS IS ME
https://youtu.be/71uHBFo87C8

三個人 Three People - 卡關 Stuck
https://youtu.be/XBxWutVD8tY

三個人 Three People - 皮在癢 Naughty
https://youtu.be/P76Du-xHIM8

Midnight Fusic feat. Lunadira - Vertigo (Live)


Composed by Midnight Fusic
Lyrics by Arif Kamarudin, Adrian Danial, Lunadira
Produced by Midnight Fusic, Pijar, Upai


Listen to “Vertigo (Live)" on Spotify : https://MidnightFusic.lnk.to/VertigoLiveAY/spotify
Listen to “Vertigo (Live)" on Apple Music : https://MidnightFusic.lnk.to/VertigoLiveAY/applemusic



Follow Midnight Fusic!
Facebook: https://www.facebook.com/midnightfusic/
Instagram: https://www.instagram.com/midnightfusic/
Twitter: https://twitter.com/midnightfusic



Follow Lunadira!
Facebook: https://www.facebook.com/lunadiramusic
Instagram: https://www.instagram.com/lunadira_/
Twitter: https://twitter.com/luna_dira



(lyrics)
You know exactly how you choose to make me feel,
But it’s no boundaries it seizes me yeah,
Just sit around and wonder how it feels surreal,
And how it hurts when people stop and stare,

But I just can’t let it go,
When it hits I lose my self control,
If you take me to new heights then I’ll never know,
Don’t wanna look down, don’t wanna look down,
I get vertigo

My friends they call me crazy for wanting you around,
But they don’t understand just how you feel for me,
And now I’m stuck, can’t turn back,
I don’t want to look down,
I’m scared to know, if you would go, how life would be

But I just can’t let it go,
(I can’t let it go)
When it hits I lose my self control,
(I lose myself, my self control)
If you take me to new heights then I’ll never know,
Don’t wanna look down, don’t wanna look down,

Now I just wanna let it go,
(I don’t wanna be here on my own)
Intoxicated and I feel alone,
I can’t take I just need a little more
(I don’t wanna be here all alone)
Don’t wanna look down, don’t wanna look down,
I get vertigo

Now I just wanna let it go,
(I can’t let it go)
Intoxicated and I feel alone
(You got me drunk, I’m so alone)
I can’t take it I just need a little more,
Don’t wanna look down, don’t wanna look down,
I get vertigo



Vertigo (Live) performed by Midnight Fusic feat. Lunadira



#MidnightFusic #Lunadira #Vertigo



© 2020 Sony Music Entertainment Malaysia Sdn Bhd
All rights reserved. Unauthorised reproduction is a violation of applicable laws.

Midnight Fusic feat. Lunadira – Vertigo (Official Music Video)


(Lyrics)
You know exactly how you choose to make me feel,
But it’s no boundaries it seizes me yeah,
Just sit around and wonder how it feels surreal,
And how it hurts when people stop and stare,

But I just can’t let it go,
When it hits I lose my self control,
If you take me to new heights then I’ll never know,
Don’t wanna look down, don’t wanna look down,
I get vertigo

My friends they call me crazy for wanting you around,
But they don’t understand just how you feel for me,
And now I’m stuck, can’t turn back,
I don’t want to look down,
I’m scared to know, if you would go, how life would be

But I just can’t let it go,
(I can’t let it go)
When it hits I lose my self control,
(I lose myself, my self control)
If you take me to new heights then I’ll never know,
Don’t wanna look down, don’t wanna look down,

Now I just wanna let it go,
(I don’t wanna be here on my own)
Intoxicated and I feel alone,
I can’t take I just need a little more
(I don’t wanna be here all alone)
Don’t wanna look down, don’t wanna look down,
I get vertigo

Now I just wanna let it go,
(I can’t let it go)
Intoxicated and I feel alone
(You got me drunk, I’m so alone)
I can’t take it I just need a little more,
Don’t wanna look down, don’t wanna look down,
I get vertigo



Vertigo (Official Music Video) by Midnight Fusic feat. Lunadira
Composed by Midnight Fusic
Lyrics by Arif Kamarudin, Adrian Danial, Lunadira
Produced by Midnight Fusic, Pijar



Listen to “Vertigo” on Spotify : https://MidnightFusic.lnk.to/VertigoAY/spotify
Listen to “Vertigo” on Apple Music : https://MidnightFusic.lnk.to/VertigoAY/applemusic



Follow Midnight Fusic!
Facebook: https://www.facebook.com/midnightfusic/
Instagram: https://www.instagram.com/midnightfusic/
Twitter: https://twitter.com/midnightfusic



Follow Lunadira!
Facebook: https://www.facebook.com/lunadiramusic
Instagram: https://www.instagram.com/lunadira_/
Twitter: https://twitter.com/luna_dira



Vertigo (Official Music Video) performed by Midnight Fusic feat. Lunadira


© 2019 Sony Music Entertainment Malaysia Sdn Bhd
All rights reserved. Unauthorised reproduction is a violation of applicable laws.