Florence เมืองหลวงแห่งศิลปะของโลก
--------------------------
แจกข้อมูลเมืองฟลอเร้นซ์แบบละเอียดสุด ๆ หาข้อมูลรอวันกลับไปเที่ยวได้เลย
--------------------------
หนึ่งในเมืองที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยทางศิลปะมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เมืองที่อบอวลไปด้วยกิ่นอายของศิลปิน เมืองที่ทุกซอกทุกมุมล้วนแล้วแต่มี design
--------------------------
Florence หรือที่ชาวอิตาเลี่ยนเรียกกันว่า Firenze นั้นเป็นเมืองหลวงของแคว้นชื่อดังที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีอย่าง Tuscany แคว้นที่ว่ากันว่าสวยที่สุดทางตอนกลางของประเทศ Italy ด้วยภูมิประเทศที่น่าอัศจรรย์ใจ เนินเล็ก ๆ ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ยามตกกระทบกับแสงสาดส่องจากดวงะวัน ประกอบกับฉากหลังเป็นสถาปัตยกรรมที่ล้ำค่า ทำให้ที่แคว้นนี้มีเมืองเล็ก ๆ ที่น่าท่องเที่ยวตั้งอยู่อย่างมากมาย และแน่นอนว่าเป้นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยากจะมาสัมผัสซักครั้งหนึ่งในชีวิต
--------------------------
และในแคว้นที่สวยงามนี้ Florence ถือเป็นเมืองที่ใหญ่และมีสถาปัตยกรรมที่งดงามมากที่สุด เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของแคว้น จะไปไหนมาไหนก็ักจะต้องมาเริ่มต้นกันที่นี่ จะหาที่พักก็ง่าย เหมาะจะใช้เป็นที่มั่นในการออกเที่ยวเมืองเล็ก ๆ ต่าง ๆ ในประเทศ
--------------------------
เมืองที่สวยงามแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เริ่มตั้งแต่ราว 100 ปีก่อนคริสตกาล ที่เริ่มก่อตั้งชุมชนเล็ก ๆ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Flume Arno ก่อนที่จะโดนปกครองโดยชาวโรมันเป็นเวลายาวนาน กว่าพันปี เหมือนกันเมืองส่วนใหญ่ของอิตาลี Florence ถือเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญของภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะการขายผ้าและการธนาคาร ที่ถือเป็นธุรกิจหลักของสมัยนั้น และในช่วยศตวรรษที่ 15 Florence มีความเจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด เป็นเมืองศูนย์กลางของการฟื้นฟูศิลปะแบบ Renaissance มีศิลปินมากมายกำเนิด หรือทำงานที่นี่ มีระบบอุปถัมภ์ศิลปินที่ดีเยี่ยม ศิลปินได้รับการยกย่องอย่างสูงและถือเป็นชนชั้นที่มีบทบาทอย่างมากกับการพัฒนาเมือง ทั้งทางด้านศิลปะ วิทยาการ การเมืองและสังคม โดยศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ได้แก่ กาลิเลโอ และมิเคลันเจโล ที่โด่งดังไปทั่วโลก เรียกได้ว่าใคร ๆ ก็ต้องรู้จักทั้งสองคนนี้แม้จะไม่ได้ชื่นชอบงานศิลปะหรือประวัติศาสตร์เป็นพิเศษก็ตาม
หลังจาก คริสตศตวรรษ ที่ 16 จักรวรรดิ์ฮังการีและออสเตรียก็ได้เข้ายึดครอง Florence ก่อนที่จะรวมตัวกับแคว้นอื่น ๆ ประกาศตัวเป็นประเทศ Italy ในปี 1860 และดำรงบทบาทเป็นเมืองสำคัญของประเทศเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
--------------------------
การเดินทางมา Florence
--------------------------
เนื่องจากเป็นเมืองหลสงของแคว้น รวมทั้งยังเป็นเมืองหลักที่ตั้งอยู่กลางประเทศด้วย ทำให้การเดินทางมาที่นี่สะดวกสบายอย่างมาก จะขึ้นเหนือหรือลงใต้ก็อยู่บริเวณศูนย์กลางพอดิบพอดี
--------------------------
โดยรถไฟ
--------------------------
มีรถไฟวิ่งมาจากเมืองใหญ่หลาย ๆ เมืองทั้ง Milan Venice Rome รวมถึงรถไฟระหว่างประเทศสำหรับเดินทางไป Swiss อีกด้วย โดยสถานีหลักของเมืองคือสถานี Firenze S.M.N ( Santa Maria Novella ) โดยเส้นทางสายหลักที่ผ่านก็คือเส้นทางสาย Rome - Milan โดยค่าโดยสารไปยังเมืองต่าง ๆ เป้นดังนี้
Rome 17.25 ยูโร ใช้เวลา 2-4 ชั่วโมง
Milan 29.59 ยูโร ใช้เวลา 2-3.5 ชั่วโมง
Venice 24 ยูโร ใช้เวลา 4.5 ชั่วโมง
Bologna 10.50 ยูโร ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง
Pisa 5.80 ยูโร ใช้เวลา 45 นาที
Lucca 5.10 ยูโร ใช้เวลา 1.5 ชั่วโมง
เราสามารถฝากกระเป๋าเดินทางเอาไว้ที่สถานีได้โดยจุดฝากอยู่ที Platform 16 ราคา 5 ชั่วโมง 5 ยูโร ชั่วโมงต่อ ๆ ไป คิดชั่วโมงละ 0.7 ยูโร
--------------------------
การเดินทางใน Florence
--------------------------
เนื่องจากขนาดเมืองที่ไม่ใหญ่โตนัก ทำให้เราสามารถเดินเที่ยวได้เกือบรอบตัวเมืองเก่า โดยไม่จำเป็นต้องใช้รถแต่อย่างใด ยกเว้นเพียงบางสถานีที่อยู่นอกเมืองเท่านั้นที่จำเป็นต้องใช้รถบัส เช่นจุดชมวิวนอกเมือง โดยมีรถบัสให้บริการ ป้ายที่ขึ้นสะดวกที่สุดจะอยู่หน้าสถานีรถไฟหลักเลย ค่าโดยสารเที่ยวละ 1.20 ยูโรหาซื้อตั๋วได้ตามร้านค้าปลีกทั่วไป หากจ่ายบนรถจะคิดค่าตั๋ว 2 ยูโร หรือซื้อตั๋วเหมาจ่าย 1/3/7 วัน ราคา 5/12/18 ยูโร
--------------------------
ที่ท่องเที่ยว
--------------------------
--------------------------
บริเวณ PIAZZA DEL DUOMO
--------------------------
ย่านนี้จะเป็นเหมือนศูนย์กลางของเมือง มีผู้คนพลุกพล่าน ร้านค้าร้านอาหารก็เยอะแยะมากมาย เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในเมืองอย่าง Duomo ตั้งอยู่ ถ้าหากอยากจะหาที่พักล่ะก็ ย่านนี้น่าสนใจเป็นที่สุดเพราะจะไปไหนมาไหน หรือหาของกินก็ง่ายแสนง่าย
--------------------------
DUOMO ( Santa Maria del Fiore )
--------------------------
เวลาทำการ
โบสถ์ จันทร์ พุธ ศุกร์ 10.00 - 17.00 พฤหัสเปิดถึง 16.00 เสาร์เปิดถึง16.45 อาทิตย์ 13.30 -16.45
ขึ้นโดม จันทร์ ถึง ศุกร์ 8.30 - 18.00 เสาร์ 8.30 - 17.00
ขึ้น Campanile 8.30 - 18.50
ค่าเข้าชม รวมทุกสถานที่ 10 ยูโร โดยต้องไปซื้อตั๋ว ณ จุดขายก่อนที่จะมาต่อคิวแสดงตั๋วเพื่อเข้าชม ส่วน Duomo เข้าชมฟรี
หนึ่งในโบสถ์ที่ใหญ่และสวยมากที่สุดในโลกก็คือ Duomo ประจำ Florenc ที่ตั้งอยู่ที่ PIAZZA DEL DUOMO นั่นเอง มหาวิหารแห่งนี้มีชื่อเต็มว่า Santa Maria del Fiore ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1296 ก่อนจะตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อความสวยงามเมื่อราว 200 ปีก่อน จุดเด่นที่สุดของมหาวิหารแห่งนี้คงไม่พ้น ยอดโดมที่มีขนาดใหญ่มาก สร้างขึ้นในปี 1420 ถึง 1436 ออกแบบโดย Fillippo di Ser Brunelleschi ผู้ที่ถือว่าเป็นบิดาของสถาปัตยกรรมแนว Renaissance และเป็นผู้คิดค้นพบทฤษฎี Perspective อีกด้วย ซึ่งการค้นพบนี้เองทำให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในศิลปะทุกแขนง เรียกได้ว่าเป็นผู้ให้กำเนิดศิลปะยุคใหม่เลยก็ว่าได้
แต่เดิมโดมแห่งนี้มีการหยุดสร้างอยู่พักหนึ่งเนื่องจากไม่สามารถหาช่างที่จะมาออกแบบการรับน้ำหนักของโดมขนาดใหญ่แบบนี้ได้ จน Brunelleschi อาสาเข้ามาแก้ปัญหา จึงได้เกิดสถาปัตยกรรมที่ล้ำเลิศทั้งความงดงามและทรงคุณค่าในด้านเทคนิคนี้ขึ้นมาได้
Brunelleschi ออกแบบโดมเป็นลักษณะครึ่งวงกลมคล้ายกับของโรมัน แต่เปลี่ยนจากวงกลมมนเป็นรูปทรงหกเหลี่ยม และใช้คานรองรับน้ำหนักของโดมโดยตัวค่นวิ่งไปบรรจบที่ยอดโดม สามารถมองเห็นจากภายนอกโดมได้ด้วย
เมื่อสร้างเสร็จ โดมแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะสถาปัตยกรรมที่ก้าวล้ำนำสมัย และเป็นความภาคภูมิในของชาวเมืองเป็นอย่างมาก จึงได้มีการออกกฎไม่ให้มีการสร้างสิ่งก่อสร้างอื่นใดที่สูงกว่ายอดโดมนี้อย่างเด็ดขาด และได้มีการฝังศพของ Brunelleschi อยู่ที่โดมแห่งนี้ด้วย ปัจจุบัน โดมนี้เปิดให้เข้าชม และสามารถขึ้นบันได 436 ขั้นขึ้นไปชมความงดงามของเมืองได้อีกด้วย
ในส่วนอื่น ๆ ของโบสถ์นั้นก่อสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสามสี ซึ่งนำมาจากสามเมือง มีหอระฆัง Campanile ที่สามารถเดินขึ้นไปชมวิวได้ เช่นเดียวกับตัวโดม โดยมีบันได 414 ขั้น
ส่วนภายในมหาวิหารนั้นประดับประดาด้วยภาพเขียนจากศิลปินชื่อดังหลายชิ้น ที่เด่นถือภายในส่วนของโดมเป็นภาพเขียน "Last Judgment" ผลงานของ Vasari และ Zucarri การเข้าชมไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ต้องแต่งตัวสุภาพ ทางที่ดีงดใส่เสื้อแขนกุดหรือกางเกงที่สั้นมาก ๆ จะดีกว่า
ในบริเวณนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์ Museo dell’ Opera del Duomo ที่เก็บรวบรวมงานศิลปะหลายอย่างให้ได้ชมกัน โดยเฉพาะผลงานของ มิเคลลันเจโล
--------------------------
บริเวณ PIAZZA DELLA SIGNORIA
--------------------------
อีกจัตุรัสหนึ่งที่เชื่อมต่อมาจาก PIAZZA DEL DUOMO ไม่ไกลนัก ที่นี่ก็มีความคึกคักไม่แพ้กันเลย ที่น่าสนใจที่สุดก็คือบริเวณลานกว้างจะมีปฎิมากรรมสวย ๆ ตั้งอยู่หลายชิ้นด้วยกัน เราสามารถชมความงามและถ่ายรูปได้โดยไม่เสียเงินซักยูโรเดียว และไฮไลท์ก็คือ รุปสลักเดวิด ที่จำลองมาแทนของจริงที่เก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว และบริเวณ Loggia del Lanzi ที่อดีตเคยเป็นเวทีพิธีการทางราชการต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้ก็ได้ดัดแปลงให้เป็นที่จัดแสดงงานปฎิมากรรมเอกหลายชิ้น และที่สำคัญคือ ชมฟรีเช่นกัน
--------------------------
Galleria degli Uffizi
--------------------------
เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ 8.15 -18.05
ค่าเข้าชม 6.5 ยูโร
หรือเรียกกันว่าหอศิลป์ Uffizi เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก พิพิธภัณฑ์นั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของ Palazzo delgi Uffizi
โดยพิพิธภัณฑ์มีประวัติเริ่มก่อสร้างในปี 1560 เพื่อเป็นสำนักงานของผู้พิพากษาในเมือง Florence และใช้ชื่อว่า Uffizi ( ความหมายเดียวกับ Office ในภาษาอังกฤษ ) การก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 1581 โดยภายในตัวอาคารมีการวางผังให้มีทางเดินแคบ ๆ ทอดยาวไปที่แม่น้ำ Arno เพื่อเปิดภูมิทัศน์ไปสู่แม่น้ำ การประดับตกแต่งจะเน้นความมีมิติของตัวสถาปัตยกรรม โดยการใช้บัวเป็นตัวเชื่อมความต่อเนื่องและเล่นกับมิติของสายตา
หลังจากใช้เป็นสำนักงานของผู้พิพากษาและใช้เป้นที่เก็บเอกสารมาเป็นเวลานาน จึงได้เปลี่ยนมาเป็นหอศิลป์ที่ใช้จัดแสดงศิลปะของตระกูลเมดิซี เก็บรวบรวมผลงานศิลปะของตระกูลไว้กว่า 3,000 ชิ้น จนภายหลังตระกูลเมดิซี ได้ยกสมบัติทั้งหมดให้กับผู้ครองเมือง โดยมีข้อแม้ว่าจะไม่โยกย้ายงานทั้งหมดออกนอกเมือง Florence อย่างเด็ดขาด
นั่นเป็นต้นกำเนิดของพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ โดยเปิดให้เข้าชมเป็นกลุ่ม โดยต้องยื่นคำร้องมาก่อนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 ก่อนจะเปิดให้เข้าชมทั่วไปในปี 1765 และมีงานศิลปะเข้ามาจัดแสดงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่มีที่จัดแสดงเพียงพอ ทางเมืองจึงได้ตัดสินใจขยายพื้นที่พิพิธภัณฑ์จาก 6,000 ตารางเมจรเป็น 13,000 ตารางเมตรในปัจจุบัน ทำให้สามาถจัดแสดงผลงานที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้หลายร้อยปีโดยไม่เคยนำออกมาแสดงได้เพิ่มขึ้นโดยผลงานชิ้นสำคัญที่เป้นที่รู้จักก็ได้แก่ The birth of Venus ผลงานของ Sandro Botticelli ภาพวาดที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักดี
และแน่นอนว่าดังขนาดนี้ต้องมีคนเข้าคิวมากมาย ฉะนั้นขอแนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าจาก internet ที่ http://www.uffizi.com
--------------------------
Palazzo Vecchio
--------------------------
เวลาทำการ วันศุกร์ -พุธ 9:00–23:00 วันพฤหัสบดี 9:00–14:00
ค่าเข้าชม 10 ยูโร
แปลเป็นภาษาไทยแบบตรงตัวก็คือวังเก่านั่นเอง ปัจจุบันเป็นที่ว่าการเมือง Florence ตั้งอยู่ในบริเวณ PIAZZA DELLA SIGNORIA ใกล้ ๆ กับรูปจำลองเดวิด
แต่เดิมที่นี่เรียกว่า Palazzo della Signoria แต่มีการเปลี่ยนในภายหลังไปอีกหลายชื่อ ทั้ง Palazzo del Popolo , Palazzo del Priori เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในช่วงนั้น ๆ จนมาใช้ชื่อในปัจจุบันในที่สุด
อาคารนี้ถูกสร้างขึ้นโดย Arnolfo di Cambio ในระหว่างปี 1298 ถึง 1314 โดยจุดสำคัญที่ทำให้มีชื่อเสียงคือวิวจากหอคอยที่สูง 94 เมตร Torre d’Arnolfo สามารถมองเห็นวิวโดยรอบเมืองได้สุดสายตา และนอกจากนี้ยังมีการประดับตกแต่งภายในที่สวยงามอีกด้วย
--------------------------
Piazza San Marco
--------------------------
จัตุรัสที่อยู่บริเวณตอนเหนือของเมือง บริเวณมหาวิทยาลัยของเมือง ถึงแม้จะดูไกลจากแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ไปบ้าง แต่ก็มีจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่าง Galleria dell’ Accademia ที่เป็นที่เก็บรูปปั้นเดวิดอยู่
--------------------------
Galleria dell’ Accademia
--------------------------
เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ 8.15 -18.50
ค่าเข้าชม 10 ยูโร
พิพิธภัณฑ์ชื่อดังของเมือง Florence ตั้งอยู่บริเวณทางใต้ของ Piazza San Marco แต่เดิมเป็นโรงเรียนสอนศิลปะที่มีอายุยาวนานมาก จนมาเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
ถ้าเห็นคนต่อแถวด้วยคิวมหาศาลแล้วล่ะก็เดาเอาไว้ได้เลยว่าเป็นคิวเพื่อเข้าชม Galleria dell’ Accademia นั่นเอง ความสำคัญที่สุดของพิพิธภัณฑ์นี้ก็คือเป็นที่เก็บรักษางานปั้นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติอย่าง รูปปั้นเดวิด ( Michelangelo’s David ) ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของ มิเคลลันเจโลนั่นเอง
เดวิดเป็นรูปปั้นของชายหนุ่มเปลือยกายรูปร่างกำยำ มีกล้ามเนื้อที่ดูสมสัดส่วนน่าเกรงขาม มีขนาดสูงราว 160 นิ้ว หรือสองเท่ากว่า ๆ ของขนาดคนปกติ ที่แกะสลักจากหินอ่อน โดยมิเคลลันเจโลในวัย 29 ปี แต่กว่าจะแกะแล้วเสร็จเขาก็อายุ 33 เสียแล้ว เพราะใช้เวลาในการแกันานถึง 4ปีทีเดียว
รูปปั้นเดวิดนี้แต่ก่อนเคยตั้งอยู่กลางแจ้งที่ Piazza della Signoria แต่เนื่องจากต้องตากแดดตากฝน จึงกลัวว่าจะได้รับความเสียหาย จึงได้นำมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในปี 1873 และทำรุปปั้นจำลองเอาไว้ที่จัตุรัสแทน
ส่วนงานอื่น ๆ ในพิพิธภัณฑ์นั้นก็เป็นงานปฎิมากรรมที่มีความสวยงามมากเช่นกัน ทั้งงานของมิเคลลันเจโลเองและงานของศิลปินคนอื่น ๆ
หากจะเข้าชมแนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงคิว เพราะบางครั้งอาจต้องรอคิวถึงกว่า 2 ชั่วโมง โดยสามารถซื้อออนไลน์ได้หลายเวป ข้อเสียคือจะเสียค่าบริการจองค่อนข้างแพง
--------------------------
Museo di San Marco
--------------------------
เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ 8.15 - 13.20
ค่าเข้าชม 4 ยูโร
ตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่บริเวณมหาวิทยาลัย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีไฮไลท์บริเวณชั้นที่ 1 บริเวณด้านบนของบันไดเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Fra Angelico ที่ชื่อ Annunciation ประดับตกแต่งอยู่ ท่ามกลางภาพเขียนในแนว Frescoes อีกจำนวนมาก
--------------------------
SANTA CROCE
--------------------------
ย่านนี้เป็นที่ตั้งของโบสถ์สำคัญอีกแห่งในเมือง อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Duomo
Basillica di Santa Croce
เวลาทำการ จันทร์ - เสาร์ 9.30 - 17.00 อาทิตย์ 14.00 - 17.00
ค่าเข้าชม 6 ยูโร
วัดในนิกายโรมันคาธอลิค ความสำคัญของที่นี่คือเป็นที่เก็บศพของคนดังหลาย ๆ คน ทั้ง มิเคลเอนเจโล กาลิเอโอ และคนดังอื่น ๆ อีกมากมาย จนได้รับฉายาว่า “Pantheon of the Italian Glories”
ในอดีตวัดถูกสร้างขึ้นราวปี 1294 โดยเศรษฐีผู้มั่งคั่งในเมือง Florence โดยสร้างเป็นวัดในลัทธิ franciscan และถือเป็นวัด franciscan ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย ก่อนจะมีการดัดแปลงปรับปรุงหลายต่อหลายครั้ง ทั้งจากความเสียหาย และจากสถานการณ์การเมืองและศาสนาในยุคนั้น ๆ จนในครั้งหลัง ๆ ได้มีการดัดแปลงใส่ิลปะแบบ Gothic และ Neo Gothic เข้าไป และได้ยกให้เป็นสมบัติของสาธารณะในปี 1866
ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนทั่วไปเข้าชม ส่วนหอพักของนักบวชเดิมก็เปิดเป็นโรงเรียนสอนช่างหนังและเปิดให้เข้าชมกรรมวิธีผลิตเครื่องหนังด้วย
--------------------------
THE OLTRARNO
--------------------------
ย่านริมน้ำซึ่งบรรยากาศจะแตกต่างกับย่านอื่น เพราะจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ไม่ได้มีอาคารบ้านเรือนหนาแน่นเหมือนที่อื่น ๆ แต่ก็เป็นย่านที่พลาดไม่ได้เพราะมีสิ่งก่อสร้างและวิวที่สวยงามอยู่หลายแห่งเลยทีเดียว
--------------------------
Ponte Vecchio
--------------------------
สะพานที่ไม่ใช่สะพานธรรมดา แต่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองเลยทีเดียว สะพานทีทอดผ่านแม่น้ำ Arno แห่งนี้ก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ คศ 1345 และยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ในปัจจุบัน ถือเป็นสะพานเก่าแก่แห่งเดียวที่เหลือรอดมาได้
แต่เดิมถูกสร้างเป็นสะพานไม้ 2 ชั้นและมีหลังคาคลุม บนชั้นสองจะเป็นทางเดินเชื่อมต่อกับ Palazzo Pitti เพื่อให้เหล่าเจ้านายได้เดินข้ามแม่น้ำโดยไม่โดนแดดโดนฝน และใช้ชั้นล่างเป็นแหล่งค้าขายของสด แต่แล้วก็มีการเปลี่ยนให้มาขายเพชรพลอยแทนในภายหลัง เนื่องจากมีปัญหาเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ของเนื้อสัตว์ และถึงปัจจุบันก็ยังคงเป็นแหล่งขายเครื่องประดับที่ขึ้นชื่อของประเทศอยู่
สะพานถูกโจมตีอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ในรูปแบบที่เห็นปัจจุบัน ร้านค้าต่าง ๆ ก็ยังคงมีครบเช่นเดิม จากที่สะพานสามาถมองเห็นวิวแม่น้ำและเมืองได้อย่างสวยงาม หรือจะมองตัวสะพานเองจากยอดเขาใกล้เคียงก็สวยงามไม่แพ้ใครเลย
--------------------------
Plazzale Michelangelo
--------------------------
จุดชมวิวหลักของเมือง เพราะจะสามารถเห็นตัวเมืองทั้งหมดจากภายนอกได้แบบ Panorama โดยมี Duomo เด่นเป็นสง่าอยู่กลางเมือง นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ตั้งของรูปจำลองเดวิดอีกแห่งด้วย ( รวมแล้วรูปสลักเดวิดมีทั้งหมด 3 ชิ้นด้วยกัน ในเมือง Florence )
ที่นี่นิยมมากสำหรับนักท่องเที่ยวในช่วงยามเย็น เนื่องจากจะเห็นพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าจากที่นี่ และถ้าอยู่ต่ออีกซักนิดก็จะเห็นภาพเมืองที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ สวยงามราวอัญมณีเลยทีเดียว
สามารถเดินทางมาได้ทั้งการเดิน โดยเดินขึ้นเขามาประมาณ 10 นาที หรือจะนั่งรถบัสมาจากสถานีรถไฟก็ได้
Palazzo Pitti
เวลาทำการ อังคาร - อาทิตย์ 8.30 - 18.50
ค่าเข้าชม 7-25 ยูโร
ที่พำนักเก่าของตระกูลเมดิซี ตระกูลที่มีชื่อเสียงและบทบาทสำคัญอย่างมากต่อเมือง Florence โดยแต่เดิมเป็นของพ่อค้าในตระกูล Pitti ก่อนจะถูกเปลี่ยนมือในปี 1550 เพราะการล้มละลายของตระกูล Pitti ในสมัยก่อน ขุนนางหรือคนระดับสูงที่อาศัยที่นี่จะใช้สะพาน Vecchio ในการเดินข้ามไปทำงานหรือว่าราชการที่บริเวณ PIAZZA DELLA SIGNORIA
ในปัจจุบันเปิดในประชาชนทั่วไปเข้าชมภายใน โดยจะเก็บรักษางานศิลปะต่าง ๆ ของตระกูล รวมไปถึงห้องและเครื่องใช้ต่าง ๆ ทั้งเครื่องครัว ชุดอาหาร เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับไว้ครบถ้วน โดยห้องที่น่าชมที่สุดก็ได้แก่ Galleria Palatina & Appartamenti Reali นั่นเอง
--------------------------
ที่พักใน Florence
--------------------------
ที่นี่มีที่พักให้เลือกมากมาย เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ มีตั้งแต่แบบแพงมาก ๆ จนไปถึงห้องพักแบบ Dorm นอนรวม
--------------------------
B&B Dell'Olio
--------------------------
Piazza Dell' Olio 3, Duomo, 50123 ฟลอเรนซ์, อิตาลี
ราคาเริ่มต้น 4,000 บาท / ห้อง
โรงแรมที่อยู่ใกล้ Duomo มาก สะดวกสำหรับการท่องเที่ยว อยู่ใจกลางเมือง ห้องสะอาดและดูสมราคา สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
--------------------------
Hostel Gallo D'oro
--------------------------
Via Cavour 104, San Marco - Santissima Annunziata, 50129 ฟลอเรนซ์, อิตาลี
ราคาเริ่มต้น 750 บาท / คนสำหรับห้องนอนรวม
Hostel ที่มีราคาถูกมาก แม้จะเป็นห้องนอนรวมแบบ Dorm แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด ราคานี้รวมอาหารเช้าแบบง่าย ๆ ไปด้วย เหมาะสำหรับนักเดินทางราคาประหยัดที่ต้องการที่พักราคาดี แต่ปลอดภัย ข้อเสียคืออยู่ไกลแหล่งท่องเที่ยวหลักไปบ้าง ใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาที
「italian gothic」的推薦目錄:
- 關於italian gothic 在 TravelKanuman / คา นู แมน 2เท้าชาวท่องโลก Facebook 的最讚貼文
- 關於italian gothic 在 Trí Minh Lê Facebook 的最佳解答
- 關於italian gothic 在 Tamigraphy Facebook 的最讚貼文
- 關於italian gothic 在 History of Arch Lecture 18 Gothic Architecture Part 4 Italian ... 的評價
- 關於italian gothic 在 14 Italian gothic architecture ideas - Pinterest 的評價
- 關於italian gothic 在 Italian Gothic - Facebook 的評價
italian gothic 在 Trí Minh Lê Facebook 的最佳解答
MATTHEW WILLIAMS + GIVENCHY/ Một DEMNA BALENCIAGA mới hay RAFSIMONS CALVIN KLEIN?
Nhanh gọn không nói nhiều, Givenchy vừa công bố với thế giới rằng – nhà sáng tạo mới của họ là Matthew Williams, hay được biết tới nhiều hơn là founder và designer của ALYX Studio/ 1017 Alyx 9SM. Show đầu tiên ra mắt sẽ vào trung tầm tháng 10 năm nay.
Về quan điểm của mình, đây có vẻ hơi ngỡ ngàng một chút và là một bước đi đầy rủi ro của nhà Givenchy. Hãy cùng lật lại những nhà thiết kế hàng đầu đã từng đầu quân cho Givenchy nhé – chúng ta sẽ bỏ qua Hubert de Givenchy (Vì cụ là người sáng lập rồi). Sau khi gia nhập vào LVMH năm 1988 thì Givenchy trải qua 3 giai đoạn lớn tương ứng với 3 nhà thiết kế chính. Đàu tiên phải nói tới gã lòe loẹt John Galliano với ảnh hưởng của haute-couture và tình yêu với nhánh sản phẩm nữ. Tiếp theo là Riccardo Tisci từ năm 2005 đến 2017 (Một khoảng thời gian khá dài) với bóng tối của phong cách Italian Gothic – nhận thấy Givenchy hơi bị lép vế so với các thương hiệu cùng thời điểm, ngày 02/05/2017 – Clare Waight Keller, sở trường về phong cách lãng mạn kiểu Pháp và Anh Quốc (Anglo-French) đã đầu quân cho Givenchy nhằm mang tới một sự sáng sủa và mới mẻ cho Givenchy. (Nhưng cảm nhận về tính đa dạng và phổ biến của thị trường thì Givenchy vẫn lép vế hoàn toàn so với các thương hiệu khác).
Vậy – 3 cái tên kia, dù gì vẫn mang trong mình một sự duy trì “haute-couture” nào đó trong mình. Và khách hàng – nói đúng hơn là khách hàng trung thành của Givenchy, vẫn tin dùng sử dụng vì những gì Givenchy đã, đang mang lại. Cái tên Matthew Williams, với một phong cách hiện đại hơn, gần nhịp thở của đương đại hơn, có vẻ lại đầy rủi ro cho một thương hiệu có phần “Già cỗi” và đậm “Haute Couture” như Givenchy.
Nó có phần ngược lại với sự về một nhà giữa RafSimons và Calvin Klein khi CK lúc đó quá nổi tiếng, quá phổ biến và đại trà. Raf lại thổi vào trong đó một sự thời trang và kén chọn về thị trường cho nên “Cơm chẳng lành và canh chẳng ngọt”, những sản phẩm của Raf-CK đẹp nhưng không phải ai cũng mặc được – thế nên mối nhân duyên này cũng chẳng bền lâu. Quay trở lại – Matthew và Givenchy lại hoàn toàn đối ngược, Givenchy mang trong mình 1 sự cổ kính đến phần già cỗi nên cần những tác nhân mới và hợp xu hướng như Matthew.
Bài học của người bạn đi trước như Balenciaga và Demna Gvasalia có thể là một tấm gương sáng. Trước khi Demna về, Balenciaga khá giống với Givenchy bây giờ. Một thương hiệu tập trung về haute-couture và chả quan tâm gì đến “Streetwear” là gì. Nếu các bạn nào theo dõi về Balenciaga thời tiền- Demna, sẽ thấy những items mang cảm giác “già” cho thế hệ hiện tại. Nhưng khi Demna vào, chuyện gì xảy ra các bạn cũng biết rồi đúng không (1 quả bom) – Balenciaga trở thành thương hiệu số 1 thế giới giai đoạn 2 năm vừa qua.
Nhưng – đó là thời điểm 2 năm trước, thời đường phố còn thống trị đường băng. Bây giờ, người ta lại đang tái cơ cấu lại ngành công nghiệp thời trang quá nhanh này và cả Balenciaga mới back lại haute-couture vào mùa Xuân/Hạ 2020 vừa rồi. Vậy – Matthew Williams và Givenchy, có quá trễ hay không?
Xét về cảm nhận cá nhân, Matthew Williams hay nói rộng hơn là ALYX. ALYX theo cá nhân của mình không nổi tiếng quá nhiều về clothing line mà bật hơn về phụ kiện/accessories, buckle belt Alyx hot lên bởi A$AP ROCKY, chest reg vest nổi lên nhờ Kanye West. Người ta yêu thích ALyx và nhớ tới Alyx về những buckle mang tính thương hiệu của mình – còn về đồ thì sao? Hmmm. Có thời có người còn hỏi mình Alyx có phải là brand Techwear không đó.
Mối lương duyên này, đầy rủi ro nhưng cũng đầy cơ hội. Matthew Williams muốn chứng tỏ hơn về mình trong thời trang chứ không phải là mỗi về Buckle. M.W cần thoát khỏi Alyx và được dưới một cái tên, một tượng đài có sẵn trong ngôi đền thời trang để thỏa sức sáng tạo quần áo của mình. Givenchy là phù hợp (Ở danh nghĩa cái tên thôi nhé, còn vibe mình hơi lạc). Còn Givenchy, với sự sụt giảm nặng nề do dịch bệnh – cần những cái tên có thể thay máu cho toàn bộ thương hiệu và thúc đẩy truyền thông. M.W cũng là 1 option tốt khi so với những cái tên còn lại. Nên nhớ thêm một điều, thời đại này là thời đại của 4.0 và KOls – hãy xem thử ai đã từng yêu thích mặc đồ ALYX nào (Toàn tên hot không đấy).
Hãy cùng chờ xem, liệu chúng ta có một màn thoát xác ngoạn mục như Demna Balenciaga hay mối tình ngắn hạn như Raf và CK?
italian gothic 在 Tamigraphy Facebook 的最讚貼文
練習了成個星期italian hand💙🤗
雖然我練italian hand會用直桿加vintage nib (gillott 303)
寫出嚟啲字會震到貓王咁🤦🏻♀️
但係我又真係覺得好好玩~☺️
有陣時寫到幾個鐘完全停唔到😂🙈
尤其係大楷!實在有太多variation!🤩
自己練練下又會忍唔住撩多咗變咗個超級flourished的字母😂
連細楷我有陣時都會唔小心創咗一個新款俾佢😆
大家去片睇吓我啲細楷字母求其亂寫咗幾多款出嚟~~🙈🙈🙈😂
#西洋書法 #西洋書法班 #英文書法 #英文書法班 #calligraphy #tamigraphy #copperplate #engrossersscript #italic #gothic #spencerian #moderncalligraphy #brush #grafitti #hkcalligraphy #calligraphyhk #rulingpen #americancursive #businesscursive #cursivewriting
italian gothic 在 14 Italian gothic architecture ideas - Pinterest 的推薦與評價
Oct 31, 2017 - Explore julia liberatore's board "italian gothic architecture" on Pinterest. See more ideas about gothic architecture, architecture, ... ... <看更多>
italian gothic 在 Italian Gothic - Facebook 的推薦與評價
Italian Gothic. 518 likes · 11 talking about this. Webzine italiana dedicata al Gothic Rock, Post Punk, Dark Wave, Death Rock, Anarcho Goth, Synth Pop,... ... <看更多>
italian gothic 在 History of Arch Lecture 18 Gothic Architecture Part 4 Italian ... 的推薦與評價
History of Arch Lecture 18 Gothic Architecture Part 4 Italian Gothic. 6.1K views 5 years ago. CosmoLearning. CosmoLearning. ... <看更多>