สะสมการลงทุนในช่วงตลาดผันผวน ด้วยกองทุนบัวหลวง RMF
กองทุนบัวหลวง x ลงทุนแมน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปีนี้ เป็นปีที่ตลาดผันผวน และคาดเดายากมากที่สุดปีหนึ่ง
ซึ่งก็รวมไปถึงในไทยและต่างประเทศ
ตัวอย่างเช่น ในประเทศไทยเอง ที่ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปี ดัชนี SET ได้ปรับตัวลงอย่างหนัก ทำให้ดัชนีราคาทำจุดต่ำสุดที่ 969 จุด ก่อนจะเริ่มฟื้นกลับมาที่ 1,400 จุดในปัจจุบัน
หรืออย่างสหรัฐอเมริกาที่ ที่ดัชนี Dow Jones ได้ปรับตัวลงอย่างรุนแรง และกลับมาทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 29,950.44 จุด เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ซึ่งการที่ตลาดทุนมีความผันผวนเช่นนี้
ก็อาจทำให้เรามีโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ในราคาไม่สูงมากจนเกินไปด้วยเช่นกัน
สำหรับใครที่ชอบการลงทุนเพื่อรอผลตอบแทนในระยะยาว
วันนี้ ทางกองทุนบัวหลวง มีกองทุน RMF ที่น่าสนใจมานำเสนอ ซึ่งก็คือ กองทุนเปิดบัวหลวงทศพลเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-TOPTENRMF) และ กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (BERMF)
แล้วกองทุนทั้งสองนี้ น่าสนใจอย่างไร?
เริ่มจาก กองทุนเปิดบัวหลวงทศพลเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-TOPTENRMF) ที่เน้นการลงทุนระยะปานกลางและระยะยาว ในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยทางผู้จัดการกองทุนจะมีการคัดเลือกหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีที่คาดหมายว่าจะให้ผลตอบแทนรวมสูงสุด 10 อันดับแรก และมีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management หรือ มุ่งหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาด
ทำให้เหมาะกับคนที่ สามารถรอรับผลตอบแทนได้ในระยะยาว
กองทุนต่อมาก็คือ กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (BERMF) ซึ่งจะเน้นการลงทุน ในตราสารทุนที่ทั้งจดหรือไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีปัจจัยพื้นฐานดี โดยมีสัดส่วนการลงทุนโดยรวมไม่ต่ำกว่า 80% และเป็นกองทุน Morningstar ระดับ 4 ดาว
จะเห็นได้ว่า กองทุนทั้งสองนี้จะเน้นไปที่การลงทุนในประเทศไทยเป็นหลัก
แต่ถ้าเรากำลังมองหากองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ ทางกองทุนบัวหลวง ก็ยังมีกองทุนอื่นเป็นทางเลือกให้ด้วย ซึ่งเน้นการลงทุนในต่างประเทศ และอุตสาหกรรม Healthcare และ Technology ซึ่งกำลังเป็น 2 อุตสาหกรรม ที่มีแนวโน้มในการเติบโตที่ดีในอนาคต
โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 กองทุนดังนี้
1. กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BCARERMF) โดยจะเข้าไปลงทุนในกองทุน ที่ชื่อว่า Wellington Global Health Care Equity Fund ที่เน้นการลงทุนในธุรกิจกลุ่ม Healthcare ทั่วโลก
2. กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-INNOTECHRMF)
โดยจะเข้าไปลงทุนในกองทุน Fidelity Funds - Global Technology Fund ที่ลงทุนให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจากทั่วโลก ตัวอย่างเช่น Apple, Samsung, Alphabet, Microsoft และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
3. กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE)
โดยจะเข้าไปลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ ตามธุรกิจที่จะได้ประโยชน์ จากแนวโน้มการบริโภคในอนาคต โดยปัจจุบันได้เข้าไปลงทุนในกองทุน Allianz Global Investors - Artificial Intelligence ที่เน้นการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆ ในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก
โดยรวมแล้ว การลงทุนในกองทุน ทั้ง RMF ที่ลงทุนในประเทศ และกองทุนที่โฟกัสในหุ้นต่างประเทศนั้น
ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในเวลานี้
ที่นอกจากจะช่วยกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุนแล้ว ยังมีประโยชน์ทางภาษี และช่วยทำให้เรามีวินัยในการลงทุนด้วย..
พิเศษ สำหรับลูกค้าบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ ช่วงนี้ลงทุนได้สะดวกกว่าเดิม โดยสามารถซื้อกองทุนผ่านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพได้ด้วย
และช่วงนี้ยังมีโปรโมชั่นรับสิทธิพิเศษ 3 ต่อ เมื่อลงทุนในกองทุน RMF/SSF กับกองทุนบัวหลวง
ต่อที่ 1
เมื่อซื้อหน่วยลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษี RMF/SSF ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ และแลกใช้คะแนนสะสม Thank You Rewards ทุก 1,000 คะแนน รับเครดิตเงินคืน 100 บาท
ต่อที่ 2
สำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีใหม่กองทุน RMF/SSF และแลกใช้คะแนนสะสม Thank You Rewards เพื่อซื้อหน่วยลงทุนของ บลจ. ที่เปิดบัญชีใหม่
มีสิทธิ์รับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 100 บาท/ท่าน/บลจ. (จำกัด 1,000 สิทธิ์/เดือน)
ต่อที่ 3
สำหรับลูกค้าที่ลงทุน RMF/SSF ครบ 5 ครั้งขึ้นไป และมียอดเงินลงทุนรวม 150,000 บาทขึ้นไป
รับฟรี Starbucks e-Coupon มูลค่า 300 บาท/ท่าน
ใครที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามเงื่อนไขโปรโมชั่น ได้ที่ สาขาธนาคารกรุงเทพ หรือโทร 1333 หรือคลิกดูได้ที่ https://www.allgenenjoy.com/promotion/
คำเตือน: ผลการดำเนินงานในอดีต ไม่ได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุน RMF ก่อนตัดสินใจลงทุน
dow jones future 在 stu sis Facebook 的最讚貼文
[156871] 23671. 大笑 - 超級超級 (2020)★★
[156872] 23672. 逆流音樂 - You Can't Hide (2020)★★
[156873] 23673. Lil Baby & Gunna - Business Is Business (2018)★★
[156874] 23674. Lil Fendi - BankRoll (2017)★★
[156875] 23675. Lil Freaky & Future - Dripset (2017)★★ⓡ‒
[156876] 23676. Lil Uzi Vert & Playboi Carti - Left Right (2016)★★
[156877] 23677. Lord Gasp - Abyssals (2018)★★
[156878] 23678. MC Gey - G-Funk (2015)★★
[156879] 23679. Mob Rules & Ulli Perhonen - My Sobriety Mind (2018)★★__Rainer Fränzen
[156880] 23680. Mount Kimbie & King Krule - You Took Your Time (2013)★★★
[156881] 23681. Mozart's Sister - Enjoy (2014)★★
[156882] 23682. My Brightest Diamond - Pressure (2014)★★__Emily Terndrup, Derrick Belcham
[156883] 23683. Natalia Lafourcade - Mi Tierra Veracruzana (2017)★★★
[156884] 23684. Nulbarich - In Your Pocket (2017)★★
[156885] 23685. Nulbarich - Kiss Me (2019)★★
[156886] 23686. Nulbarich - Look Up (2019)★★
[156887] 23687. Party Favor & Salvatore Ganacci - Wasabi (2019)★★
[156888] 23688. Phil Ochs - I Ain't Marching Any More (1965)★★★
[156889] 23689. Planet Asia & DirtyDiggs - Triple Beam Team (2019)★★__AA Rashid
[156890] 23690. Lil 2 Dow - Money Blue (2018)★★
[156891] 23691. Shug Da Trappa - War (2018)★★
[156892] 23692. Shug Da Trappa - Trappin' It Out (2019)★★
[156893] 23693. Playboi Carti & Rich the Kid - No Pressure (2016)★★✚
[156894] 23694. Playboi Carti & Lil Uzi Vert - Shoota (2018)★★★
[156895] 23695. Playboi Carti & Lil Uzi Vert - Lookin (2017)★★★
[156896] 23696. Playboi Carti - Location (2017)★★★
[156897] 23697. Playboi Carti - SneakDissin (2016)★★
[156898] 23698. Playboi Carti - Feel This (2016)★★
[156899] 23699. Playboi Carti - Cry (2011)★★__Kai Jones
[156900] 23700. Playboi Carti - $teeze (2012)★★ⓡ∿
[156901] 23701. Tiny Desk Concert: Sylvan Esso (2020)★★
[156902] 23702. Rema: Rema (2019)★★✚
[156903] 23703. Shug Da Trappa - Today (2020)★★
[156904] 23704. Shug Da Trappa - Profit (2019)★★
[156905] 23705. Shug Da Trappa - Perc No Xan (2019)★★
[156906] 23706. Shug Da Trappa - Keep On Snappin / Paper Route (2019)★★
[156907] 23707. Shug Da Trappa - Snap / Run Through (2019)★★
[156908] 23708. Shug Da Trappa - Do Dat (2018)★★
[156909] 23709. Shug Da Trappa - Came Back (2019)★★
[156910] 23710. Shug Da Trappa - 4 The Trap Only (2019)★★
dow jones future 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
เศรษฐกิจย่ำแย่ แต่หุ้นขึ้น /โดย ลงทุนแมน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ธนาคารกลางประเทศอังกฤษคาดการณ์ว่า GDP ปีนี้
จะตกต่ำลงกว่า 14% ซึ่งถือเป็นการลงที่รุนแรงที่สุดในรอบ 300 ปี
300 ปี เป็นตัวเลขที่น่าสนใจเพราะยุคนั้นเป็นยุคของเซอร์ไอแซก นิวตัน
ผู้คิดค้นทฤษฎีแรงโน้มถ่วง หรือประเทศไทยก็คือ ยุคกรุงศรีอยุธยา..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าวิกฤติในปีนี้ มีมูลค่าความเสียหายรุนแรง
ยิ่งกว่ายุคสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง และวิกฤติเศรษฐกิจทั้งหมดที่คนรุ่นเราพอจะนึกออก
นอกจากประเทศอังกฤษ อีกหลายประเทศก็กำลังเผชิญหน้า
กับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่สุดในรอบประวัติศาสตร์ ไม่ต่างกัน
สัปดาห์ก่อน ประเทศสหรัฐอเมริการายงานตัวเลข
การว่างงานพุ่งทะลุ 20.5 ล้านคน ในเดือนเมษายน
รวมถึงมีรายงานว่าบริษัทอเมริกันยื่นล้มละลายไปแล้วกว่า 78 แห่ง
เรื่องนี้ส่งผลให้อัตราว่างงานชาวอเมริกันอยู่ที่ระดับ 14.7%
ซึ่งถือเป็นระดับที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์
นับตั้งแต่ Great Depression ในปี ค.ศ. 1929 หรือ 91 ปีก่อน
วิกฤติในครั้งนั้น ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา (Dow Jones)
ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 381.17 จุด ตกลงมาสู่จุดต่ำสุดที่ 41.22 จุด
คิดเป็นการตกลงถึง 89% ภายในระยะเวลา 3 ปี
การตกลง 89% ของตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาในตอนนั้นใกล้เคียงกับการตกลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย
จากจุดสูงสุดที่ 1,789 จุด ตกลงมาสู่จุดต่ำสุด 204 จุด ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ. 2540
ซึ่งในปีถัดมา GDP ประเทศไทย ติดลบ 7.6%
ในขณะที่ปีนี้ IMF คาดการณ์ว่า GDP ประเทศไทยปีนี้ จะติดลบ 6.7%
เท่ากับว่าวิกฤติปัจจุบัน ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญกับเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรงสุดครั้งหนึ่งในรอบประวัติศาสตร์
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดทุน
ทั้งในสหรัฐอเมริกา ไทย รวมถึงทั่วโลก
กลับไม่ได้ตกต่ำรุนแรงเหมือนในอดีต..
แล้วสถานการณ์ตอนนี้กับในอดีต ต่างกันอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าบอกว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจที่ย่ำแย่สุดในรอบประวัติศาสตร์
ทุกคนก็คงยอมรับ
แต่นโยบายทางการเงินที่ธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลก กำลังทำอยู่ตอนนี้
ก็ถือว่าเป็นนโยบายที่บ้าบิ่นที่สุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน
เพราะตอนนี้ ธนาคารกลางในหลายประเทศหั่นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
รวมถึงอัดฉีดเงินเข้าระบบมหาศาล แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
การอัดฉีดเงินเข้าระบบ หรือ Quantitative Easing (QE) เป็นนโยบายทางการเงิน
ที่เริ่มต้นมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาในยุควิกฤติซับไพรม์ ปี ค.ศ. 2008
ซึ่งใช้ได้ผลดี และทำให้สหรัฐอเมริกาฟื้นจากวิกฤติมาได้อย่างรวดเร็ว
และก็เหมือนคนเคยเจ็บป่วย กินยาหาย
เมื่อป่วยอีกก็อยากกินยานั้นอีกครั้ง..
ซึ่งรอบนี้ การอัดฉีดเงินในประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้วิวัฒนาการเป็น Unlimited Quantitative Easing หรือ การพิมพ์เงินอัดเข้าไปพยุงสภาพคล่อง และธุรกิจไม่จำกัดวงเงิน ไม่จำกัดระยะเวลา
ถึงตอนนี้ธนาคารกลางประเทศสหรัฐอเมริกาอัดฉีดเงินเข้าระบบไปแล้วกว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 58 ล้านล้านบาท คิดเป็นกว่า 3.6 เท่าเมื่อเทียบกับ GDP ประเทศไทยปีที่ผ่านมา
ทั้งหมดนี้สะท้อนไปยังความเชื่อมั่นในตลาดทุนที่ฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะเกิด Circuit Breaker หลายครั้งในหลายประเทศตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา
การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วแบบนี้ สะท้อนให้เห็นว่าตอนนี้หลายคนยังมองวิกฤติโรคระบาด
มีแนวโน้มที่กำลังจะสิ้นสุดภายในไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้ และนโยบายทางการเงินที่บ้าคลั่งกำลังจะรักษาวิกฤตินี้ได้
อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า “สิ่งที่เราต้องจ่าย” จากการดำเนินนโยบายทางการเงินที่บ้าบิ่นขนาดนี้ จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในรูปแบบไหนบ้างในอนาคต
หากทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยสมบูรณ์
ผู้คนเดินทางเป็นปกติ ไปเที่ยวเป็นปกติ
ความต้องการ กำลังซื้อของเรากลับมาที่จุดเดิม
เงินที่ล้นระบบจากนโยบายทางการเงินในวันนี้
ก็จะถูกทำให้ลดลงในอนาคต
และในวันนั้น
บุคคลที่ติดยา แต่ให้หยุดเสพ
เราก็จะได้รู้กัน ว่าอาการเป็นอย่างไร..
╔═══════════╗
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 5
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ.2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/p…/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.history.com/…/great-de…/great-depression-history
-https://www.thebalance.com/the-great-depression-of-1929-330…
-https://www.bloomberg.com/…/fed-slows-treasury-buying-again…
-https://www.investopedia.com/t…/a/asian-financial-crisis.asp
-https://www.britannica.com/event/Asian-financial-crisis
-tradingview.com
-investing.com
Economy is bad but stocks are up / by Investing Man.
A few days ago, the British Central Bank predicted GDP this year.
Going down 14 % which is the most severe down in 300 years.
300 years are interesting numbers because that era is Sir Isaac Newton era.
The inventor of gravity theory or Thailand is the era of Krungsri Ayutthaya..
╔═══════════╗
Blockdit Analytical Article Source
Deep content penetrating
Recently, a podcast feature has been published.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
This reflects this year's crisis worth of severe damage.
Even more than the 2 world wars era and all economic crisis that our generation can imagine.
Apart from England, many other countries are facing.
With the worst economy in history, there is no difference.
Last week USA reported numbers
Unemployment surpassed 20.5 million people in April.
Including 78 American companies have been filed bankruptcy.
This resulted in the American unemployment rate at 14.7 % level.
Which is the worst level in history.
Since Great Depression in July Prof. 1929 or 91 years ago
Crisis at that time, U.S. stock market index (Dow Jones)
Dropped from 381.17th highs, fell to 41.22th lowest point.
Think about 89 % in 3 years.
A 89 % deal of U.S. stock market at that time was close to the agreement of the Thailand Stock Exchange Index.
From the highest point at 1,789 points, I fell to the lowest point of 204 points during the crisis. Tom Yum Kung Pip. B.E. 2540
GDP Thailand is 7.6 % negative.
While this year, IMF predicts GDP Thailand will be 6.7 % negative.
It's equal to the current crisis, countries around the world, including Thailand, are facing the most severe economic crash once in history.
But what happened to the capital market
Both in USA, Thailand and around the world.
Back to back, not as severe as in the past..
So what's the difference between now and past situation?
Investing man will tell you about it.
If we say we are now in the worst economic crisis in history
Everyone would accept it.
But the monetary policy that many central banks around the world are doing now.
It's considered the craziest policy in history too.
Because now, central banks in different countries cut interest rate policies down.
Including pumping money into the system like never before.
Pumping money into a system or Quantitative Easing (QE) is a monetary policy.
Starting from USA in subprime crisis era B.E. 2008
Which works well and quickly revives the U.S. crisis.
And it's like someone who has been sick. Take medicine to heal.
When I'm sick again, I want to take that pill again..
This time, the money pumping in USA evolves into Unlimited Quantitative Easing or printing money to support liquidity and business. Unlimited amount of money. No time limit.
Until now, the Central Bank of USA has pumped over 1.8 trillion USD or 58 trillion Baht. It's more than 3.6 times compared to GDP Thailand last year.
This all reflects confidence in rapidly reviving capital markets.
Despite the Circuit Breaker many times in different countries for the last 2 months.
A speedy recovery like this reflects that many people are still looking at the epidemic crisis.
It's likely to end within the next few months and insane monetary policies are going to cure this crisis.
However, no one knows what ′′ we have to pay ′′ from implementing this crazy financial policy will impact future economic system.
If everything is completely back to normal
People travel normally, go on a regular trip.
Our purchase demands are back at the same spot.
Money overflowing from monetary policy today
Will be dropped in the future
And on that day
A person who is addicted to drugs but stop using them.
We will know how the symptoms are..
╔═══════════╗
If you want to know the possibility of the world economy, you must understand the
World economy 1,000 years. 5th typing.
This book will talk about the world economic history from July. Prof. 1100 will keep chasing until July. B.E. 2019
Order at (Buy now and get 10 % discount from the cover price of 350 baht)
Lazada: https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee: https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
Follow to invest in man at
Website - longtunman.com
Blockdit-blockdit.com/longtunman
Facebook-@[113397052526245:274: lngthun mæn]
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram-instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.history.com/topics/great-depression/great-depression-history
-https://www.thebalance.com/the-great-depression-of-1929-3306033
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-05-08/fed-slows-treasury-buying-again-to-7-billion-a-day-next-week
-https://www.investopedia.com/terms/a/asian-financial-crisis.asp
-https://www.britannica.com/event/Asian-financial-crisis
-tradingview.com
-investing.comTranslated
dow jones future 在 Nasdaq, S&P, Dow Jones futures fall as Putin puts ... - YouTube 的推薦與評價
Nasdaq, S&P, Dow Jones futures fall as Putin puts nuclear forces on high alert, Global Market Update. 13K views 11 months ago #RussiaUkraine ... ... <看更多>